ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แนะ “กองทุนน้ำมัน” ช่วย “คนจน-เกษตรกร-เอสเอ็มอี” ก่อนรายใหญ่ แทนการช่วยแบบหว่านแห เหมารวม รับช่วยเป็นกลุ่ม ทำงานยาก แต่ทำได้ถ้ามีใจให้ประชาชน บี้รัฐเลิกคิดใช้เงินอุ้มอย่างเดียว เหตุใช้เงินเท่าไหร่ก็ไม่พอ กลายเป็นวงจรหนี้ไม่จบไม่สิ้น หากไม่คิดเพิ่มรายได้
วันนี้ (10 พ.ย.) นายกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีรัฐบาลออก พ.ร.ก.การค้ำประกันการชำระเงินของกองทุนน้ำมัน ว่า การใช้เงินกองทุนน้ำมันเพื่อชดเขย หรือพยุงราคาน้ำมัน ตั้งบนฐานคิดที่ผิด กองทุนน้ำมันทำงานบนสมมติฐาน ว่า คนไทยมีกำลังทางเศรษฐกิจเท่ากัน ที่จะรับกับการขึ้นราคาน้ำมัน ซึ่งไม่เป็นความจริง เช่น ถ้าราคาน้ำมันขึ้นห้าบาท ผลกระทบที่เกิดกับชาวนา ชาวสวนปาล์ม ประมงพื้นบ้าน แม่ค้า เอสเอ็มอี หรือวินมอเตอร์ไซค์ อีกส่วนหนึ่งคือ บริษัทขนาดใหญ่ จะเห็นชัดว่า ความสามารถในการรับความเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันไม่เท่ากันจากฐานะทางเศรษฐกิจ หมายความว่า กองทุนน้ำมันต้องจัดกลุ่มช่วยเหลือ หรือชดเชยตามกำลังทางเศรษฐกิจของคนเหล่านั้น คือ ต้องช่วยคนจน เกษตรกร ชาวประมงพื้นบ้านก่อน เพราะราคาน้ำมันที่ขึ้นห้าบาท คนจนตายก่อน คนรวยตายทีหลัง กองทุนน้ำมันเป็นคนกำหนดใครจะตายก่อนหรือตายทีหลัง
ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า การชดเชยของกองทุนน้ำมัน ต้องทำงานอย่างละเอียด และมุ่งไปที่เป้าหมายคือ ประชาชนตามความจำเป็น ชดเชยเป็นรายกลุ่ม อย่าใช้ความง่าย สะดวกมาบริหารกองทุน เพราะทุกอย่างแก้ได้ ถ้ามีใจให้กับประชาชน หากทำอย่างนี้กองทุนน้ำมัน จะช่วยต่อชีวิตของคนจนและชาวนาได้ คู่ขนานกันไป รัฐบาลต้องเร่งฟื้นฟูรายได้ให้คนจน เกษตรกรโดยด่วน ไม่ใช่แค่ออก พ.ร.ก.ค้ำประกันเงินกู้ แล้วเอาเงินกองทุนฯมาชดเชยแบบไม่จบไม่สิ้น เพราะคนจนมีแนวโน้มมากกว่าเดิม หนี้สินเกษตรกรไม่ได้ลดลง ดังนั้น การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน จึงต้องเร่งเพิ่มผลผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มจากการแปรรูป ไม่ใช่ใช้เงินแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเดียว