นายกฯ ยืนยันรับฟังทุกฝ่าย กฎหมายไม่ดีต้องแก้ ลั่นทำเพื่อประชาชน ด้าน “วิษณุ” ยุชาวบ้านแจ้งหากหน่วยราชการไม่รับทำธุรกรรมออนไลน์ ขู่ผู้บังคับบัญชาถึงระดับ รมต.โดนด้วย
วันนี้ (1 พ.ย.) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่โถงกลางตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และคณะผู้บริหาร เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เพื่อประชาสัมพันธ์ “การดำเนินการตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565”
โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้เพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตได้สะดวกรวดเร็วและฉับไวยิ่งขึ้น ช่วยลดเวลาในการติดต่อราชการ ประหยัดเวลา ประหยัดการเดินทาง เป็นการใช้ดิจิทัลและออนไลน์มาเสริม จึงต้องมีกฎหมายออกมารับรอง จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปรับรู้ว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำมาหลายปีนี้ คือ การแก้ไขปัญหาเรื่องโครงสร้าง กฎหมาย และลดอุปสรรคต่างๆ เพื่อลดภาระของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวันนี้เปิดให้บริการไปเยอะแล้วพอสมควรและทุกภาคส่วนต้องดำเนินการตามนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนทั้งประเทศ ขอให้ศึกษาและทำความเข้าใจเพื่อใช้ประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมา ได้มีการแก้ไขกฎหมายและกฎกระทรวงไปมากมายหลายฉบับเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชน ซึ่งมีขั้นตอนมากมายไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ไม่ใช่ว่ารัฐบาลไม่รับฟังใครเลย ถ้าดีอยู่แล้วจะไม่ปรับ แต่ถ้ายังไม่พร้อม ไม่ครบ ไม่สะดวกหรือไม่เกิดประโยชน์ ก็จะต้องปรับตามกระบวนการทางกฎหมาย ทั้งนี้ทุกกระทรวงต้องนำไปปรับใช้ ขอให้ประชาชนติดตามเรื่องนี้ ถ้าไปติดตามเรื่องที่สนุกสนานรื่นเริงมันไม่มีประโยชน์ ทั้งนี้นักกฎหมายคือพระเอกตัวจริง
ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเกิดสถานการณ์โควิด-19 ต้องมีการเว้นระยะทาง อยู่บ้าน จึงพบว่าเมื่อชาวบ้านต้องการติดต่อราชการทั้งการขออนุญาต การเสียภาษี การคัดสำเนา ที่ต้องเคยเดินทางไม่สามารถทำได้จึงใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาแทน เมื่อทดลองแล้วได้ผลดีประหยัดเวลา ประกอบกับรัฐบาลส่งเสริมความเป็นรัฐบาลดิจิทัลมานาน ซึ่งบัดนี้สำเร็จแล้วสามารถให้บริการติดต่อราชการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้แล้วโดยมีกฎหมายรองรับชื่อว่าพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ แม้บางมาตราจะยังไม่ได้ใช้เพราะยังไม่มีความพร้อม แต่ท้ายที่สุดจะต้องใช้ทั้งหมดทั่วประเทศ ถ้าส่วนราชการใดบังคับให้ประชาชนต้องมาทำธุรกรรมด้วยตัวเอง หากแจ้งแบบนั้นกับประชาชนช่วยแจ้งจับเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งอาจถูกดำเนินคดีรวมไปถึงความผิดมาตรา 157 ว่าด้วยการละเว้น ซึ่งผู้บังคับบัญชารวมถึงระดับรัฐมนตรีอาจมีความผิดตามไปด้วย เพียงแต่ระยะนี้เป็นระยะเริ่มต้นจึงต้องขอความเห็นใจจากประชาชน เพราะหลายกระทรวงยังไม่พร้อมยังขาดเครื่องมือ ทั้งนี้มีกิจกรรมเพียง 5 อย่างเท่านั้นที่ต้องมาแสดงด้วยตนเอง ประกอบด้วย จดทะเบียนสมรส อย่าขาดจากการสมรส จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม การทำบัตรประจำตัวประชาชน และการทำหนังสือเดินทาง
นายวิษณุ กล่าวย้ำว่า กฎหมายนี้ให้ใช้กับฝ่ายบริหารยังไม่ใช้กับฝ่ายตุลาการ ดังนั้น การยื่นขอประกันทางออนไลน์จึงยังมีปัญหา หรือแม้แต่เรื่องของค่าปรับ เช่นเดียวกับการขอติดคุกออนไลน์ ซึ่งรวมถึงสภาและองค์กรอิสระก็ยังไม่ใช้กฎหมายนี้เช่นกัน แต่หากต้องการใช้ให้แจ้งรัฐบาลจะออกเป็นพระราชกฤษฎีกาให้ นอกจากนี้ยังจะมีกฎหมายอื่นๆ ตามมาอีก พร้อมทิ้งท้ายกฎหมายทางอิเล็กทรอนิกส์นอกจากประหยัดเวลาค่าใช้จ่าย ยังลดการพบปะซึ่งเป็นช่องทางของการเรียกรับทุจริตสินบน