xs
xsm
sm
md
lg

เกมพลิก?? มหกรรม ส.ส.ย้ายซบ ภท.ไม่ไหวจะรับแผนนายกฯ “คนละครึ่ง” ของ “ลุงตู่” ** “หมอหนู” มาแว้วว...“อนุทิน” นำแคนดิเดตนายกฯ คนเชื่อมั่นแก้ปัญหาปากท้อง-หนี้สิน-พูดแล้วทำ เฉือน “อุ๊งอิ้ง”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** เกมพลิก?? มหกรรม ส.ส.ย้ายซบ ภท. ไม่ไหวจะรับแผนนายกฯ “คนละครึ่ง” ของ “ลุงตู่”

การเมืองร้อนๆ จ้า ช่วงเข้าสู่รอยต่อปีเก่าใกล้จะหมดไป ปีใหม่กำลังจะมา ตอนนี้ใครจะไป ใครจะมา สำหรับแวดวงการเมือง ล้วนเป็นความเคลื่อนไหว มีนัยยะที่น่าสนใจยิ่งนัก

หนึ่งในวงในที่คอการเมืองติดตามฟังการวิเคราะห์มาตลอด อย่าง “ไพศาล พืชมงคล” นักกฎหมายชื่อดัง และอดีตกรรมการผู้ช่วย “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ #นับถอยหลังสถานการณ์เลือกตั้ง แผน “วิ่งผลัดนายกฯ คนละ 2 ปี เหลว” โดยระบุว่า “ก็บอกไว้ก่อนแล้วไงว่า ทางเลือกมีไม่มากนัก ว่า “จะยุบสภาหรือครบวาระ เพราะถ้ามี ส.ส.ลาออก 200 คน ก็ต้องยุบสภาสถานเดียว”

วันนี้มีข่าวยืนยันแล้วว่าสัปดาห์หน้าจะมีส.ส. ลาออก 40 คนไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย ดูการโคจรถอยหลังของดาวมฤตยูเมื่อเช้านี้แล้ว คาดว่า ยังไม่หมดเท่านี้ !!!

เมื่อ ส.ส.ลาออก และเวลาก่อนถึงกำหนดการเลือกตั้งตามวาระยังมีอีกพอสมควร จึงต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ แต่ถ้าเลือกตั้งใหม่ ก็ไม่คุ้มค่า เพราะ ส.ส.ใหม่จะอยู่ได้แค่เดือนกว่า ก็หมดวาระสภาแล้ว เป็นการล้างผลาญงบประมาณ จึงเป็นแรงกดดันให้ต้องยุบสภา

ข้อเสนอให้บางพรรคสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ก่อน 2 ปี จากนั้นให้หัวหน้าพรรคที่สนับสนุนนั้น เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ ไม่ได้รับความเชื่อถือ และกลายเป็นเรื่องขำขันของนักการเมืองในขณะนี้

เพราะข้อเสนอนี้ ถือเอาการคุมเสียง ส.ว. 250 คน เป็นฐานกำลัง!!!

ขณะนี้ ส.ว. แบ่งออกเป็นกี่กลุ่ม กี่พวก และสายไหนมีกี่คน รู้กันหรือยัง???

ตามรัฐธรรมนูญนั้น ส.ว.จะเลือกนายกฯได้อีกเพียงปีเดียวเท่านั้น หลังจากนั้น การเลือกนายกฯในสภา ต้องอาศัยเสียง ส.ส อย่างเดียว !!!

นักการเมืองเขารู้ทันเกมกลนี้ว่าเป็นข้อเสนอที่เหลวไหล เพราะเมื่อครบ 2 ปีแล้ว ส.ว. ไม่มีสิทธิเลือกนายกฯอีก จึงเกิดเงื่อนไขว่า “พรรคใดได้ ส.ส.มากกว่า พรรคนั้นก็เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคที่มี ส.ส.น้อย อย่างมากก็เอาตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี” ไป!!!
แล้วพรรคที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะสังกัดนั้นจะได้ ส.ส.มากกว่าพรรคการเมืองอื่นหรือ ?

ขนาดพรรคจิ๋วทุกพรรค สิบกว่าคนที่เคยใช้บริการกันมาก็ไม่เชื่อถือ ไม่เข้ามาร่วมด้วย แต่กำลังจะตั้งเป็น “กลุ่มอัมโน่”
แต่ “พิษ 100 หาร” จะได้กลับสภากี่คนก็ไม่รู้

เพราะเหตุนี้พรรคการเมืองต่างๆ จึงไม่ยอมรับเงื่อนไข “ผลัดกันเป็นนายกฯ คนละ 2 ปี” ที่ลุงตู่เป็นนายกฯก่อน!!!

และในทางการเมืองนั้น ถ้าพรรคไหนทำแบบนี้ก็คงไม่มีหน้าไปพบประชาชนที่ไปสัญญากับเขาไว้ และเมื่อพรรคการเมืองต่างๆ ไม่รับข้อเสนอ “นายกฯ วิ่งผลัดคนละ 2 ปี” หนทางกลับคืนสู่ทำเนียบฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยิ่งตีบตันลงไปอีก!!!” ... พร้อมๆ กับส่งท้ายข้อความด้วยแฮชแท็ก “#สร้างปัญหาต่อ ก่อปัญหาใหม่” งานนี้ คอการเมืองทั้งหลายได้มีเรื่องให้เมาท์มอย ต่อยอดการวิเคราะห์ของนักฎหมายชื่อดังอย่างไม่ต้องสงสัย

ขณะที่การย้ายซบพรรคภูมิใจไทย กำลังเป็นประเด็นที่หลายคนจับตา ฟังว่า ในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ พรรคภูมิใจไทย จะประกาศศักดา การเตรียมความพร้อมและแสดงพลังของบรรดา “ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.” ของทุกพรรคการเมือง ที่ประกาศตัวชัดเจนว่า จะลงสมัครรับเลือกตั้งกับพรรคภูมิใจไทย จำนวน 37 คน โดยอาจยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค และ ส.ส.ของพรรคการเมืองเดิม ที่สังกัด ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ก่อนที่จะเริ่มประกาศตัวหาเสียงในนามพรรคภูมิใจไทย

แว่วว่า จำนวนอาจจะไม่หยุดแค่ 37 คน เพราะยังมี ส.ส.ที่อยู่ระหว่างดีลใน “ทางลับ” อีกประมาณ 5-6 คน และ บางคนอยู่ระหว่างการตัดสินใจขั้นสุดท้าย ว่า จะย้ายมาอยู่พรรคภูมิใจไทย หรือไม่ โดยเฉพาะ ส.ส.กทม. และ ส.ส.จังหวัดปริมณฑลบางคน

ว่ากันว่า กลุ่ม ส.ส.เหล่านี้ เป็นกลุ่มที่ช่วงแรกได้รับการทาบทามให้ย้ายไปอยู่กับ “พรรครวมไทยสร้างตู่” หนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯอีกสมัย ตอนนี้เกิดอาการลังเลกับท่าทีของ “ลุงตู่” ที่ยังไม่ชัดเจน จึงจะขอบ๊ายบายบ่ายหน้ามาหา “หมอหนู” ที่ดูมีอนาคตสดใสมากกว่า

ต้องบอกย้ำกันอีกครั้งเลยว่า นาทีนี้การเมืองร้อนๆ จริงๆ ขอโปรดอย่ากะพริบตา !


** “หมอหนู” มาแว้วว...“อนุทิน” นำแคนดิเดตนายกฯคนเชื่อมั่นแก้ปัญหาปากท้อง-หนี้สิน-พูดแล้วทำ เฉือน “อุ๊งอิ้ง”

นาทีนี้ คำถามเจอบ่อยๆ หากให้กาเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ท่านจะเลือกใคร? แล รู้ๆ กันว่า หลังเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งจะเกิดขึ้นอีกไม่นานนับจากนี้ “ใครที่ว่า” นี้ จัดว่าเป็นบุคคลสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะต้องนำพาประเทศและประชาชนออกจาก “วิกฤต” ปัญหาที่รุมเร้าให้ได้ พร้อมกับวางรากฐานสร้างอนาคตกันใหม่

แน่นอนว่า ศึกการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทุกคนจับตา บรรดาสำนักสำรวจและวิจัย จึงจัดทำโพลเพื่อหยั่งเชิง และประเมินภาพที่น่าจะเป็นให้สังคมได้เห็นในเบื้องต้นว่า อะไร? ใคร? ที่สังคมต้องการ

น่าสนใจยิ่ง สำนักวิจัยซูเปอร์โพล ได้เสนอผลสำรวจ เรื่อง “เปิดใจคนไทย อนาคตการเมือง” สอดคล้องกับสถานการณ์ และตอบโจทย์คำถามดังกล่าว ผลปรากฏว่า เมื่อถามถึงความต้องการเร่งด่วนของประชาชนต่อรัฐบาลอนาคต หลังการเลือกตั้ง พบว่า ส่วนใหญ่ หรือ ร้อยละ 70.4 ต้องการให้แก้ปัญหาปากท้อง เรื่อง รายได้ อาชีพ ร้อยละ 62.1 ต้องการให้แก้ปัญหาสุขภาพ ค่าใช้จ่ายน้อย เข้าถึงง่าย อยู่ใกล้ สะดวก ร้อยละ 61.8 ต้องการให้แก้ปัญหาหนี้สิน พักหนี้ ปลดหนี้ ร้อยละ 48.9 ต้องการให้แก้ปัญหาพลังงาน ราคาแพง เช่น ไฟฟ้า น้ำมัน และ ร้อยละ 43.1 ต้องการให้แก้ปัญหามลพิษ โลกร้อน ใช้พลังงานสะอาด ตามลำดับ

ขณะที่ เมื่อถามถึง “แคนดิเดต” นายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเชื่อมั่น ช่วยแก้ปัญหาปากท้อง รายได้ และปัญหาหนี้สินของประชาชนได้ พบว่า เกินครึ่ง หรือร้อยละ 50.7 เชื่อมั่น “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รองลงมาคือ ร้อยละ 47.2 เชื่อมั่น “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 46.4 เชื่อมั่น “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 19.8 เชื่อมั่น “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ร้อยละ 17.6 เชื่อมั่น “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” พรรคก้าวไกล ตามลำดับ

ถามว่า อะไรที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้ง? ผลสำรวจออกมาว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 59.8 ระบุปัญหาเดือดร้อนที่กำลังเจอเป็นอะไรที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้ง รองลงมาคือ ร้อยละ 56.9 ระบุ พรรคการเมืองเป็นอะไรที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้ง ร้อยละ 52.0 ระบุ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรคการเมือง ร้อยละ 51.8 ระบุ นโยบายพรรคการเมืองที่บอกประชาชน และร้อยละ 46.7 ระบุ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ตามลำดับ

เมื่อถามถึงผู้นำพรรคการเมืองที่มีโอกาสเป็นรัฐบาลและทำได้จริงตามที่พูด พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 47.8 ระบุ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้นำพรรคการเมืองที่มีโอกาสเป็นรัฐบาลและทำได้จริงตามที่พูด รองลงมาคือ ร้อยละ 44.9 ระบุ “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 44.4 ระบุ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในขณะที่ ร้อยละ 17.2 ระบุ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และร้อยละ 14.5 ระบุเป็น “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตามลำดับ

จากผลโพลนี้ ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาเดือดร้อนที่ประชาชนกำลังเจอจะเป็นอะไรที่ประชาชนส่วนใหญ่ใช้ตัดสินใจเลือกตั้ง โดยพบว่า ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง รายได้ ค่าครองชีพ อาชีพ การแก้ปัญหาสุขภาพ ค่าใช้จ่ายน้อย เข้าถึงบริการสุขภาพที่ดีได้ง่าย อยู่ใกล้และสะดวกรวดเร็ว

นอกจากนี้ ปัญหาหนี้สิน พักหนี้ ปลดหนี้ เป็นความต้องการสำคัญอันดับต้นๆ ของประชาชนในโพล ที่น่าสนใจคือ ความเชื่อมั่นต่อ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สูงขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง นำหน้าไล่เรียงรองๆ ลงไปคือ “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” แกนนำพรรคเพื่อไทย “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีสัดส่วนฐานสนับสนุนสูง ทิ้งห่าง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ถูกทิ้งห่างอย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนเมื่อถามถึงผู้นำพรรคการเมืองที่มีโอกาสจะเป็นรัฐบาลและทำได้จริงตามที่พูด พบว่า อันดับแรก ได้แก่ “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รองลงไปคือ “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” พรรคเพื่อไทย “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีสัดส่วนฐานสนับสนุนทิ้งห่าง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกลที่ถูกทิ้งห่างอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน

ว่ากันว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” มีคะแนนนิยมลดลง ตกไปอยู่อันดับท้ายๆ ของตารางผลสำรวจครั้งนี้ น่าจะมาจากปัจจัยสำคัญ คือ ความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชน เรื่องปัญหาปากท้อง รายได้ ค่าครองชีพ อาชีพการงาน ที่รัฐบาลชุดปัจจุบันนี้อาจจะมีจุดอ่อน ด้านทีมเศรษฐกิจ และปัญหาขัดแย้งแยกทางกันเดิน ระหว่าง “น้องตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ “พี่ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำให้กองเชียร์ผู้สนับสนุน หรือ กระทั่ง “ติ่งลุงตู่” ผิดหวังพลังสนับสนุนอ่อนลง บวกกับภาพลักษณ์ของแกนนำพรรคพลังประชารัฐ และกระแสต่อต้านของคนไทยที่แรงต่อ “ทุนจีนสีเทา” กับอดีตรัฐมนตรี ที่ประชาชนเกิดความเคลือบแคลงสงสัย เพราะความไม่ชัดเจนและความไม่เข้มแข็งเพียงพอของ “3 ป.” ปล่อยปละละเลยไม่สะสางปัญหาที่กระทบต่อความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนในห้วงเวลาที่ยาวนาน ผลที่ตามมา คือ ประชาชนส่วนใหญ่กำลังมองหาผู้นำประเทศคนใหม่ที่เป็นความหวัง และเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาปากท้องและอื่นๆ ที่สำคัญต่อชีวิตของประชาชน แทนคนเดิมที่อยู่มาช้านาน ก็เป็นไปได้

นี่คือผลโพลของ “ซูเปอร์โพล” งานนี้ยังอาจจะมีพลิกไปพลิกมาอีกหลายตลบ คำท่านว่า “สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร” อาจจะใช้ได้สำหรับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน แต่ก็นั่นละ ใครออกตัวดี มีผลงานจับต้องได้ เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติ ที่ประชาชนต้องการ ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง

อย่าได้แปลกใจที่หากวันนี้ถ้าจะเห็นหน้า “หมอหนู” บานเป็นพิเศษ ตรงข้ามกับ “ลุงๆ” ที่แห้งเหี่ยว และเตรียมที่จะโรยรา


กำลังโหลดความคิดเห็น