“อัษฎางค์” ฟาด “นักวิชาการ-นักการเมือง” ใต้กระโปรงเด็ก เล่นเกมสร้าง “เงื่อนไข” โพสต์ภาพเย้ย “ลุงตู่” อยู่แค่ไหน “อดีตบิ๊ก ศรภ.” ชี้ ขึ้นกับ “ทักษิณ” ก่อเหตุวุ่นวายหรือไม่ “โรม” ฮึ่ม! กระหายสืบอำนาจ “อยู่ไม่สุขแน่”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (30 ก.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค” โพสต์ภาพ “ลุงตู่” กำลังเขียนข้อความ... ระบุว่า
“การที่ขบวนการสามนิ้วประกาศว่า จะลงถนนถ้าศาลตัดสินให้ลุงตู่อยู่ต่อ ก็เนื่องจากเหล่าไอ้เฒ่านักวิชาการและนักการเมืองที่อยู่ใต้กระโปรงเด็ก มันรู้ความจริงอยู่เต็มอก ความจริงที่มีเพียงหนึ่งเดียวว่า กฎหมายไม่มีผลย้อนหลัง
ลุงตู่ก็รู้ พวกมันก็รู้ ขนาดผมยังรู้ความจริงข้อนี้เลย แต่กระบวนการที่ส่งเรื่องนี้ไปศาล ก็เกิดมาจากความพยายามจะตีรวน แล้วพอใกล้วันตัดสิน มันก็เล่นเกมต่อไป คือ การก่อความวุ่นวายด้วยการไม่ยอมรับคำวินิจฉัย
ฝ่ายหนึ่งอยู่ได้ด้วยความจริง อีกฝ่ายอยู่ได้ด้วยความเท็จ มันก็เป็นแบบนี้แหละ
ลุงตู่ฝากมาบอกว่า……”
ขณะเดียวกัน พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ ระบุว่า
“ลุงตู่ไปรอด แต่จะไปต่อแค่ไหนกันแน่
หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่า กรณีความเป็น นรม.ของลุงตู่ ยังไม่ยุติลง ซึ่งเป็นการอธิบาย ว่า การนับเวลาเป็น นรม. ของลุงตู่ เริ่มนับตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นมานั้น ทำให้ลุงตู่ยังได้ไปต่ออีก จนจบเทอมนี้ (แนวทางการพิจารณา เรื่องนี้อ่านจากของเดิมที่ผมเคยโพสต์ไว้ข้างล่าง)
ส่วนลุงตู่ จะไปต่ออีกหรือเปล่านั้น
ก็ต้องดูบทบาทของคุณทักษิณ เป็นหลักว่า “รบกวนความผาสุกของประชาชน” หรือไม่ ขนาดไหน ถ้ารบกวนมาก ลุงตู่ก็ยังมีเส้นทางท่ีสามารถไปต่อได้อีก โดยให้คุณทักษิณ ช่วยหาเสียงให้
ประเด็นที่จะพูดกันมากต่อไปอีก คือ ข้อกล่าวหา ว่า มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กลับลำไปช่วยลุงตู่นั้น มีข้อชี้แจงดังนี้
เมื่อตุลาการลงมติให้ ลุงตู่ หยุดการปฏิบัติงาน ด้วยเสียง 5 ต่อ 4 นั้น
ไม่ได้หมายความว่า ตุลาการทั้ง 5 ท่าน มีความเห็นว่า ลุงตู่ทำงานมาครบ 8 ปีแล้ว แต่แค่เห็นว่าควรนำประเด็นนี้ ขึ้นมาพิจารณาให้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น กรณีนี้จึงจะไปบอกว่าตุลาการคนนั้น คนนี้ กลับลำไม่ได้
ของเก่าที่เคยโพสต์ไว้ครับ อ่านก็ได้ไม่อ่านก็ได้อีกครับ
อีกสักครั้งครับ เอาให้ง่ายกว่าเดิมสำหรับ
คนขี้เกียจอ่าน
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่ง นายกฯของ ลุงตู่
ซึ่งมีอยู่ 3 ห้วงเวลา ประกอบด้วย
เมื่อ 24 ก.ย. 57 ลุงตู่ เป็นนายกฯ ครั้งแรกมาจากการรัฐประหาร
(ครบ 8 ปี ใน 24 ส.ค. 65)
เมื่อ 6 เม.ย. 60 มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ
ลุงตู่ จึงเป็นนายกฯ ครั้งที่ 2 ต่อเนื่องมาตามบท
เฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ ปี 60 (ครบ 8 ปีใน 6 เม.ย. 68)
เมื่อ 9 มิ.ย. 62 ลุงตู่ เป็น นายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ ม.158-159
ซึ่ง สรุปได้ดังนี้
(1) ม.158 ระบุว่า “นายกฯต้องแต่งตั้งจากบุคคลที่สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบตาม ม.159 คือ บุคคลที่มีรายชื่อตามที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ (ลุงตู่เป็นนายกฯ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อตามเสนอของพรรคพลังประชารัฐ)
(2) ม.158 วรรคท้ายระบุว่า “นายกฯ ตาม ม.158 นี้ จะดำรงตำแหน่งติดต่อกัน 8 ปีไม่ได้” แสดงว่า นายกฯคนนั้น จะต้องเป็นนายกฯ คนเดียวกันกับที่ ม.158 กำหนดคุณสมบัติไว้ ในวรรคแรก
ดังนั้น ถ้าลุงแกเป็นนายกฯ ตาม มาตรานี้ ก็จะไปหมดอายุ
ครบ 8 ปี ใน 9 มิ.ย. 70
ข้อเขียนทั้งหมดนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัว โดยอาศัยข้อมูลเปิด จากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 และ ฉบับปี 2550 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่กำหนดให้ นายกฯอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกิน 8 ปี เรื่องนี้เคยเสนอไปแล้ว เมื่อ 17 สิงหาคม 65 นำขึ้นมาเรียบเรียงใหม่ครับ”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก “Rangsiman Rome-รังสิมันต์ โรม” ระบุว่า
“ผลของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา เท่ากับเป็นการรับรองให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปได้จนถึงวันที่ 5 เมษายน 2568
สุดท้ายแล้วสิ่งที่ กรธ. ผู้ร่างรัฐธรรมนูญเคยพูดคุยและเขียนเป็นความมุ่งหมายออกมาว่า ที่จำกัดวาระ 8 ปี เพื่อมุ่งป้องกันการผูกขาดอำนาจ ไม่ให้สุ่มเสี่ยงไปสู่วิกฤตทางการเมือง ก็ไม่ได้มีคุณค่าพอที่ศาลรัฐธรรมนูญจะให้ความสำคัญ
ทั้งหมดนี้คงชัดยิ่งกว่าชัดแล้วว่า ความไม่หลงระเริงในอำนาจ ขอเวลาอีกไม่นานของ พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคพวก คสช. นั้น ไม่จริง ไม่เคยจริง และไม่มีวันเป็นจริง
และถึงจุดนี้ คงกระจ่างแจ้งแล้วว่า คนเหล่านี้ไม่คู่ควรที่จะได้รับโอกาสใดๆ จากพี่น้องประชาชนอีกต่อไป ตั้งแต่วันนี้จวบจนถึงวันเลือกตั้งข้างหน้า ถ้ากระหายใคร่อยากจะอยู่ต่อนัก ก็ขอให้รู้ไว้เลยว่า ต่อจากนี้ “อยู่ไม่สุข” แน่นอน”
แน่นอน, จบไปแล้ว วันพิพากษาที่ทุกคนรอคอย เพื่อที่จะจบปัญหา “8 ปี” ในตำแหน่งนายกฯของ พล.อ.ประยุทธ์ ตาม รัฐธรรมนูญ 2560 ครบหรือยัง
แต่ปรากฏว่า จบปัญหาแค่ตีความกฎหมายเท่านั้น โดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเสียงส่วนใหญ่ หรือ 6 ต่อ 3 ชี้ว่า รัฐธรรมนูญ 2560 ไม่มีผลย้อนหลัง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ที่ถูกจำกัดวาระ 8 ปี ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ส่วนที่เป็นนายกฯมาตั้งแต่ปี 2557 แต่งตั้งโดย “คสช.”
ส่วนปัญหาทางการเมือง ความไม่พอใจผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ การโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ การขับไล่ออกจากนายกฯ ยังคงร้อนแรงเหมือนเดิม โดยเฉพาะม็อบ “3 นิ้ว” ที่เป็นคู่ขัดแย้งกับ พล.อ.ประยุทธ์ มาก่อน ก็ยิ่งฉวยโอกาสปลุกกระแสโจมตีมากขึ้น
เหนืออื่นใด คือ จังหวะก้าวทางการเมืองนับแต่นี้ รัฐบาลจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ หรือ จะชิงยุบสภา หลังการประชุม “เอเปก” ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน อย่างที่นักวิเคราะห์คาดหมายเอาไว้
และที่สำคัญ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จะเอาอย่างไรกับชีวิตทางการเมือง หลังยุบสภา หรือ อยู่จนครบเทอม ขึ้นอยู่กับ “ทักษิณ” จริงหรือไม่!?