เมืองไทย 360 องศา
“สวัสดีนะจ๊ะ ขออยู่ในบรรยากาศความสุขก่อนแล้วกัน” นั่นเป็นคำพูดสั้นๆ ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อถูกถามเรื่องการประกาศท่าทีทางการเมืองเมื่อไหร่
อย่างไรก็ดี ในช่วงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรค โดยคาดว่า เขาจะดำรงตำแหน่งที่ประธานที่ปรึกษาพรรค หรือ “ประธานพรรค” และรับการเสนอชื่อเป็น “แคนดิเดตนายกฯ” ในนามพรรคอีกด้วย
ขณะเดียวกัน อีกความเคลื่อนไหวหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะแยกทางกับพรรคพลังประชารัฐ ที่มี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นหัวหน้าพรรค ก็คือ ความเคลื่อนไหวของ “กลุ่มผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กำลังจะย้ายกลับมาอีกครั้ง ซึ่งล่าสุด มีสมาชิกในกลุ่ม “กำแพงเพชร” หลายคนมารอต้อนรับ พล.อ.ประวิตร ระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งว่า ระหว่างการลงพื้นที่ จ.กำแพงเพชร ของ พล.อ.ประวิตร ซึ่งมีทั้ง ส.ส.พปชร. และ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) มาต้อนรับนั้น ปรากฏว่า ที่จุดโครงการคลองส่งน้ำและบำรุงรักษาวังบัว ต.เทพนคร อ.เมืองกำแพงเพชร นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ได้พาผู้บริหารท้องถิ่นในพื้นที่ อ.เมืองกำแพงเพชร มาขอรับการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ โดยช่วงหนึ่งได้พูดต่อหน้า พล.อ.ประวิตร และส.ส.คนอื่นๆ ว่า “พวกผมนี่ พรรคอะไรก็ไม่รู้ แต่จะกลับมาอยู่พลังประชารัฐเหมือนเดิม จะมาช่วยลุงป้อม”
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวว่า “ถ้ากำแพงเพชรแบบนี้ ก็แฮปปี้ ชนะทั้งจังหวัด” พร้อมกับหันไปพูดกับ นายวราเทพ รัตนากร แกนนำจังหวัดกำแพงเพชร ว่า “วราเทพฝากดูกำแพงเพชรด้วยนะ”
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย ที่ไปร่วมต้อนรับ พล.อ.ประวิตร ครั้งนี้ นอกเหนือจาก นายไผ่ แล้ว ยังมี นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.นครราชสีมา นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.นครราชสีมา นายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร และ นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ส.ส.ตาก นั้น ที่มีรายงานว่าเตรียมจะกลับเข้า พปชร.เร็วๆ นี้
ที่บอกว่า นี่คือ สัญญาณที่ชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะแยกทางกับพรรคพลังประชารัฐ ส่วนหนึ่งก็มาจากการได้เห็นการเคลื่อนไหวของ “กลุ่มผู้กองธรรมนัส” ที่กำลังจะย้ายกลับพรรคอีกครั้ง โดยก่อนหน้านี้ หากพิจารณาจาก “แบ็กกราวด์” ก็จะเห็นภาพชัด จากกรณีที่เคยมีความเคลื่อนไหว “โหวตล้มนายกฯ” ในช่วงที่มีญัตติซักฟอกเมื่อหลายเดือนก่อน จนนำไปสู่การปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พ้นจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมกับ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ พ้นจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน และต่อมามีความวุ่นวายในพรรคพลังประชารัฐอยู่พักหนึ่ง จน พล.อ.ประวิตร หาทางออกด้วยการใช้วิธีขับกลุ่มก๊วน ร.อ.ธรรมนัส ออกจากพรรคไปสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย เพื่อรักษาสถานะ ส.ส.แต่การขับเคลื่อนทางการเมืองของ ร.อ.ธรรมนัส ไม่ประสบความสำเร็จ จนในที่สุดมีข่าวย้ายกลับมาพรรคพลังประชารัฐอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน หากการกลับมาของ ร.อ.ธรรมนัส กับพวกเป็นความจริง มันก็ย่อมมีผลสะเทือนกับอีกบางกลุ่มก๊วนการเมืองในพรรคพลังประชารัฐ เช่น “กลุ่มสามมิตร” ที่มี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ซึ่งล่าสุด พวกเขาก็ไม่ยืนยันว่าจะอยู่สังกัดพรรคพลังประชารัฐต่อไป โดยใช้คำว่า “อนาคตไม่แน่นอน” ล่าสุด นายสมศักดิ์ ระบุว่า “ขึ้นอยู่กับข้อมูลใหม่ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป”
อีกกลุ่มที่ชัดเจนแล้ว ว่าที่จะย้ายออกจากพรรคพลังประชารัฐ แล้วไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็คือ กลุ่ม “ชลบุรี” ของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ ที่ล่าสุด โพสต์ข้อความแสดงท่าที โดยโพสต์ภาพคู่ยกมือไหว้ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “ผมคนจริงใจ จิตใจนักเลง เป็นนักรบ บาดเจ็บบ้าง เป็นเรื่องธรรมชาติ ขออย่าให้ใครมานินทา ว่าเอาแต่ได้ ถึงเวลาต้องแสดงความจริงใจ “คนชลบุรี” จิตใจ นักเลงจริง สมคำว่า “นักเลงเมืองชล” ลุงตู่ ปกป้องดูแลผมมาตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปี จะทิ้งลุงตู่ไปคนเดียว ผมจะเอาหน้ากลับมาบ้าน ได้อย่างไร เสียชื่อ คนชลบุรี หมดสิครับ”
นั่นเป็นความเคลื่อนไหวที่ออกมาชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะแยกตัวออกจากพรรคพลังประชารัฐแน่นอนแล้ว โดยจะเข้ามาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคในการเลือกตั้งคราวหน้า และแน่นอนว่า จะมีกลุ่มการเมือง ส.ส.จากหลายพรรคเข้าร่วมสมทบ เช่น กลุ่มชลบุรี ที่นำโดย นายสุชาติ ชมกลิ่น กลุ่มสามมิตร ก็มีแนวโน้มสูงมากที่จะมาร่วม รวมไปถึงอาจจะมี “กลุ่มเพชรบูรณ์” ที่นำโดย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ ส.ส.กรุงเทพฯ ที่จะย้ายตามเข้ามา นอกจากนี้ ยังรายงานว่า จะมี ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ จากพรรครวมพลัง อีกจำนวนหนึ่งตามมาอีก
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้พบกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อทำความเข้าใจและเคลียร์ปัญหากันเรียบร้อยแล้ว โดยอธิบายถึงเป้าหมายทางการเมืองของตัวเอง และลักษณะ “แยกกันเดิน แต่ไม่แตกกัน”
เมื่อประมวลจากความเคลื่อนไหวตั้งแต่ต้นแล้วทำให้มั่นใจว่า คราวนี้ “บิ๊กตู่” ต้อง “จัดเต็ม” กว่าเดิม หรือจะเรียกว่า เต็มตัวมากกว่าครั้งแรกเมื่อตอนเลือกตั้งปี 2562 เพราะเงื่อนไข และข้อจำกัดต่างกัน โดยหลายฝ่ายมองว่าเขาน่าจะสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย เนื่องจากสามารถเคลื่อนไหวได้เต็มที่ เพราะหากไม่ลงมาเต็มตัว ก็อาจเสียเปรียบ “ขั้วตรงข้าม” รวมไปถึงการดึงดูด ส.ส.เข้ามาร่วม ส่วนตำแหน่งในพรรคอาจเป็นประธานพรรค หรือประธานที่ปรึกษาฯก็เป็นไปได้
ดังนั้น จึงค่อนข้างมั่นใจว่า คราวนี้ “บิ๊กตู่” ต้องจัดเต็มแน่นอน โดยพิจารณาจากการเคลื่อนไหวที่เป็นไปอย่างคึกคัก มีการลงพื้นที่พบประชาชนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด มีการเปิดเผยกำหนดการไปพบปะประชาชนที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งถือว่ามีนัยทางการเมือง เป็นการ “ทดสอบพลัง” ได้อย่างดี !!