เมืองไทย 360 องศา
การให้สัมภาษณ์ล่าสุดที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 6 ธันวาคม ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถือว่ามีความชัดเจนเป็นครั้งแรก สำหรับอนาคตทางการเมืองที่เหลืออีก 2 ปี จนถึงปี 2568 พร้อมกับยอมรับว่าจะไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ
เมื่อถามว่า นายกฯ ตั้งเป้าหมายการทำงานในปีหน้าอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ผมก็อยู่ ถ้าสมมติว่าต้องอยู่ ก็อยู่ได้แค่ปี 68 นั่นแหละนะ” เมื่อถามว่า ความตั้งใจของนายกฯ คือ เดินต่อใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ถึงวันนี้ ก็น่าจะพอรู้มั้ง”
ถามย้ำว่า ก็พอจะเริ่มชัดเจนว่า นายกฯ ไปต่อ แม้จะไปต่อได้แค่ 2 ปี ก็จะไปต่อใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ 2 ปี ก็จะทำทุกอย่างให้มันดีที่สุด และจากนั้นต่อมาก็จะมีคนใหม่ที่เหมาะสม ที่ประชาชนยอมรับ และทำต่อแค่นั้นเอง”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข่าวที่จะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็เดี๋ยวผมยังไม่ได้พูดเท่านั้นเอง เดี๋ยวค่อยพูด” เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่า รอเรื่องของกฎหมายให้เรียบร้อยก่อน ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบ ก่อนเดินขึ้นไปตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อถามว่า แสดงว่า นายกฯ จะเข้าสังกัดพรรคการเมืองใช่หรือไม่ และเมื่อถามว่า มีความชัดเจนถึงขณะนี้แล้วขอให้พูดมาเถอะ นายกฯ พยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “เออๆ”
นอกเหนือจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังให้ความเห็นถึงการประกาศนโยบายของพรรคเพื่อไทยในวันเดียวกัน ในเรื่อง เสนอนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ว่า ก็ต้องไปดูว่าทำได้จริงหรือเปล่า หลายเรื่องก็มีการเปิดเผยมาโดยตลอด ซึ่งการจะทำโน่นทำนี่มันไม่ง่ายนักหรอกที่จะทำ วันนี้เราก็ทำโครงสร้างต่างๆ มากมาย เพื่อไม่ให้มีปัญหาในอนาคต ซึ่งก็ต้องดูว่ามีผลกระทบอะไรบ้างหรือเปล่า การจะเพิ่มค่าแรงก็ต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ 3 ฝ่าย ที่เกี่ยวข้อง ต้องดูว่านักลงทุน ผู้ประกอบการรับไหวหรือไม่ วันนี้มันก็มีความแตกต่างอยู่แล้ว ในเรื่องของค่าแรง แรงงานที่มีฝีมือค่าแรงก็สูง ซึ่งสูงมากกว่า 600 บาทต่อวันเสียอีก ขณะนี้เรามีการพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อตอบสนองแรงงานยุคใหม่ที่ต้องทำงานกับเครื่องจักร และกิจการที่มีรายได้สูง วันนี้ต้องสนับสนุนไปทำนองนั้นก่อน บางโรงงานราคาโดยเฉลี่ยของแต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้วมีผู้ที่มีรายได้มากกว่าที่กำหนดไว้มากพอสมควร แต่ทั้งหมดต้องฟังผู้ประกอบการด้วย ประชาชนก็ต้องได้ประโยชน์ เราต้องสนับสนุนให้ได้ค่าแรงตามขีดความสามารถตามความเป็นจริง
เมื่อถามว่า ผู้ที่จบปริญญาตรีจะได้รับเงินเดือน 25,000 บาท มีความเป็นไปได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องถามว่าเอาเงินมาจากที่ไหนล่ะ ถ้ามีเงินก็โอเค เท่าไหร่ก็ได้ วันนี้เราอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาทุกอย่างเพื่อเพิ่มจีดีพีให้กับประเทศ อย่าลืมว่าเราต้องมีค่าใช้จ่ายประจำ ค่าใช้จ่ายที่ต้องดูแล กลุ่มเปราะบาง คนพิการ ซึ่งมากพอสมควร ดังนั้นถ้าจะทำตรงนี้ให้มากขึ้น ก็ต้องทยอยดำเนินการไปพร้อมๆ กับการหารายได้
เมื่อถามถึงกรณี นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ เตรียมเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นายกฯ กล่าวว่า ก็ยินดีด้วยแล้วกัน เมื่อถามว่า ถ้าจะมีการยุบสภาจะด้วยเหตุผลอะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่มีๆ เมื่อถามว่า หลังเดินทางกลับจากกรุงบรัสเซล เพื่อร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-สหภาพยุโรป (ASEAN-EU Summit) ระหว่างวันที่ 12-15 ธ.ค. จะมีความชัดเจนทางการเมืองเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบ
เมื่อถามว่า กฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับ มาถึงรัฐบาลหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่เห็น แต่เดี๋ยวคงส่งมา ตอนนี้ยังไม่ได้ส่งมา ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้เท่ากับเดินหน้าไม่มีถอยหลังแล้วใช่หรือไม่ในทางการเมือง ตัดสินใจแล้วใช่หรือไม่ นายกฯหยุดมองยังไม่ตอบคำถาม เมื่อถามอีกว่า นายกฯ ทำการเมืองในส่วนของตัวเองไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ที่บอกว่า จะทำบน 3 แกนหลัก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คือ ทำการเมืองตนว่าทุกคนก็ต้องทำอยู่แล้ว คือ ทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เป็นภาระในวันข้างหน้า นั้นคือสิ่งสำคัญ การจะพูดอะไรออกไปก็ต้องระมัดระวังที่สุด การจะทำโน่นให้โน่นให้นี่ต้องดูว่ารายได้เราเพียงพอหรือไม่ ในการที่จะไปจ่ายในสิ่งเหล่านี้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้ภาพรวมของสถานะการเงินการคลังล้มเหลว
การแสดงท่าทีชัดเจนทางการเมืองดังกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าสังเกตก็คือ มีขึ้นในวันเดียวกับการแถลงนโยบายของ พรรคเพื่อไทย โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่คาดว่า เป็นแคนดิเดตบัญชีนายกฯ ของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ดังนั้น เมื่อพิจารณาตามรูปการณ์จากการเปิดเผยท่าทีของ “บิ๊กตู่” ในครั้งนี้ ที่จะไปเป็น “สมาชิกพรรค” รวมไทยสร้างชาติ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นตำแหน่งประธานพรรค หรือประธานที่ปรึกษาพรรค นั่นเท่ากับว่า เขาได้เข้าสู่การเมืองแบบเต็มตัว สามารถนำพรรคในการรณรงค์หาเสียงได้อย่างเต็มที่ โดยจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ อันดับหนึ่งของพรรค และมี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตอันดับสอง
การแสดงท่าทีชัดเจนครั้งนี้ ยังถือว่าเป็นไทม์มิ่งที่เหมาะเจาะพอดีกับการที่พรรคเพื่อไทย แถลงนโยบายแสดงวิสัยทัศน์ โดย “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ดังนั้น มองในมุมการเมืองก็ต้องถือว่าเป็นการเปิดหน้าชน อย่างไรก็ดี แม้ว่าการประกาศ “ไปต่อ” แบบนี้อาจจะไม่ใช่เหนือความคาดหมาย เพราะที่ผ่านมา ก็มองออกอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อชัดเจน ก็ทำให้หลายฝ่ายมีความชัดเจนตัดสินใจกันง่ายขึ้น โดยเฉพาะบรรดา “กลุ่มก๊วน” การเมือง บรรดาบ้านใหญ่ บ้านเล็กทั้งหลาย ในพรรคการเมืองคงต้องเคลื่อนไหวกันวูบวาบแน่นอน
เพราะนอกเหนือจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการยุบสภาหลังประกาศใช้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งสองฉบับที่ได้ไฟเขียวจากศาลรัฐธรรมนูญมาแล้ว ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปีหน้า ตามไทม์ไลน์ในราวเดือนกุมภาพันธ์
อย่างไรก็ดี หากโฟกัสกันแบบเฉพาะหน้ากันก่อน เอาเฉพาะเรื่องความชัดเจนของ “บิ๊กตู่” ที่จะไปเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติแน่นอน ก็ยังต้องรอการขยายความตามมาอีกหลังการกลับจากการประชุมเอเชีย-ยุโรป ที่เบลเยียม ในกลางเดือนนี้ เนื่องจากเวลากระชั้น ต้องเปิดตัว แถลงนโยบายของพรรคเพื่อเตรียมรับเลือกตั้ง รองรับคนที่จะไหลเข้ามา แต่เอาเป็นว่างานนี้อีกวาระสำคัญของเขา ก็คือ “ขวางแผนแลนด์สไลด์” ดับฝัน “โทนี่” ให้ได้ !!