“คณะก้าวหน้า” เดินสายปลุกเยาวชน ศึกษาการต่อสู้ระหว่างกระฎุมพี กับสถาบันกษัตริย์ในยุโรป ฉายหนัง คาร์ล มาร์กซ์ “ดี้-นิติพงษ์” ฟาดจุฬาฯ ยินดีถ้าจะคืนที่ดินพระราชทาน เปลี่ยนชื่อ “พี่คนดี” ร่ายกวี “กีบผู้รักศักดินา”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (18 ต.ค. 65) เพจ Common School โพสต์กิจกรรมของคณะก้าวหน้า ระบุว่า
“สุดต๊าช ! เปิดรายชื่อวิชาและวิทยากร Progressive Academy “หลักสูตรเยาวชนก้าวหน้า” ครั้งที่ 2 จ.ขอนแก่น
เนื้อหาการบรรยายครอบคลุม ทั้งรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ปรัชญาการเมืองเศรษฐศาสตร์ และการสื่อสาร ทั้งรูปแบบการบรรยายและกิจกรรมเวิร์กชอป
เปิดรายชื่อวิชาและวิทยากร
ประวัติศาสตร์การเมืองไทยร่วมสมัย โดย ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์
การเมืองวัฒนธรรม จาก 2475 ถึงปัจจุบัน โดย ณัฐพล ใจจริง
การเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตย โดย ประจักษ์ ก้องกีรติ
ความเหลื่อมล้ำและเศรษฐกิจการเมืองไทย โดย อภิชาต สถิตนิรามัย
บทบาทการเมืองระหว่างประเทศต่อการเมืองไทย โดย ลลิตา หาญวงษ์
บทบาทกองทัพกับการเมืองไทย โดย สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี
อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ของการขูดรีดเกษตรกรไทย โดย เดชรัต สุขกำเนิด
ประวัติศาสตร์กลุ่มทุนไทย และ การบริหารจัดการเมืองสมัยใหม่ โดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
Constitutional Monarchy และ ประวัติศาสตร์ปฏิวัติ โดย ปิยบุตร แสงกนกกุล
เทคโนโลยีกับการเมือง : ความก้าวหน้าและความท้าทาย โดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
Workshop ประชาธิปไตย โดย พริษฐ์ วัชรสินธุ
ระบบราชการและงบประมาณ โดย ศิริกัญญา ตันสกุล
การสื่อสารทางการเมือง โดย พรรณิการ์ วานิช
เพราะเราเชื่อว่าคนรุ่นใหม่ คือ พลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประเทศ
รีบสมัครเลย! รับเพียง 40 คนเท่านั้น สำหรับเยาวชนรุ่นใหม่ในภาคอีสาน อายุตั้งแต่ 15-30 ปี
สมัครได้ตั้งแต่วันนี้-5 พฤศจิกายน 2565
เรียนทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และที่สำคัญ “เรียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!”
เริ่มเรียน 12 พฤศจิกายน-11 ธันวาคม 2565
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 และ 9 ตุลาคม ที่ผ่านมา Common School ได้เปิดเรียนหลักสูตรเยาวชนก้าวหน้าสัปดาห์แรกภาคใต้ ที่ จ.นครศรีธรรมราช บรรยากาศเป็นกันเอง เต็มไปด้วยการพูดคุยอย่างออกรส แลกเปลี่ยนอย่างสนุกสนาน และอัดแน่นด้วยสาระเนื้อหา
เริ่มด้วยกิจกรรม Landlord เป็นกิจกรรมรูปแบบ Active Learning ให้ผู้เรียนได้สัมผัสถึงโครงสร้างอำนาจแบบศักดินา ที่กดขี่ผู้ขุดด้วยอำนาจดิบเถื่อน ใช้อำนาจตามอำเภอใจโดยไม่มีใครสามารถควบคุม ตรวจสอบได้ซึ่งเป็นอำนาจที่กดทับศักยภาพที่แท้จริงของประชาชนเอาไว้ พาไปสำรวจโครงสร้างแบบศักดินาในทุกๆ ระดับของสังคมอย่างถึงราก พร้อมทั้งเรียนรู้อำนาจสามแบบที่ทำให้เราเข้าใจความสัมพันธ์เชิงอำนาจในการเมืองมากขึ้น
ต่อด้วยการบรรยายที่อัดแน่นด้วยเนื้อหาที่อาจไม่เคยมีในหนังสือเรียนมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายความเหลื่อมล้ำและเศรษฐกิจการเมืองไทย สภาพและสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำในสังคมการเมืองไทย ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มทุนกับการเมือง โดย อภิชาต สถิตนิรามัย แห่งคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ประวัติศาสตร์การเมืองไทยร่วมสมัย โดย ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ที่บรรยายเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างราวฟ้ากับเหว ระหว่างการกระจายอำนาจและการรวมศูนย์อำนาจได้อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมที่สุด ผ่านภาพถ่ายดาวเทียมในยามค่ำคืน ที่ทำให้เห็นว่าประเทศใดบ้างที่มีแสงไฟสว่างไสวปกคลุมไปทั่วประเทศบ้าง และประเทศใดบ้างที่มีแสงไฟส่องสว่างอยู่เพียงที่จุดศูนย์กลางเมืองหลวงของประเทศ และยังมีเกร็ดประวัติศาสตร์และความรู้ทางรัฐศาสตร์มากมาย ในสไตล์การบรรยายแบบธำรงศักดิ์ ที่ทั้งแฝงข้อคิด สาระ และความชวนหัวไปพร้อมกัน
ปิยบุตร แสงกนกกุล ได้มาบรรยายถึงเรื่องการเปรียบเทียบกับการกำเนิดขึ้นของ Constitutional Monarchy ในประเทศต่างๆ การต่อสู้ระหว่างชนชั้นกระฎุมพี กับสถาบันกษัตริย์ในยุโรป การปรับตัวของสถาบันกษัตริย์ท่ามกลางกระแสธารของประชาธิปไตย เพื่อวิเคราะห์วิธีการธำรงรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้สอดคล้องและเคียงคู่ไปกับระบอบประชาธิปไตยในโลกสมัยใหม่
ปิดท้ายด้วยรับชมภาพยนตร์เรื่อง The Young Karl Marx ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวชีวิตของปัญญาชนนักปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของโลกมีอิทธิพลทางความคิด การเคลื่อนไหวทางการเมืองและเป็นต้นทางของการต่อสู้กับระบบทุนนิยมเพื่อปลดปล่อยมนุษย์ออกจากพันธนาการด้วยจินตนาการถึงสังคมใหม่ที่ทุกคนเท่าเทียมและมีเสรีภาพอย่างแท้จริง
มูลนิธิคณะก้าวหน้า ขอขอบคุณสถาบันเกอเธ่แห่งประเทศไทย ที่ให้ภาพยนตร์เรื่อง The Young Karl Marx มาฉายในหลักสูตรเยาวชนก้าวหน้ามา ณ ที่นี้ด้วย
ขณะเดียวกัน “ดี้” นิติพงษ์ ห่อนาค นักแต่งเพลงชื่อดัง โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก Nitipong Honark ว่า
“ครั้งแล้วครั้งเล่า….กับความอนาถใจ ไม่ต้องนับถึงความที่เป็นศิษย์เก่า แต่นับถึงการเป็นผู้เสียภาษีคนหนึ่ง..
ที่ไม่ยินดีหากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ยังใช้เงินภาษีประชาชน…
และจะยินดียิ่งที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้จะย้ายออกจากที่ดินพระราชทาน…
คืนให้กับสำนักงานทรัพย์สินฯ
แล้วไปดำเนินการเองเยี่ยงมหาวิทยาลัยเอกชน..
ที่สำคัญ…ให้ถอนนามพระราชทานกลับคืนสู่พระเกียรติยศ
แล้วจะไปใช้ชื่ออะไรก็ตามใจ
ถ้าทำได้ดังนั้น…จึงจะพอนับถือกันได้ว่าเป็นมนุษย์ที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีทัดเทียมกับมนุษย์ทั่วไปได้….
ทั้งนี้ “ดี้” นิติพงษ์ แชร์เพจเฟซบุ๊ก Nitipong Honark ของ รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่โพสต์วานนี้ว่า
“ที่ อบจ. หรือ องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ลงใน face book ใน page ของ อบจ. เอง ในวันที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า นี่ไม่ใช่เป็นแค่การเห็นต่าง แต่เป็นการหมิ่นแคลน เย้ยหยัน เหยียบย่ำพระเกียรติขององค์พระมหากษัตริย์ที่คนไทยให้ความเคารพเทิดทูนมากที่สุดพระองค์หนึ่งในราชวงศ์จักรี กระทำสิ่งที่ตัวเองสะใจโดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ของประเทศเลยแม้แต่น้อย ถือเป็นการกระทำที่ต่ำช้าจนถึงที่สุด
จงใจไม่โพสต์พระบรมฉายาลักษณ์และข้อความสดุดีพระองค์ยังไม่เป็นไร แต่นี่โพสต์ภาพ โจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกง background ของภาพจงใจทำให้ดูเหมือนเป็น background ของพระบรมฉายาลักษณ์ แต่งกลอนอวยพรนายหว่อง ข้อความในบทกลอนยังไปแช่งประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ให้มอดม้วยเป็นผุยผง โดยแทนที่จะใช้ชื่อ สี จิ้นผิง ก็เลี่ยงไปใช้คำว่า “หมีพูห์” ลงท้ายบทกลอนด้วยข้อความว่า “ทรงพระเจริญ” ใต้ภาพมีข้อความว่า “ฮ่องกงเป็นประเทศ”
นี่ไม่ใช่เป็นเสรีภาพที่ทำได้อย่างที่อ้างกัน การใช้เสรีภาพต้องไม่เป็นการไปละเมิด เหยียบย่ำผู้อื่น กรณีนี้จัดได้ว่าอาจเป็นการกระทำที่เป็นความผิด 2 ประการ
ที่แน่ๆ คือ เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น พระมหากษัตริย์อย่างชัดแจ้ง อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
อีกประการคือ เป็นการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน สาปแช่งประมุขของจีน อันเป็นการกระทบความมั่นคงของประเทศไทย
สโมสรนิสิตจุฬาฯ ในสมัย อ.ธีรยุทธ บุญมี เขามีแต่รณรงค์ให้สหรัฐอเมริกา ถอนฐานทัพออกจากประเทศไทย รณรงค์ต่อต้านสินค้าญี่ปุ่น แต่ อบจ. ในยุคนี้กลับไม่แตะต้องสหรัฐอเมริกา แต่เป็นปฏิปักษ์กับจีน
ท่านผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท่านต้องรู้สึกเดือดร้อนและอับอายที่องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่พระบาทสมเด็จพระพุธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงก่อตั้ง ไปกระทำการเช่นนี้ และคงไม่อาจนิ่งเฉยแล้วปล่อยผ่านไป คงต้องลงมาจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งกับนายก และกรรมการ องค์การบริหารสโมสรนิสิต เพราะเชื่อว่าท่านผู้บริหารคงไม่ได้เห็นดีเห็นงามไปกับการกระทำอันน่าอับอายสำหรับชาวจุฬาฯครั้งนี้
เชื่อว่า นิสิตเก่าของจุฬาฯ ที่มีเป็นแสนเป็นล้าน กำลังเฝ้าติดตามอยู่ว่ามหาวิทยาลัยจะมีการดำเนินการอย่างไร
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก P.khondee (พี่คนดี กวีสมัครเล่น) โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า
“งานนี้ ถ้า “ผู้บริหารสถาบันฯ” ไม่มีแอกชั่นอันใดแสดงว่า เขามีตำแหน่งต่ำกว่า “ผู้บริหาร สโมสร”
กีบผู้รักศักดินา
เห็นองค์กร “ว่าวจุฬา” ทำหน้าที่
สดุดี เจ้าเหนือหัว โจชัวสยอง
เทิดเคารพ นบนอบ ขึ้นกรอบทอง
ชูบูชา ฝ่าละออง ของพวกมัน
ให้เข้าใจ สามกีบขม ใช่ล้มเจ้า
เขาก็กล่าว “ทรงพระเจริญ” และเสริญสรร
เลือกแซ่ซ้อง ตี๋ห้องกรง ส่งประชัน
ให้พวกกัน ได้ยึดมั่น น้อมวันทา
อยู่เมืองไทย แต่ทำไม ดันใส่เกือก
ดันไปเสือก เลือกข้าง สร้างปัญหา
โถที่แท้ กีบก็รัก ศักดินา
ซึ้งซึมซาบ กราบบาทา พระองค์โจ
แค่ได้งาน บริหาร สโมสร
ยังเฝ้าหอน ยั่วคนไทย ให้โมโห
ถ้าได้ไป ทำอะไร ที่ใหญ่โต
คงจะทำ แต่เรื่องโง่ เรื่องจัญไร
ถ้าผู้บริหาร ไม่ออกหน้า ไม่กล้าเล่น
ท่านคงเป็น พวกเดียวกัน กับมันไหม
จึงปล่อยให้ มันอวดทราม กันตามใจ
เริ่มสงสัย ตำแหน่งใคร ใหญ่กว่ากัน
แน่นอน, สิ่งที่สะท้อนให้เห็นก็คือ สถานศึกษากลายเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญของขบวนการปฏิรูปสถาบันฯไปแล้ว
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของประเทศ ผู้นำนักศึกษาส่วนใหญ่ ก็คือ กลุ่มคนที่ถูกปลูกฝังแนวนิดปฏิรูปสถาบันฯมาแล้วนั่นเอง
แล้วที่น่าจับตามองอย่างมากในเวลานี้ ก็คือ หลักสูตรการให้การศึกษาฟรีของ “คณะก้าวหน้า” ที่กำลังเดินสายเปิดการสอนเป็นครั้งที่ 2 ที่ขอนแก่น
และจากครั้งแรกที่เปิดเผยบรรยากาศการเรียนการสอนออกมา ทำให้น่าคิดว่า เป็นการขยายผลทางความคิดในการปลูกฝังเยาวชน ให้มีความคิดต่อต้านสถาบันฯหรือไม่ เชื่อว่า หลายคนกำลังให้ความสนใจ