มหาดไทย ล้อมคอก! จ่อติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ในห้องทะเบียนอำเภอ 878 แห่ง ทั่วประเทศ หาเหตุป้องกันทุจริตงานทะเบียน ในระดับอำเภอ หลังพบทุจริตทางทะเบียน สวมตัวทำบัตรประจำตัวประชาชน ถี่ยิบ เผย มท.เคย จี้ ปค.ซักซ้อม เมื่อปีที่แล้ว รายงานผลทุจริตทะเบียน สวมบัตรประชาชน แต่ยังมีปัญหาไม่สิ้นสุด
วันนี้ (7 พ.ย.) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงมหาดไทย เวียนหนังสือสรุปผลการประชุมขับเคลื่อนและติดตามนโยบายของรัฐบาล และภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (เดือน พ.ย. 2565)
มีวาระเกี่ยวกับการกำกับดูแลการปฏิบัติงานด้านการทะเบียน เพื่อให้สามารถตรวจสอบการปฏิบัติงานและเป็นการป้องกันการทุจริตข้อสั่งการของ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
มีข้อสั่งการขอให้ กรมการปกครอง และผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ความสำคัญและกำชับเจ้าหน้าที่ในการป้องกันการทุจริตในงานทะเบียนของสำนักทะเบียนอำเภอ
ให้มีการกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานของนายทะเบียนหรือผู้ช่วยนายทะเบียนอำเภอ ในกรณีที่ต้องปฏิบัติงานอื่นๆในพื้นที่
ควบคู่ไปกับงานให้บริการประชาชนที่สำนักทะเบียนอำเภอ เพื่อป้องกันการนำรหัสของนายทะเบียนหรือผู้ช่วยนายทะเบียนไปใช้ในทางทุจริต
ขณะที่ หนังสือกระทรวงมหาดไทย ฉบับนี้ ระบุว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกำชับนายทะเบียนและผู้ช่วยนายทะเบียน ระมัดระวังและเข้มงวดในการปฏิบัติงานด้านการทะเบียน
“โดยเฉพาะการเข้าถึงรหัสของนายทะเบียนและผู้ช่วยนายทะเบียน เพื่อป้องกันการทุจริตในการให้บริการด้านการทะเบียน”
“ซึ่งอาจพิจารณาความเป็นไปได้ในการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV)ในห้องบริการงานทะเบียนที่สำนักทะเบียนอำเภอ 878 อำเภอ”
คำสั่งที่กำชับเจ้าหน้าที่ในการป้องกันการทุจริตในงานทะเบียน สืบเนื่องจากในรอบเดือนที่ผ่านมา พบว่า มีหลายหน่วยงานเข้าตรวจสอบฝ่ายทะเบียนของหลายพื้นที่ พบปัญหาทั้งการการสวมบัตรประชาชนในหลายพื้นที่
ทั้งนี้ เมื่อต้นปี 2564 กระทรวงมหาดไทย ออกหนังสือกำชับกรมการปกครอง ให้ทำการซักซ้อมการรายงานผลการดำเนินการกรณีทุจริตทางทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน
หลังจากตรวจพบว่า มีการกระทำทุจริตทางทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน เช่น กรณีการแอบอ้างสวมตัวทำบัตรประจำตัวประชาชน
พบว่า สำนักทะเบียนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักทะเบียนที่มีการกระทำทุจริตครั้งแรก (ต้นทาง) สำนักทะเบียนที่มีการให้บริการงานทะเบียนให้แก่ผู้แอบอ้าง (กลางทางหรือปลายทาง) ให้ดำเนินการตามแนวทางที่กำหนดไว้ และรายงานให้กรมการปกครอง
ในการดำเนินงาน พบว่า เมื่อเกิดกรณีทุจริตทางทะเบียนไม่ว่าจะเป็นการร้องเรียน การนำเสนอข่าว หน่วยงานอื่นขอให้ตรวจสอบหรือกรมการปกครองแจ้งให้ตรวจสอบ ฯลฯ
จังหวัดกรุงเทพมหานคร หรือสำนักทะเบียนที่เกี่ยวข้องกับกรณีการทุจริตทางทะเบียน ไม่ได้ดำเนินการตามระยะเวลาตามที่ กระทรวงมหาดไทยกำหนดไว้ และปล่อยให้ระยะเวลาเนิ่นนานเกินสมควร
เป็นเหตุให้การแก้ไขปัญหาการทุจริตทางทะเบียนเป็นไปอย่างล่าช้า ไม่สามารถคืนรายการทางทะเบียนให้แก่เจ้าของรายการที่แท้จริงได้อย่างทันท่วงที
และหากผู้กระทำทุจริตเป็นบุคคลต่างด้าว และมีการนำรายการทางทะเบียนไปใช้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เช่น นำรายการ ไปประกอบธุรกิจต้องห้ามตามกฎหมาย การขอหนังสือเดินทาง
หรือเพื่อให้พันจากการถูกจับกุมดำเนินคดี ฯลฯ อาจทำให้ทางราชการได้รับความเสียหาย อีกทั้งยังอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ