ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง "เปิดใจคนไทย อนาคตการเมือง" กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,028 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 7 – 10 ธันวาคม 2565
เมื่อถามถึงความต้องการเร่งด่วนของประชาชนต่อรัฐบาลอนาคตหลังการเลือกตั้ง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 70.4 ต้องการให้แก้ปัญหาปากท้อง เรื่องรายได้ อาชีพ ร้อยละ 62.1 ต้องการให้แก้ปัญหาสุขภาพ ค่าใช้จ่ายน้อยเข้าถึงง่าย อยู่ใกล้ สะดวก ร้อยละ 61.8 ต้องการให้แก้ปัญหาหนี้สิน พักหนี้ ปลดหนี้ ร้อยละ48.9 ต้องการให้แก้ปัญหาพลังงาน ราคาแพง เช่น ไฟฟ้า น้ำมัน และร้อยละ 43.1 ต้องการให้แก้ปัญหามลพิษ โลกร้อน ใช้พลังงานสะอาด ตามลำดับ
ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนเชื่อมั่นช่วยแก้ปัญหาปากท้องรายได้ และปัญหาหนี้สินของประชาชนได้ พบว่า เกินครึ่งหรือร้อยละ 50.7 เชื่อมั่นนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รองลงมาคือร้อยละ 47.2 เชื่อมั่นนางสาวแพทองธาร ชินวัตร พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 46.4 เชื่อมั่นนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 19.8 เชื่อมั่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และร้อยละ 17.6 เชื่อมั่นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล ตามลำดับ
ที่น่าพิจารณาคือ อะไรที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้ง ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ59.8 ระบุปัญหาเดือดร้อนที่กำลังเจอเป็นอะไรที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้ง รองลงมาคือ ร้อยละ 56.9 ระบุ พรรคการเมืองเป็นอะไรที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้ง ร้อยละ 52.0 ระบุ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคการเมือง ร้อยละ 51.8 ระบุ นโยบายพรรคการเมืองที่บอกประชาชน และร้อยละ 46.7 ระบุ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ตามลำดับ
ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึงผู้นำพรรคการเมืองที่มีโอกาสเป็นรัฐบาลและทำได้จริงตามที่พูด พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 47.8 ระบุ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้นำพรรคการเมืองที่มีโอกาสเป็นรัฐบาลและทำได้จริงตามที่พูด รองลงมาคือร้อยละ 44.9 ระบุ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 44.4 ระบุ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในขณะที่ร้อยละ 17.2 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และร้อยละ 14.5 ระบุ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตามลำดับ
ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลเปิดใจคนไทย อนาคตการเมืองชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาเดือดร้อนที่ประชาชนกำลังเจอจะเป็นอะไรที่ประชาชนส่วนใหญ่ใช้ตัดสินใจเลือกตั้ง โดยพบว่า ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง รายได้ ค่าครองชีพ อาชีพ การแก้ปัญหาสุขภาพ ค่าใช้จ่ายน้อย เข้าถึงบริการสุขภาพที่ดีได้ง่าย อยู่ใกล้และสะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้ ปัญหาหนี้สิน พักหนี้ ปลดหนี้เป็นความต้องการสำคัญอันดับต้นๆ ของประชาชนในโพล ที่น่าสนใจคือ ความเชื่อมั่นต่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สูงขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ไล่เรียงรองๆ ลงไปคือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แกนนำพรรคเพื่อไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีสัดส่วนฐานสนับสนุนสูงทิ้งห่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ถูกทิ้งห่างอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ เมื่อถามถึงผู้นำพรรคการเมืองที่มีโอกาสจะเป็นรัฐบาลและทำได้จริงตามที่พูด พบว่า อันดับแรกได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รองลงไป คือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พรรคเพื่อไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีสัดส่วนฐานสนับสนุนทิ้งห่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ถูกทิ้งห่างอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน
ผศ.ดร.นพดล กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคะแนนนิยมลดลง ตกไปอยู่อันดับท้ายๆ ของตารางผลสำรวจครั้งนี้ น่าจะมาจากปัจจัยสำคัญคือ ความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนเรื่องปัญหาปากท้อง รายได้ ค่าครองชีพ อาชีพการงาน ที่รัฐบาลชุดปัจจุบันนี้อาจจะมีจุดอ่อนด้านทีมเศรษฐกิจ และปัญหาขัดแย้งแยกทางกันเดินระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำให้แฟนคลับผิดหวัง พลังสนับสนุนอ่อนลง บวกกับภาพลักษณ์ของแกนนำพรรคพลังประชารัฐ และกระแสต่อต้านของคนไทยที่แรงต่อทุนจีนสีเทากับอดีตรัฐมนตรีที่ประชาชนเกิดความเคลือบแคลงสงสัยเพราะความไม่ชัดเจนและความไม่เข้มแข็งเพียงพอของ 3 ป. ปล่อยปละละเลยไม่สะสางปัญหาที่กระทบต่อความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนในห้วงเวลาที่ยาวนาน ผลที่ตามมาคือ ประชาชนส่วนใหญ่กำลังมองหาผู้นำประเทศคนใหม่ที่เป็นความหวังและเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาปากท้องและอื่นๆ ที่สำคัญต่อชีวิตของประชาชนแทนคนเดิมที่อยู่มาช้านาน ก็เป็นไปได้