ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“ลุงมิ่ง” แถลงข่าวร่วม “พลังประชารัฐ” ขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์ แต่คนด่าหรือคนชมไม่รู้ แกะรอยที่แท้ “ป.ที่ 4” ส่งเข้าประกวด “ซุ้มโชคชัย” ยึดพรรคเบ็ดเสร็จ หลังทางสะดวก เมื่อ “ลุงตู่” ย้ายวิกไป “รวมไทยสร้างชาติ”
เซอร์ไพรส์ไม่น้อยเมื่อ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” นักการเมืองคนดัง ตัดสินใจมาลงเอยกับ “ค่ายหลวงพ่อป้อม” พรรคพลังประชารัฐ หลังมีกระแสข่าวมาซักระยะหนึ่ง
กระทั่งวานนี้ (6 ธ.ค.) “มิ่งขวัญ” ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวร่วมงานกับพลังประชารัฐอย่างเป็นทางการ มีการจัดอีเวนต์ แถงข่าวใหญ่โต บรรดาแกนนำพรรคมาร่วมต้อนรับกันหนาตา
โดย “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ก็ไม่พลาดมาร่วมต้อนรับด้วยตัวเองด้วย
“ขอแสดงความยินดีกับคุณมิ่งขวัญ และแสดงความยินดีกับตัวพรรคเองด้วย ที่ได้คุณมิ่งขวัญมาร่วมงาน เพื่อให้ประชาชนอยู่ดี กินดีขึ้น” หัวหน้าป้อม กล่าวต้อนรับ
ทว่า สิ่งที่ผู้คน โดยเฉพาะ “เอฟซี ลุงมิ่ง” สนใจ ไม่ใช่การที่ “ลุงมิ่ง” จะมาเสริมแกร่งให้ “ค่ายพลังประชารัฐ” อย่างไร หากแต่ใคร่อยากรู้ว่า เหตุผลกลใด ถึงตัดสินใจมาร่วมพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็น “นั่งร้านเผด็จการ” ที่เจ้าตัวเคยโชว์ฟอร์มดาวสภา ชำแหละไว้หลายวาระตลอดช่วงที่เป็น ส.ส. ราว 3 ปี จนได้รับเสียงชื่นชมไปทั่ว
พลันที่มีข่าวว่า พลังประชารัฐ จะแถลงเปิดตัว “มิ่งขวัญ” ทำเอาวงการ “นักขุด” คึกคัก สรรหาคำอภิปรายที่ “ลุงมิ่ง” ตั้งแต่ช่วงหาเสียง มาถึงการอภิปรายในสภา ที่เคยด่ารัฐบาลสาดเสียเทเสีย มาแชร์กันสนั่นหวั่นไหว
การแถลงข่าวครั้งนี้ของ “มิ่งขวัญ” มีสีสันพอสมควร ใจความหนักไปกับการยืนยันว่า ไม่เคย “ตระบัดสัตย์” ต่อคำพูดที่เคยประกาศว่าจะไม่เข้าร่วม “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เนื่องจากอุดมการณ์ไม่ตรงกัน
โดยเฉพาะเมื่อครั้งวิวาทะกลางสภา ที่ “นายกฯ ตู่” ตอกหน้าว่า “มิ่งขวัญ” มาขอเป็นรองนายกฯ แต่ไม่ให้ เพราะที่นั่งใน ครม.เต็มแล้ว
“มิ่งขวัญ” ยังใช้ “สีข้างแถ” ว่า ที่ตัดสินใจเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ เพราะ “บิ๊กตู่” ไม่ได้อยู่กับพรรคพลังประชารัฐแล้ว และตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ก็อภิปรายวิจารณ์ “ประยุทธ์” เพียงคนเดียว ในแง่ความล้มเหลวด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งวิกฤตโควิด-19
“พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้อยู่ในพรรคนี้แล้ว และท่านก็ไม่เคยอยู่ แต่ท่านเป็นแคนดิเดตนายกฯ ท่านก็ไปอยู่พรรคอื่นอยู่แล้ว” มิ่งขวัญ ว่าไว้
ช่วงที่ “ลุงมิ่ง” กำลังถล่ม “ลุงตู่” อย่างเมามัน ก็มี “ช็อตฟีล” เล็กน้อย เมื่อบรรดาแกนนำพรรคพลังประขารัฐ ที่เป็นรัฐมนตรีซึ่งมีศักดิ์เป็น “ลูกน้องนายกฯ” ต่างออกสีหน้าสีตา อึดอัด กระทั่ง “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ถึงกับต้องออกปากว่า ให้พูดถึงเรื่องปากท้องประชาชนดีกว่า
นอกจากนี้ “มิ่งขวัญ” ยังอ้างว่า “ลุงป้อม” เป็นคนเอ่ยปากเชิญให้มาร่วมงาน โดยเฉพาะด้านการแก้ไขเศรษฐกิจ แถม “พูดเอง เออเอง” เสร็จสรรพด้วยว่า จะได้เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคพลังประชารัฐ
“พล.อ.ประวิตร จึงบอกผมว่า ให้มิ่งขวัญเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ขอบคุณครับ นี่คือสิ่งที่ท่านได้พูดกับผมไว้”
ทำเอา “หัวหน้าป้อม” พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ต้องรับแบบเสียไม่ได้ว่า จะนำชื่อ “มิ่งขวัญ” เข้าร่วมการประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อลงมติว่าจะให้ “มิ่งขวัญ” เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ต่อไป
การแถลงข่าวครั้งนี้ “มิ่งขวัญ” ยังเคลมด้วยว่า มีคนสนใจ จนขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์ประเทศไทย แต่ไม่ได้บอกว่า “คนชม” หรือ “คนด่า” อันนี้ใครสนใจต้องไปไล่พิจารณาเอาเอง
เมื่อจับใจความการแถลงข่าวดูเหมือนว่า ดีลนี้ “ลุงป้อม” ต่อตรง “ลุงมิ่ง” ด้วยตัวเอง แต่ในวงการรู้กันดี “เบื้องลึก” งานนี้มีคนจัดให้ ด้วยระยะหลังเห็น “ลุงมิ่ง” ปรากฏตัวพร้อมกับ “เสี่ยตุ๊” พล.ต.ต.จตุรงค์ ภุมรินทร์ อดีตรองจเรตำรวจ ในหลายโอกาสทั้งที่ลับ-ที่แจ้ง
รู้กันว่า “เสี่ยตุ๊-จตุรงค์” นายตำรวจคนดังสังกัด “ซุ้มโชคชัย” ของ “ป.ที่ 4” ที่เป็นแบ็กอัปทางการเมืองของ “พี่ป้อม”
เมื่อย้อนความ ก็พบว่า “ป.ที่ 4” มีความพยายามโยนชื่อ “มิ่งขวัญ” เข้ามาร่วมรัฐบาลให้ดูแลด้านเศษฐกิจแทน “ทีมสี่กุมาร” ของ “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ช่วงฟอร์มรัฐบาลเมื่อปี 2562 โดยมี “เสี่ยตุ๊” เป็นพ่อสื่อพ่อชัก แต่ไม่สำเร็จ เพราะ “บิ๊กตู่” ไม่เอาด้วย
เมื่อสบช่องหลัง “ลุงตู่” ชัดเจนแล้วว่า จะไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าอิหรอบแมวไม่อยู่ หนูร่าเริง “ป.ที่ 4” ก็เลยสืบเท้าเข้ายึดพรรคอีกระดับ หลังเกณฑ์ไพร่พล “ซุ้มผู้กอง” ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กลับพรรคมาก่อนหน้านี้แล้ว
น่าสนใจว่า การกลืนน้ำลายตัวเองมาร่วมงานกับ “นั่งร้าน คสช.” ครั้งนี้ จะทำให้ราคาของ “ลุงมิ่ง” ที่เคยเฉียดเก้าอี้นายกฯ สมัยรัฐบาลพลังประชาชน และกลับมาสร้างชื่อในการเลือกตั้ง 2562 จนมี “เอฟซี” เหนียวแน่น พา ส.ส.จากพรรคโนเนม เข้าสภาได้ถึง 6 คน จะยังคงเข้มขลังอยู่หรือเปล่า
หรือสุดท้ายการเลือกตั้งครั้งหน้า จะเฉลยว่า “ลุงมิ่ง” เลยจุดสูงสุดในชีวิตการเมืองไปนานแล้ว!!
** “ลุงตู่” ออกปากแล้ว ขอนั่งนายกฯต่ออีก 2 ปี พยักหน้ารับ ไปรวมไทยสร้างชาติ
ช่วงสัปดาห์ สองสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ติดตามการเมืองคงนึกขำ หรืออาจถึงขั้นเห็นว่า “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นเหมือนตัวตลก ที่ยังอมพะนำไม่ยอมเปิดปากเรื่องการเมือง ว่าจะไปต่อหรือไม่... จะไปใช้พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นนั่งร้านหรือไม่ ทั้งๆ ที่ “สิ่งแวดล้อม” บ่งชี้ว่า ต้องไปต่อตามเส้นทางนี้แน่ๆ
เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย ก็ยังอุบว่า “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ถูกส่งเข้ามาเป็น “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่
ถึงวันนี้ก็ได้เห็นความชัดเจนของทั้งสองคนแล้ว!!
“อุ๊งอิ๊ง” นั้นแม้จะยังไม่ประกาศว่าเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรค แต่การออกมายืนหน้าโพเดียม แสดงวิสัยทัศน์ คิกออฟแคมเปญใหม่ “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” เพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง พร้อมชู 10 นโยบายในยุคดิจิทัล ที่จะเห็นผลในปี 2570 ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ก็ชัดแล้วว่า เป็นแคนดิเดตนายกฯแน่
ที่ฮือฮา และถูกมองว่า “อุ๊งอิ๊ง” ออกมาขายฝัน ก็คือนโยบายแก้จน ที่ใช้ “ซอฟต์เพาเวอร์” เป็นพลังขับเคลื่อน ดึงศักยภาพด้านต่างๆ ของทุกครอบครัว เช่น เชฟทำอาหาร นักออกแบบ แฟชั่นดีไซเนอร์ นักร้อง นักแต่งเพลง คนเขียนบท ยูทูบเบอร์ นักสร้างคอนเทนท์ นักออกแบบมัลติมีเดีย นักกีฬา หรือสปาเทอราปิสต์ ก็จะทำให้มีรายได้คนละไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท ต่อปี ประเทศไทยมี 20 ล้านครอบครัว สามารถสร้างงานทักษะสูงได้ 20 ล้านตำแหน่ง และมีรายได้รวมกันถึงปีละ 4 ล้านล้านบาท และในปี 2570 คนไทยต้องได้ค่าแรงขั้นต่ำให้สมกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทย คือ ไม่ต่ำกว่า 600 บาทต่อวัน เงินเดือนของผู้จบปริญญาตรี จะอยู่ที่ 25,000 บาทขึ้นไป
สรุปให้เห็นชัดๆว่า ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เมื่อถึงปี 2570 ค่าแรงขั้นต่ำจะอยู่ที่ 600 บาท จบปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มต้นที่ 25,000 บาท ยังมีเรื่องการใช้ เทคโนโลยี AI มาช่วยในด้านการเกษตร ปลุกปั้นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ มีโรงเรียนสองภาษาทุกท้องถิ่น เครือข่ายระบบโลจิสติกส์จากเหนือจรดใต้ เรื่องน้ำท่วม น้ำแล้ง เลิกเป็นปัญหาซ้ำซาก ... ถมทะเลจากบางขุนเทียนถึงสมุทรปราการ และสมุทรสาคร แก้ปัญหาน้ำทะเลหนุน และยังเกิดแผ่นดินงอกจำนวนมาก เอามาทำเขตเศรษฐกิจพิเศษได้อีกด้วย...
เจอ “อุ๊งอิ๊ง” ชิงออกตัวไปก่อนอย่างนี้ “ลุงตู่” จะทำเป็นเฉยไม่ได้แล้ว จึงออกมาเบรก นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ว่าไม่ง่าย เพราะการจะเพิ่มค่าแรง ก็ต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ 3 ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่ถ้าเป็นแรงงานที่มีฝีมือทุกวันนี้ค่าแรงก็สูงกว่า 600 บาทอยู่แล้ว ... ส่วนผู้ที่จบปริญญาตรี เงินเดือน 25,000 บาท ก็ต้องถามว่าจะเอาเงินมาจากไหน ...
เมื่อถูกถามถึงเป้าหมายทางการเมือง คราวนี้ “ลุงตู่” ตอบแบบค่อยๆแย้มว่า “ผมก็อยู่ ถ้าสมมติว่าต้องอยู่ ก็อยู่ได้แค่ปี 68 นั่นแหละนะ” เมื่อถามว่าตั้งใจจะเดินต่อใช่หรือไม่ ... “ก็ถึงวันนี้ ก็น่าจะพอรู้มั้ง”... “ก็ 2 ปี ก็จะทำทุกอย่างให้มันดีที่สุด และจากนั้น ต่อมาก็จะมีคนใหม่ที่เหมาะสม ที่ประชาชนยอมรับ และทำต่อแค่นั้นเอง”
ส่วนจะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ชัดเจนแล้วใช่หรือไม่...“ก็เดี๋ยว ผมยังไม่ได้พูดเท่านั้นเอง เดี๋ยวค่อยพูด” ก็ชัดเจนถึงขั้นนี้แล้ว พูดมาเถอะ...“เออๆ”
เป็นอันว่า ชัดเจนจากปาก “ลุงตู่” แล้วว่าจะเดินหน้าต่อแม้จะเหลือเวลาเป็นนายกฯอีกแค่ 2 ปี และจะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติแน่นอน ส่วนจะมีตำแหน่งอะไร นอกจากแคนดิเดตนายกฯ ต้องติดตาม และต้องจับตาว่าจะมีใครไหลไปร่วมทัพกับ “ลุงตู่” บ้าง