xs
xsm
sm
md
lg

ไงล่ะ.."รุ้ง-ปนัสยา" กับ กระเป๋าหลุยส์ใบละสองแสน งานนี้คนเราไม่เท่ากันจ้า **เสน่ห์อะไรที่ดึงดูด ส.ส.เข้าภูมิใจไทย แม้แต่ “อนุทิน” ยังบอกว่า หนูปล่าวนา...เขามาเอง!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**ไงล่ะ.."รุ้ง-ปนัสยา" กับ กระเป๋าหลุยส์ใบละสองแสน งานนี้คนเราไม่เท่ากันจ้า

ดรามาร้อนๆ ถึงกับวิจารณ์กันสนั่นโซเชียลฯ หลังจาก "รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล" แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าราษฎร แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นักศึกษาคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ต้องหาคดี112 โพสต์ท่าถือกระเป๋าแบรนด์เนมหรูหรา "หลุยส์ วิตตอง" ลงในไอจี Panusaya Sithijirawattanakul ของเจ้าตัวเอง

ภาพที่ปรากฏต่อสายตาของประชาชีชาวโซเชียลฯ เผยให้เห็น “รุ้ง-ปนัสยา” ในลุคชุดสวยเสื้อชมพู ยืนยิ้มอ่อนๆเขัากั๊นเข้ากันกับกระเป๋าใบงามสีเดียวกับเสื้อ ที่ต่อมาคนตาดีส่องแล้วซูมขยายต้องร้องว๊าว...ไม่ธรรมดานี่นา เพราะนี่เป็น กระเป๋าหลุยส์ วิตตอง ของมันต้องมีที่สตรีผู้มีอันจะกินถวิลหา ซึ่งตรวจสอบข้อมูล ระบุว่า คือรุ่นคาปูซีนส์ บีบี (CAPUCINES BB) ทำจากหนังธรรมชาติฟอกสี หรือ ทอริลลอน (Taurillon) สีชมพู และโลหะเฉดสีโรสโกลด์ มาพร้อมหูจับด้านบน และสายสะพายแบบถอดออกได้ ความยาว 27 เซนติเมตร ความสูง 18 เซนติเมตร และความกว้าง 9 เซนติเมตร ภายในบุด้วยหนังคาวไฮด์ พื้นกระเป๋ามีหมุดโลหะกันกระแทก 4 ตัว ผลิตในฝรั่งเศส สเปน อิตาลี หรือสหรัฐอเมริกา
สนนราคาก็ราวๆ 221,000 บาท

เนื่องเพราะเป็นของแบรนด์เนม ราคาแพง ธรรมดาซะที่ไหน ซึ่งก็ไม่รู้ว่า เป็นของรุ้งเอง หรือ "กระเป๋ายืมเพื่อนมา" แต่ความที่ดูย้อนแย้งขัดกับการเคลื่อนไหวเรียกร้องของเจ้าตัว ที่อยากเห็นคนที่เท่าเทียมกัน งานนี้ความบันเทิงก็เลยบังเกิด ชาวโซเชียลฯ หลากหลายคนแสดงความเห็นกันรัวๆ

อย่างทวิตเตอร์ @nanaicez ของ “น.ส.รักชนก ศรีนอก” เซเลบคลับเฮาส์ แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า พลังคลับ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตบางบอน พรรคก้าวไกล ระบุว่า "โควทเล่าให้ฟังหน่อย ว่ารับรู้เรื่องการแบ่งชนชั้นรวยจนครั้งแรกๆ ในชีวิต คือเหตุการณ์ไหน" พร้อมๆ แปะภาพ “น.ส.ปนัสยา” ถือกระเป๋าหรูใบดังกล่าวพร้อมเสาะหาราคามาบอกเสร็จสรรพ

บ้างก็ว่า “รุ้ง” เปิดคอร์สสอนให้แล้วว่า ยังเรียนไม่จบยังไงให้มีเงิน ใช้กระเป๋าใบละสองแสนได้ หรือแหมๆ..เอาอะไรมาพูดว่าเศรษฐกิจไม่ดี รุ้งทำให้ดูอยู่นี้ไง ตามมาด้วย "สู้แล้วรวย" วลียอดฮิตติดปากของบรรดานักเคลื่อนไหวทางการเมืองรุ่นพี่ป้า น้าอา

บ้างก็ว่า แกนนำราษฎรซื้อเอง หรือมีคนให้เป็นของขวัญมา ใบละสองแสนนี้สามารถซื้อนาฬิกาได้กี่เรือน

“รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล
แต่ละความเห็นล้วนแซะ “ปนัสยา” แบบเจ็บๆ คันๆ ไม่นับรวมฝ่ายตรงข้ามที่หยิบเอาไปประเด็นบดขยี้บี้ให้แบนว่า นุ่งรุ้ง กับกระเป๋าแบรนด์เนม แบ่งชนชั้นวรรณะระหว่างแกนนำกับ ติ่ง 3 กีบ แบบนี้ไหนว่าคนเราเท่าเทียมกัน?

ความเห็นเรื่องนี้ยังมีอีกมาก ต่างนานาจิตตังต่อลุคไฮโซของ “รุ้ง ปนัสยา” นักศึกษา นักเคลื่อนไหวที่มาจากครอบครัวชนชั้นกลาง พ่อแม่ทำธุรกิจส่วนตัว โด่งดังขึ้นมาจากการขึ้นเวทีปราศรัย "ธรรมศาสตร์จะไม่ทน" และจากนั้นก็เคลื่อนไหวเคียงคู่มากับ "เพนกวิน" พริษฐ์ ชิวารักษ์

จากภาพจำคนรุ่นใหม่ขวัญใจ 3 กีบในวันนั้น มาถึงการพลิกโฉม เป็นสาวงาม เลิศหรูคู่แบรนด์เนมวันนี้ งานนี้ดูท่าดรามา “รุ้งกับกระเป๋าหลุยส์” จะไม่จบในรุ่นเราแหง๋มๆ.

**เสน่ห์อะไรที่ดึงดูด ส.ส.เข้าภูมิใจไทย แม้แต่ “อนุทิน” ยังบอกว่า หนูปล่าวนา...เขามาเอง!!

ได้เห็นกันไปแล้วถึงความร้อนแรงของ “พรรคภูมิใจไทย” ในวันเปิดที่ทำการพรรค ย่าน ถ.พหลโยธิน ใกล้ ม.เกษตรศาสตร์ ที่รีโนเวทพรรคใหม่ ยิ่งใหญ่อลังการ มีอดีต ส.ส. ระดับเกรดเอ หรือ บีบวก ที่เพิ่งลาออกจากพรรคต่างๆเกือบครึ่งร้อย มาเปิดตัวขอใช้ “แบรนด์ภูมิใจไทย” ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

เรื่องนี้ อย่าไปมองเรื่องดูดด้วยเงิน หรือมาเพราะหิวกล้วยแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งหากจะว่ากันตามตรงแล้ว พรรคการเมืองในไทยนั้น เรื่องเสบียงกรัง คลังกระสุน พรรคอื่นก็มี แล้วทำไมถึงไม่มีแรงพอที่จะดึงดูด ส.ส.เหล่านี้

ยังมีช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผลการสำรวจ“ซูเปอร์โพล” มีประเด็นที่น่าสนใจคือ ที่สุดแห่งภาพจำของประชาชนต่อพรรคการเมืองนั้น ที่ได้คะแนนสูงสุดคือ พรรคภูมิใจไทย...โดดเด่นด้วยบริหารจัดการวัคซีนโควิด ดูแลบุคลากรการแพทย์ อสม. เป็นอย่างดี ...พรรคภูมิใจไทย รักชาติบ้านเมือง ปกป้องเชิดชูสถาบัน เสาหลักของชาติมากที่สุด

ปิดท้ายด้วย “อนุทิน ชาญวีรกูล” คือ ผู้นำพรรคการเมืองที่ประชาชนไว้วางใจให้เป็นมือแก้ปัญหาปากท้อง รายได้ และหนี้สินของประชาชน เทียบกันแล้วเหนือกว่า “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

“เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล
ผู้ที่ติดตามการเมืองมองปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทยแล้วเห็นว่า พรรคนี้มีเสน่ห์หลักๆ อยู่ 3 ประการ

หนึ่ง ไม่มีศัตรูทางการเมืองแบบแตกหัก ...ที่ผ่านมาแม้ว่าเราจะเห็นพรรคภูมิใจไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ฟัดกันด้วยนโยบายกัญชา แต่นั่นไม่ได้แปลว่าทั้ง 2 พรรคจะอยู่ในสภาพผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ แต่เป็นเรื่องนโยบายที่เห็นต่าง ไม่ใช่ความขัดแย้งแบบเอาเรื่องที่ลับมาไขที่แจ้ง เอาเรื่องส่วนตัวมาประจานกัน จนกลายเป็น “แค้นฝังหุ่น” ...แต่พรรคภูมิใจไทยยังอยู่ในจุดที่มีมารยาททางการเมืองระหว่างกันพอควร

จึงทำให้เป็นคุณสมบัติเด่น ที่ทำให้พรรคภูมิใจไทย สามารถเข้ากับใครก็ได้ และได้ชื่อว่าเป็นตัวแปร ในการจัดตั้งรัฐบาลที่สำคัญ... เรียกว่าหลังเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างชัวร์ นี่คือจุดสำคัญที่นักการเมืองเขามองกัน จึงไหลมาเพื่อจะได้มีโอกาสทำงานในฐานะรัฐบาล ได้แสดงฝีไม้ลายมือให้เป็นที่ประจักษ์

สอง การจัดวางระบบภายในพรรค “ภูมิใจไทย” ได้ชื่อว่าเป็นพรรคที่ไม่มีปัญหาภายในเลย ความมีเอกภาพทำให้ลูกพรรคไม่ต้องลำบากใจในการทำงานการเมือง และไม่มีแรงกดดัน ทั้งภายใน ภายนอก ไม่ต้องวิ่งหาอำนาจอื่น หรือผู้มีบารมีที่อยู่เหนือพรรค หรือนอกพรรคมากดดันผู้บริหารพรรค

ต่างจากบางพรรคที่ไม่มีระบบ หรือมีอำนาจซับซ้อนเกินไป หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค ไม่มีอำนาจจริงตัดสินใจอะไรไม่ได้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ ส.ส.เหล่านั้นต้องมาที่ภูมิใจไทย เพราะอย่างน้อยที่สุดก็มั่นใจได้ว่า หัวหน้าพรรค คือหัวหน้าพรรคตัวจริง มีอำนาจจริง ไม่ใช้ตุ๊กตามนุษย์ ที่เขาอุปโลกน์ให้เป็นหัวหน้าพรรคแต่ในนาม

สาม การใช้ผลงานสร้างกระแส ไม่เพียงผลงานการจัดการแก้ปัญหาโควิด-19 ที่ต่างประเทศยังชื่นชม ซึ่งนั่นถือว่าเป็นผลงานของรัฐบาล ...หากผลงานที่ได้ทำตามนโยบายของพรรคภูมิใจไทยที่ใช้หาเสียง นั่นคือเรื่องกัญชา จนตอนนี้ถ้าพูดถึง “พรรคกัญชา” ใครๆก็รู้ว่าคือพรรคภูมิใจไทย

ทั้งนักการเมืองและประชาชน ยอมรับว่าภูมิใจไทย สามารถสร้างผลงานเป็นรูปธรรม ประกาศนโยบายอะไรไว้ พวกเขามีแนวโน้มจะทำได้จริง เพราะมีผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์มาแล้ว ทำให้ทางพรรคเคลมได้ว่า “ภูมิใจไทยพูดแล้วทำ”

เหล่านี้ คือปัจจัยบวก ที่ทำให้พรรคภูมิใจไทยพุ่งขึ้นมาอย่างโดดเด่นจนส.ส.ทั้งบ้านใหญ่ บ้านไม่ใหญ่ เลือกที่จะมาอยู่ที่นี่ เพราะต่างก็ต้องการหลีกลี้หนีความวุ่นวายในพรรคเก่า ที่บางพรรคก็ขาดความชัดเจนในระบบบริหาร ไม่รู้ว่าใครคือผู้มีอำนาจตัวจริง ไม่รู้ว่าจะฟัง จะเชื่อใครได้บ้าง บางพรรค ก็ทำศึกกันเองภายใน บางพรรคก็มีแนวโน้มว่าอยู่ไปคงต้องเป็นฝ่ายค้านแน่

ขึ้นชื่อว่านักการเมือง ล้วนต้องการโชว์ฝีมือในการทำงาน และคิดว่าพรรคภูมิใจไทย จะให้โอกาสนั้นได้ ในฐานะที่เป็นพรรคซึ่งมีโอกาสสูงลิ่วที่จะเป็นรัฐบาล

การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคภูมิใจไทยประกาศว่า จะส่งผู้สมัครส.ส. ครบทั้ง 400 เขต จึงเชื่อว่าหลังจากนี้ยังจะมีบรรดาส.ส. และอดีตส.ส. เข้ามาที่พรรคภูมิใจไทยเพิ่มอีกแน่นอน

โดยเฉพาะตัว “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคยืนยัน จะเป็นแคนดิเดตนายกฯเพียงหนึ่งเดียวของพรรค ไม่มีเบอร์ 2 เบอร์ 3

ที่ว่ามานี้ ล้วนเป็นเสน่ห์ดึงดูดของพรรคภูมิใจไทยที่หาได้ยากยิ่งจากพรรคการเมืองอื่นๆ

หลังเลือกตั้งต้องมาดูกันว่าพรรคภูมิใจไทยที่มีกระแสดีขนาดนี้ จะเป็นแกนหลักจัดตั้งรัฐบาล และมี “อนุทิน”เป็นผู้นำรัฐบาลหรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น