xs
xsm
sm
md
lg

ถ้า “ก๊วนธรรมนัส” กลับ พปชร.ส่อว่าพังแน่ “ลุงป้อม” จะตัดสินใจอย่างไร ** ชัดๆ จาก “หมอหนู” กัญชาเสรี=เสรีแบบควบคุม ไม่ใช่ไร้ควบคุม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** ถ้า “ก๊วนธรรมนัส” กลับ พปชร. ส่อว่าพังแน่ “ลุงป้อม” จะตัดสินใจอย่างไร
แม้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยังไม่ยอมบอกต่อสังคมให้ชัดๆ ถึงอนาคตทางการเมือง แต่วงในนั้นรับรู้กันว่าต้องแยกจาก “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไปอยู่ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” แน่นอน... ถึงขนาดมีบางคนในกลุ่มการเมือง บอกว่า มีสายตรงจาก “ลุงตู่” ชักชวนให้ไปเจอกันที่พรรคนี้

หากโฟกัสลงไปเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ว่าใครบ้างจะตาม “ลุงตู่” ไป...ที่ชัดเจนแล้วก็เป็นกลุ่มของ “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.พรรคพลังประชารัฐ ที่ออกมาประกาศด้วยศักดิ์ศรีนักเลงเมืองชล ไม่มีวันทิ้ง “ลุงตู่” 12 ส.ส.ในกลุ่ม ไปไหนไปกัน... ยังมี ส.ส.กรุงเทพฯ และ ส.ส.สายใต้อีกส่วนหนึ่ง เพราะรู้ดีว่า ที่ได้เป็น ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาก็เพราะบารมี “ลุงตู่”

ส่วนกลุ่มหลักๆ ที่รอดูทิศทางลม รอฟังเงื่อนไข ยังไม่ตัดสินใจในนาทีนี้ อย่าง “กลุ่มเพชรบูรณ์” ของ สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ที่รั้งตำแหน่งเลขาธิการพรรคอยู่ และ “กลุ่มสามมิตร” ที่นำโดย “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม และ “อนุชา นาคาศัย” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ยังสงบอยู่ในที่ตั้ง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เมื่อมีคนออกก็ต้องมีคนเข้า และที่จะเข้ามา ก็คือ “ก๊วนผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา อดีตเลขาธิการพรรค ที่เจอปัญหาภายใน จนต้องออกไปตั้งพรรคเศรษฐกิจไทยก่อนหน้านี้... เห็นได้จากเมื่อไม่กี่วันมานี้ ที่ “ลุงป้อม” ลงพื้นที่ จ.กำแพงเพชร “ไผ่ ลิกค์” ส.ส.กำแพงเพชร พรรคเศรษฐกิจไทย มือขวาผู้กองคนดัง ก็พา ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย ไปรอต้อนรับ พร้อมกับประกาศต่อหน้าเลยว่า จะกลับมาช่วยงาน “ลุงป้อม” ไปให้ถึงฝั่งฝัน ซึ่ง “ลุงป้อม” เองก็แสดงออกว่าแฮปปี้ ที่มือทำงานซึ่งเป็นคนรู้ใจจะกลับมา และกลุ่มก๊วนในพรรคที่ยินดีต้อนรับ ก็น่าจะเป็น “กลุ่มโคราช” ของ วิรัช รัตนเศรษฐ ที่เคยทำงานเข้าขากันมา

แต่กลุ่มที่เคยเป็นไม้เบื่อไม้เมา อย่าง “กลุ่มสามมิตร” และกลุ่มของ “สันติ พร้อมพัฒน์” ย่อมไม่แฮปปี้แน่ จึงเตรียมตั้งกำแพงกั้น แต่ถ้ากั้นไม่ไหว ก็ต้องยอมเลือกทางไปเอง

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
ด้วยเหตุผลและข้ออ้างที่หยิบยกขึ้นมาว่า “ธรรมนัส” เหมือนสายล่อฟ้า หากคัมแบ็กกลับมาจะหาเสียงกันลำบาก เนื่องจากโปรไฟล์ติดลบ ทั้งปมในอดีตที่เคยมีปัญหากับ “ลุงตู่” นอกจากไม่ได้คะแนน อาจจะมีแต่เสียคะแนนเพิ่ม ...

สำทับว่า...ก็ขนาด “พรรคเพื่อไทย” ที่ ผู้กองธรรมนัส มีคอนเนกชันกับคนระดับเจ้าของพรรค ยังไม่กล้ารับกลับรัง เพราะแฟนคลับออกโรงต่อต้านเสียงดัง หากเอากลับเข้ามาก็จะหันไปเทคะแนนให้พรรคก้าวไกลให้รู้แล้วรู้รอด

ดังนั้น หาก “ลุงป้อม” ขืนรับกลับมา กลุ่มมุ้งในพรรคพลังประชารัฐ ก็จะขนของออกไปอยู่กับพรรคอื่น อย่างพรรครวมไทยสร้างชาติ ของ “ลุงตู่” หรือ พรรคภูมิใจไทย ของ “เสี่ยหนู” ก็ได้

การกลับมาของ “ก๊วนผู้กอง” จึงเป็นเงื่อนไขของหลายๆ คนในพรรค ว่าจะอยู่หรือไป

ไผ่ ลิกค์
อย่างไรก็ตาม ความชัดเจนในเรื่องนี้ “ไผ่ ลิกค์” คนสนิทของ “ธรรมนัส” บอกว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงขนาดไปสมัครสมาชิก เพราะยังมีข้อกฎหมายที่ต้องพิจารณาอยู่ ต้องรอให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคดูก่อนว่า ขั้นตอนจะเป็นอย่างไร แต่เรื่องนี้ “ลุงป้อม” กับ “ธรรมนัส” ได้คุยกันแล้ว

...เอาเป็นว่า เราไม่สร้างความไม่สบายใจให้ใครดีกว่า คือ เราพร้อมทำทุกอย่าง ตรงนี้เราซัปพอร์ต พล.อ.ประวิตร ได้ เราเป็นเด็กดีอยู่แล้ว ตรงไหนที่เราช่วยได้ ตรงไหนที่เราดูแลได้ ถ้าวันหนึ่ง พล.อ.ประวิตร บอกว่า มาอยู่เลย เราก็พร้อมไปอยู่เลย แต่ถ้ายังไม่สบายใจ อย่างที่วันนี้บอก ก็ไม่เป็นไร เราพร้อมที่จะซัปพอร์ตอยู่ตรงนี้ก็ได้

...และเท่าที่คุยกับเพื่อน ส.ส.ไม่ได้มีอะไรขนาดนั้น อย่าง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรค พปชร. วันก่อนเจอกันที่ จ.กำแพงเพชร ยังแซวผมเลยว่า พ่อแม่หุงข้าวไว้ให้แล้วเนี่ย กลับมาเสียทีสิ... ดังนั้น เชื่อว่าพี่ๆ ในพรรคพลังประชารัฐ คงไม่ได้มีอะไรกัน...ในการทำการเมืองสิ่งสำคัญคือการรวมคน เชื่อว่า “ลุงป้อม” จะสามารถดูแล และเอาอยู่ทุกคน!!

ล่าสุด สถานการณ์ในพรรคพลังประชารัฐตอนนี้ เห็นทีว่า “กลุ่มของสันติ” มีโอกาสสูงที่จะเลือกไปอยู่กับ “ลุงตู่” ดูได้จากวันวานนี้ มีการจัดอีเวนต์ ให้ลุงตู่ไปเป็นประธานในพิธี KICK OFF มาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ณ ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์

สมศักดิ์ เทพสุทิน

สันติ พร้อมพัฒน์
ส่วน “กลุ่มสามมิตร” ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ในพรรค นอกจากรอดูความชัดเจนว่า “ลุงตู่” กับ “ลุงป้อม” แยกกันอย่างเป็นทางการแน่นอนแล้ว ยังรอดูว่า “ก๊วนผู้กอง” จะกลับเข้ามาในพรรคหรือไม่ จากนั้นค่อยมากำหนดแนวทางของตัวเองว่าไปทางไหน จึงจะได้เป็นรัฐบาลแน่ๆ ซึ่งว่ากันว่า มีถึง 3 ทางเลือก คืออยู่กับ “ลุงป้อม” ที่พลังประชารัฐต่อไป หรือเก็บกระเป๋าไปอยู่กับ “ลุงตู่” ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ หรือ ย้ายกลับรังเก่า ไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย ก็เป็นได้

ต้องจับตาว่าสุดท้ายแล้ว “ลุงป้อม” จะตัดสินใจอย่างไร ในการวางหมากเกม เพื่อดึงลูกพรรคให้อยู่กับตนเองให้มากที่สุด



** ชัดๆ จาก “หมอหนู” กัญชาเสรี=เสรีแบบควบคุม ไม่ใช่ไร้ควบคุม

ว่าด้วยนโยบายกัญชาที่เป็นดรามา กฎหมายจะคลอดๆ แต่ก็เจอธาตุแท้นักการเมืองโดดขวางเตะสกัดสารพัด จะจับยัดเข้าบัญชี “ยาเสพติด” อีกคำรบ จนภาคประชาชนส่ายหัว ต้องออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้สภาผู้ทรงเกียรติเร่งดำเนินการก่อนที่คนเขาจะเกลียดไปมากกว่านี้

อนุทิน ชาญวีรกูล
เรื่องนี้ “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ตอบกระทู้สดในสภาผู้แทนราษฎร โดย “ศุภชัย ใจสมุทร” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ตั้งกระทู้ 3 คำถาม เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายกัญชาของรัฐบาล ว่า เป็นนโยบายกัญชาเสรี จริงหรือไม่ เหตุใดต้องปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติด และจะมีแนวทางป้องกันการใช้กัญชาในทางที่ผิดเพื่อควบคุมผลกระทบทางสังคมอย่างไร

“อนุทิน” ตอบกระทู้ดังกล่าว ว่า รัฐบาลมีนโยบายกัญชาเสรี แต่เป็นเสรีแบบมีการควบคุม ไม่ใช่ไร้การควบคุม โดยรัฐบาลมีนโยบายคืนสมุนไพรกัญชาและภูมิปัญญาชาวบ้าน ให้ประชาชนใช้ประโยชน์ได้ โดยมีกฎหมายกำกับ

ขยายความได้ว่า ทุกอย่างที่เกี่ยวกับกัญชา เป็นไปเพื่อต่อยอดภูมิปัญญา และความรู้ของปราชญ์ชาวบ้าน ในการสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป รวมทั้งเร่งศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการใช้ กัญชา กัญชง และพืชสมุนไพร ในทางการแพทย์ อุตสาหกรรมทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ และการสร้างรายได้ของประชาชนโดยกําหนดให้มีกลไกการดําเนินงานที่รัดกุมเพื่อมิให้เกิดผลกระทบทางสังคม ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้อย่างเคร่งครัด

เรียกสั้นๆ ง่าย ว่า “แก้เจ็บ แก้จน” นั่นเอง คือเหตุผลที่ต้องมี พ.ร.บ.กัญชา กัญชง มาควบคุมการใช้กัญชา

ศุภชัย ใจสมุทร
ต้องไม่ลืมว่า มูลค่าการตลาดของกัญชานั้น มีนับแสนล้านบาท ซึ่งเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจของคนไทย ซึ่งทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง พรรคการเมืองหลายพรรคก็ได้มีนโยบายเกี่ยวกับกัญชาเช่นกัน

มีข้อมูลระบุว่า ตลาดกัญชาในประเทศไทย มีมูลค่าสูงกว่า 28,000 ล้านบาท ในปี 2565 และภายใน 3 ปี จะมีมูลค่ามากกว่า 50,000 ล้านบาท

มาถึงตรงนี้ กฎหมายถูกยกร่างจากกรรมาธิการ พร้อมที่จะนำเสนอต่อสภา ในวาระที่สอง จึงอยากให้สภาได้คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน ที่จะมีกฎหมายมาควบคุมไม่ให้มีการใช้ในทางที่ผิด

ส่วนการปลดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด แน่นอนว่า เป็นไปโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และประกาศของรัฐมนตรีเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย มีเหตุผล และหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ กัญชามีประโยชน์มากกว่าโทษ ความเสี่ยงจากกัญชามีในระดับที่ไม่รุนแรงและควบคุมได้ ไม่ต่างจาก เหล้า บุหรี่ นั่นคือเหตุผลที่คืนกัญชาให้เป็นพืชสมุนไพรให้ประชาชนใช้ประโยชน์ได้

สิ่งที่ตามมาก็คือ ผลของการปลดกัญชาจากยาเสพติดนั้น ทำให้ประชาชนมีโอกาส เข้าถึงกัญชาและใช้ประโยชน์ได้ตามกฎหมายที่ออกมากำกับ

ที่สำคัญ การถอดกัญชาจากยาเสพติดได้ลบอุปสรรคที่เป็นข้อจำกัดในการศึกษาวิจัย พัฒนา เทคโนโลยีการใช้กัญชา กัญชง เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ อุตสาหกรรมการแพทย์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ

ส่วนข้อกังวลถึงแนวทางป้องกันการใช้กัญชาในทางที่ผิดเพื่อควบคุมผลกระทบทางสังคม “หมอหนู” ย้ำว่า การมี พ.ร.บ.กัญชา กัญชง จะเป็นการกำกับควบคุมการใช้ประโยชน์จากกัญชาได้อย่างสมบูรณ์ ตามการพิจารณาของสภา

นี่คือชัดๆ จาก “หมอหนู” ทราบแล้วเปลี่ยน !!




กำลังโหลดความคิดเห็น