“อดีตบิ๊ก ศรภ.” ฟาดคนตำหนิ “โตโน่” กับเสียงสุนัขเห่าข้างทาง “ปวิน” แซะ แก้ปลายเหตุ

“ตัวอย่างที่ดี”! “อดีตบิ๊ก ศรภ.” โพสต์ “โตโน่” กับเสียงสุนัขเห่าข้างทาง ซัดฝ่ายตรงข้าม รักษา “ตัวอย่างที่เลว-ทำลายตัวอย่างที่ดี” เพื่ออยู่รอด “ปวิน” โยน เรียกร้องสวัสดิการจากรัฐ ไม่ใช่ปลายเหตุ

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (22 ต.ค. 65) พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า

“โตโน่ กับเสียงสุนัขเห่าข้างทาง”

ในวัยที่พลังคนหนุ่มสาว ยังลุกโชติช่วง อยู่นั้น ทุกคนมักต้องการปลดปล่อยพลังเหล่านี้ออกไป ซึ่งเราจะเห็นการแสดงออกด้วยวิธีต่างๆ ทั้งในทางที่ดี และไม่ดี ทั้งนี้ เพื่อทำให้ร่างกายมีสภาพ ที่สมดุล กับจิตใจ

เมื่อคนในวัยนี้หาทางปลดปล่อยพลังในร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปในทางที่ดี เช่น การรวมกลุ่มเล่นกีฬาชนิดต่างๆ การออกกำลังกายหลังเลิกงาน การรวมกลุ่มเล็กๆ ทำการค้า หรือทำแบบโบราณ

เช่น การรวมกลุ่มตั้งเป็นแก๊งโดยอ้างสถาบันการศึกษา หรือย่านที่พักอาศัย (เรื่องนี้ส่วนใหญ่ไม่เป็นเรื่องเลวร้ายนัก แม้จะมีผลกระทบในวัยรุ่นอยู่บ้าง แต่บางครั้งก็สร้างประสบการณ์ให้ในวัยต่อมา)

ส่วนการออกค่ายอาสาพัฒนาชนบท และประเพณีต่างๆ ในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่กำลังถูกบ่อนทำลายโดยใช้ข้ออ้างเรื่องความล้าสมัย ชนชั้น ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีเสรีภาพ และบ่อยครั้งที่มีกิจกรรมทางเพศ เข้ามาเป็นตัวชักจูง

เรื่องแบบนี้ เห็นได้ชัดเจนว่า “เมื่อไรที่เกิด กิจกรรมอะไรที่เป็นเรื่องที่ดีเป็นประโยชน์ต่อประชาชน “ก็จะถูกบ่อนทำลายจากพวกที่อ้างว่า เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งเป็นประชาธิปไตยที่ใช้กันอยู่ในกลุ่มพวกเดียวกันเท่านั้น เหมือนประชาธิปไตยในสมัยรัฐบาลคณะราษฎร เมื่อ 90 ปีก่อน

การวิพากษ์ วิจารณ์ หรือบูลลี่ เรื่องของโตโน่ ตูน ลิซ่า หรือ บิว “ภูริพล” นักวิ่ง 100 เมตรของไทย ที่เมื่อชนะได้เอาธงชาติไทยมาคลุมตัว หรือทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย ก็เช่นเดียวกัน เรื่องนี้สังคมคงต้องตั้งสติ และเข้าใจคนอีกฟากหนึ่งด้วยครับ ว่า เขาต้องรักษา “ตัวอย่างที่เลว”

และ “ทำลายตัวอย่างที่ดี” ให้ได้มากที่สุด พวกเขาถึงจะไปรอดครับ

ขออวยพรให้ โตโน่ จงประสบแต่เรื่องที่ดีครับ

“สุนัขมักดูดุร้าย เวลาอยู่รวมกันในกลุ่มตัวเอง
พอแยกออกจากกลุ่มก็กลายเป็นสุนัขเชื่องๆ..ปกติครับ”

ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค ของนายอัษฎางค์ ยมนาค โพสต์ข้อความระบุว่า

“เนื่องจากไม่ได้อยู่เมืองไทย ทำให้ไม่ค่อยรู้จักดารารุ่นใหม่ๆ แต่รู้จัก ติดตามและชื่นชมน้องโตโน่มานาน น้องณิชาก็ยิ่งน่ารัก คนดีคนน่ารักเหมาะสมกันมาก

ขอส่งกำลังใจและขอบารมีคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองให้น้องโตโน่ปลอดภัยและประสบผลสำเร็จในภารกิจดังที่หวัง”


อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เพจเฟซบุ๊ก การเมืองไทย ในกะลา ได้แชร์ความเห็นของ รศ.ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ที่ลี้ภัยในญี่ปุ่น ระบุว่า

“ถ้าคุณหมอและพยาบาลที่นครพนม เค้าเหนื่อยทุกวัน ทำไมไม่ไปเรียกร้องสวัสดิการจากรัฐบาลให้เค้า เสือกมาว่ายน้ำเพื่ออะไร นี่คือ การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ!”


ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊ก suphanat Aphinyan ระบุว่า

“ศัตรูของปิยบุตร แสงกนกกุล คือ ปวงชนชาวไทย

พฤติกรรมของนายปิยบุตรในการบิดเบือนให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ คอยยุยงปลุกปั่นสร้างความแตกแยกในสังคม สร้างวาทกรรมโกหกหลอกลวง ยั่วยุให้คนอื่นละเมิดกฎหมายทำผิดติดคุกติดตะรางแทนตัวเอง ตลอดจนปลุกระดมให้ยกเลิก ม.112 ล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นถึงเจตนาอันทุจริตของนายปิยบุตรเองเสียทั้งสิ้น

เมื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นสถาบันประมุขแห่งชาติ ผู้ถืออำนาจอธิปไตยแทนปวงชน ได้ทรงวางรากฐานของชาติและระบอบประชาธิปไตยมาตั้งแต่ต้น อีกทั้งทรงถือแนวทางของประชาธิปไตยที่ถูกต้อง มีความเป็นธรรม สอดคล้องกับอัตลักษณ์ของชาติ และเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง

ดังนั้น การที่นายปิยบุตรบิดเบือนให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยมาโดยตลอด อีกทั้งคอยเคลื่อนไหวสร้างความแตกแยกมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว นายปิยบุตรยังได้ประกาศตัวเป็นศัตรูกับประชาชนอีกด้วย ซึ่งหมายความว่า นายปิยบุตรเป็นศัตรูของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ

#ศัตรูของประมุขคือศัตรูของปวงชน”

แน่นอน, กรณีโตโน่ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ทำให้เห็นความแตกแยกในสังคมไทย แม้ว่า สิ่งที่โตโน่ทำ เป็นการช่วยเหลือสังคม เป็นตัวอย่างที่ดี ก็ตาม

แต่ก็จะมีคนบางฝ่าย ที่ออกมาโจมตี วิพากษ์วิจารณ์ เพียงเพราะไม่อยากเห็นใครก็ตาม ช่วยเหลือรัฐบาล แม้เป็นการช่วยสังคม แต่เผอิญว่า ทำให้รัฐบาลได้ประโยชน์ด้วย คนฝ่ายนี้จะรับไม่ได้ และไม่แยกแยะ “ดี-ไม่ดี” ต่อสังคมแต่อย่างใด

ด้านหนึ่ง การวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว ทำให้คนทำดี และคนที่คิดจะทำความดีเสียกำลังใจ แต่อีกด้านหนึ่ง ก็สะท้อนให้เห็น “แก่นแท้” ของพวกเขาเอง ที่อ้างว่า เป็นฝ่ายก้าวหน้า เป็นนักประชาธิปไตย สุดท้าย ก็แค่พวกกลัวคนอื่นได้ดี และเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจเท่านั้นเอง

เหนืออื่นใด “โตโน่” ไม่ใช่คนแรกที่โดนโจมตี และบูลลี่ คนอย่าง ตูน ลิซ่า หรือ บิว “ภูริพล” นักวิ่ง 100 เมตรของไทย ที่เมื่อชนะได้เอาธงชาติไทยมาคลุมตัว หรือแม้แต่ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย ต่างโดนมาหมดแล้ว

หรือว่านี่เองที่เขาว่า “คบเด็กสร้างบ้าน” ?