รัฐสภา เลื่อนลงมติ “ปลดล็อกท้องถิ่น” ไป 7 ธ.ค. “ธนาธร” อภิปรายปิด เหน็บ ส.ว. ไม่เห็นด้วย เพราะสวนทางกับที่มาอำนาจหรือไม่ พร้อมขอบคุณทุกคำกล่าวสนับสนุน บอกจะเป็นกำลังใจในการทำงานต่อไป
วันนี้ (30 พ.ย.) ที่รัฐสภา ช่วงท้ายในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 14 หรือร่างปลดล็อกท้องถิ่น ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ร่วมกับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 80,772 รายชื่อ เป็นผู้เสนอ
โดย นายธนาธร กล่าวปิดการอภิปรายเริ่มต้นด้วยการขอบคุณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาทุกคนที่กล่าวคำสนับสนุน คำกล่าวสนับสนุนดังกล่าวเป็นกำลังใจให้พวกตนทำงานต่อไป
นายธนาธร ยืนยันว่า ร่างปลดล็อกท้องถิ่นไม่เกี่ยวกับการแบ่งแยกดินแดน หรือสาธารณรัฐ และสหพันธรัฐใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพรัฐ ที่ปัจจุบันเป็นคอขวด รัฐรวมศูนย์ มองว่า องค์กรที่มีประสิทธิภาพคือองค์กรที่สามารถแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบันได้ทันท่วงทีและรับมือกับปัญหาไม่ใหม่ที่เกิดขึ้นทุกวัน
“โครงสร้างการบริหารประเทศไทยในปัจจุบันพาประเทศไทยมาไกลได้เท่านี้ ถ้าโครงสร้างแบบนี้สามารถแก้ไขปัญหาได้ ปัญหาพื้นฐานต่างๆของได้รับการแก้ไขไปนานแล้ว ถ้ารัฐส่วนกลางต้องแก้ไขให้ทุกตำบล ผู้บริหารจะเอาเวลาที่ไหนไปพัฒนาขีดจำกัดประเทศ” นายธนาธร กล่าว
นายธนาธร ย้ำว่า ร่างฉบับนี้ จัดการให้มีการกระจายสัดส่วนรับผิดชอบการบริหารให้ชัดเจนมากขึ้น วันนี้ตนเห็นสมาชิกวุฒิสภาหลายคนพูดถึงความหวาดกลัวว่าร่างฉบับนี้ผ่านจะเกิดอะไรขึ้น
“ผมเห็นสมาชิกวุฒิสภาหลายท่าน พูดถึงความหวาดกลัว กลัวนั่นกลัวนี่เต็มไปหมด บางอย่างสมเหตุสมผลบางอย่างเป็นอคติตามจินตนาการ ผมถามว่าท่านไม่กลัวเหรอครับ ว่าหากร่างฉบับนี้ไม่ผ่านแล้วจะเกิดอะไรขึ้น เราจะเสียโอกาสเท่าไหร่ จะเชื่องช้าเท่าไหร่ เหลื่อมล้ำเท่าไหร่ และก้าวไม่ทันโลกอีกกี่ก้าว ท่านไม่กลัวเหรอครับว่าเราจะทำไม่ดีสักเรื่อง” นายธนาธร กล่าว
ส่วนที่สมาชิกหลายคนมองว่า สุดโต่ง นายธนาธร ถามกลับว่า สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ช้าไปหรือไม่ สำหรับตน การปล่อยให้ปัญหาพื้นฐานต่างๆเหล่านี้ที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีในการแก้ปัญหาเรื้อรังมาเป็น 10 ปี ถือเป็นความสุดโต่งมากกว่า มองว่าคนที่ตอบว่าอะไรสำคัญได้ดีที่สุดคือคนที่อยู่ในท้องถิ่น
“คำถามที่ท่านมีต่อเจตนาของผมและท่านเหลือเกินที่ตั้งคำถามต่อเจตนาของผมหรือเคลือบแคลงเป้าหมายทางการเป็นของผมถึงขนาดที่ต้องใช้คำว่าระแวดระวัง หากท่านคิดแบบนี้อผมมีสิทธิ์ใช้หลักการเดียวกับท่าน ผมสามารถเคลือบแคลงเจตนาของหลายท่านได้หรือไม่ เพราะหลายท่านเคยทำการสนับสนุนการทำรัฐประหารอย่างออกหน้าออกตา หลายท่านไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ผมคงต้องสงสัยว่าท่านเชื่อในประชาธิปไตยจริงหรือไม่ เชื่อในอำนาจของประชาชนจริงหรือไม่ ที่ท่านไม่สนับสนุนร่างนี้ เป็นเพราะท่านกลัวอำนาจของประชาชนหรือไม่ เป็นเพราะอำนาจของประชาชนสวนทางกับที่มาของอำนาจของท่านหรือไม่” นายธนาธร กล่าว
ภายหลังผู้เสนออภิปรายปิด นายชวน ในฐานะประธานในที่ประชุม กล่าวว่า แนวทางต่อไปคือการลงมติ แต่สำหรับคืนนี้ได้หารือกับ ประธานวุฒิสภาและคณะทำงานว่าวันนี้คงไม่พร้อม ดังนั้น เร็วที่สุดในการลงมติคือวันที่ 7 ธันวาคม เวลา 09.30 น. ก่อนประธานจะปิดประชุมในเวลา 22.21 น.
“เนื่องจากตอนนี้เห็นว่าคณะทำงานประสานงานแต่ละฝ่ายทำได้ยาก จึงตกลงว่า จะขอเป็นวันพุธที่ 7 ธันวาคม เวลา 09.30 น. โดยวันนั้นจะขอเลื่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นเวลา 13.00 น. ในช่วงเช้าจะมีการลงมติเพียงอย่างเดียว ส่วนความตั้งใจที่จะประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 20-21 ธันวาคม หากเรื่องผ่านไปมากจะไม่มีการนัดประชุมเพิ่มเติม” นายชวน กล่าว
