“ลูกไม้” หล่นไม่ไกลต้น! “สมศักดิ์ เจียม” ซัด “อุ๊งอิ๊ง” เลี่ยงตอบ ม.112 เหมือน “ทักษิณ” ชี้ เป็น “พรรคการเมืองใหญ่” แต่ยังไม่มีท่าทีอะไร? ส.ส.อ๋อง โต้เดือด “โฆษกไทยภักดี” จวก อาจารย์ ม.ดัง พา “นศ.” เข้าร่วมกิจกรรม “ก้าวไกล”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (23 ก.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul ของ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ต้องหา ม.112 ลี้ภัยในฝรั่งเศส โพสต์ภาพข่าว พร้อมข้อความระบุว่า
“ไม่ได้ตอบอะไรเรื่อง 112 เลี่ยงตอบแบบทักษิณ
คนโดนเล่นงานมากขนาดนี้ พรรคการเมืองใหญ่ยังไม่มีท่าทีอะไร? เป็นพรรคการเมืองใหญ่ได้อย่างไร?
“ต้องแก้ไขมาตรา 112 ใช่หรือไม่
ต้องคุยกัน ต้องคุยกันว่าตัวบทกฎหมายมีปัญหาหรือเปล่า เพื่อจะตกลงกันว่าจะเอาอย่างไร”
ทั้งนี้ เนื่องมาจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เปิดโรดแมปทักษิณกลับบ้าน อ่านเกมนิรโทษกรรม ประเมินสถานการณ์คดีอาญามาตรา 112
โดยบางช่วง สื่อถามเรื่องจุดยืนประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
ตอบว่า จริงๆ ไม่ต้องมาตรา 112 ทุกๆ เรื่องที่ถกๆ กัน มันต้องผ่านกระบวนการของสภา ให้เป็นหลักนั้นดีกว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต้องอยู่ในหลักที่ต้องผ่านกระบวนการ ถ้าคุยกันแล้วจะต้องแก้ไขอย่างไร หรือต้องทำอย่างไรก็ต้องผ่านระบบสภา
ต้องแก้ไขมาตรา 112 ใช่หรือไม่
ต้องคุยกัน ต้องคุยกันว่าตัวบทกฎหมายมีปัญหาหรือเปล่า เพื่อจะตกลงกันว่าจะเอาอย่างไร
ประเมินปรากฏการณ์การใช้มาตรา 112 เวลานี้อย่างไร
จริงๆ แล้วกฎหมายมีมานานมาก แต่ถ้าเรามาดูหลังรัฐประหารที่เกิดขึ้น จำนวนที่ถูกฟ้องด้วยข้อหา 112 เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ปัญหาอยู่ตรงไหนกันแน่ มันไม่ใช่ว่าจู่ๆ ถูกใช้มาเรื่อยๆ ในสังคมไทย แต่มันเพิ่งเกิดขึ้น แล้วเกิดขึ้นมากมายขนาดนี้ มันคือปัญหามากกว่า เป็นสิ่งที่น่าคิด
อ้างอิง https://www.prachachat.net/breaking-news/news-1055251
ขณะเดียวกัน จากกรณีที่วันนี้ นายสุขสันต์ แสงศรี โฆษกพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า
“คนระดับคณบดี รองคณบดี และคณาจารย์ อาการหนักขนาดนี้ จะสอนลูกหลานไปทิศทางใดคงเดาไม่ยาก
แหล่งซ่องสุมของขบวนการสามกีบ พวกจ้องล้มล้างการปกครอง ไม่ได้อยู่ในป่าในดงแบบคอมมิวนิสต์สมัยก่อน แต่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย ในรั้วโรงเรียนเต็มไปหมดแล้ว กระทรวงศึกษาธิการของบ้านเมืองนี้ ยังทำงานกันอยู่หรือเปล่า
ขบวนการเหล่านี้อาศัยใช้พื้นที่ที่สร้างจากภาษีคนไทยไปปลุกระดมล้างสมอง ให้เกิดความเกลียดชังระหว่างคนไทยด้วยกัน ให้เข้าใจประวัติศาสตร์ชาติกำเนิดตัวเองผิดๆ ออกมาสร้างปัญหามากกว่าเพิ่มพูนปัญญาให้สังคม นี่คือ ภัยอันตรายมากกว่าข้าศึกศัตรูภายนอกด้วยซ้ำไป
ล่าสุด ม.นเรศวร ระดับคณบดี รองคณบดี ออกอาการทั้งชูสามนิ้ว ทั้งใส่เสื้อกุ๊ยๆ ทำกิจกรรมกับก้าวไกล มีนักศึกษาเข้าร่วม อาการหนักมากขนาดนี้ กระทรวงศึกษาธิการ คิดว่า อาจารย์เหล่านี้จะสอนอะไรให้ลูกหลานเยาวชนคนรุ่นใหม่
แต่คนพวกนี้คือปลายเหตุ ผมคิดว่า ต้นเหตุที่ต้องทำงานให้จริงจัง เด็ดขาดชัดเจน คือ กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานในสังกัดทั้งหมดต้องร่วมมือกัน ท่านปล่อยให้คนเหล่านี้ซ่องสุมกันจนเลยเถิดมากไปหรือเปล่า
ขอเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเร็ว และขอให้เป็นกระทรวงที่ทำหน้าที่สร้างคนมาช่วยชาติ ไม่ใช่สร้างคนมาชังชาติแบบที่เกลื่อนกลาดในรั้วมหาวิทยาลัยเช่นทุกวันนี้ กระทรวงศึกษาธิการต้องมีคำตอบให้สังคม และต้องรับผิดชอบอนาคตของชาติด้วยครับ”
ต่อมาทางด้าน นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความถึงโฆษกไทยภักดี ระบุว่า
“จากแถลงการณ์ของคุณ โดยเฉพาะประโยคนี้ “ขอเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเร็ว และขอให้เป็นกระทรวงที่ทำหน้าที่สร้างคนมาช่วยชาติ ไม่ใช่สร้างคนมาชังชาติแบบที่เกลื่อนกลาดในรั้วมหาวิทยาลัยเช่นทุกวันนี้ กระทรวงศึกษาธิการต้องมีคำตอบให้สังคม และ ต้องรับผิดชอบอนาคตของชาติด้วยครับ”
ผมขอแลกเปลี่ยนตามนี้ครับ กิจกรรมที่จัดขึ้นที่คณะสังคมศาสตร์ เป็นงานของผมและพรรคก้าวไกล ในการรับฟังความเห็นของนิสิต เรื่องการปฏิรูปการศึกษา และการออกนอกระบบของมหาวิทยาลัยนเรศวร นอกจากงานนี้แล้ว ผมยังมีโอกาสมาร่วมเสวนาเรื่องการกระจายอำนาจอีกหลายครั้งด้วย
มหาวิทยาลัยนี้ ไม่ได้เชิญเฉพาะฝ่ายค้าน แต่ยังให้โอกาสทุกคน ทุกฝ่ายในการเข้ามาร่วมงานวิชาการ คุณวรงค์ หัวหน้าพรรคไทยภักดี ก็เคยเข้ามาทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัย ไม่ได้มีการปิดกั้นอะไร พื้นที่ของมหาวิทยาลัยคือพื้นที่ของปัญญา ที่ความเห็นแตกต่างหลากหลายสามารถทำให้เกิดการตั้งคำถาม คิดวิเคราะห์ ถกเถียง นั่นคือ ความหมายของการเกิดปัญญาและเป็นภารกิจของมหาวิทยาลัยไม่ใช่หรือ
ส่วนอาจารย์ที่ใส่เสื้อ FU** Prayut ก็เป็นสิทธิเสรีภาพของท่าน การชูสามนิ้ว ก็แสดงออกว่า รัฐประหารเป็นเรื่องเรื่องที่ผิด และเราชู เสรีภาพ ความเสมอภาค ภราดรภาพ อันนั้นเป็นคุณค่าสากล ไม่มีอะไรผิดเลยแม้แต่น้อย และไม่ได้เป็นการชังชาติแบบที่คุณกล่าวหา
การแสดงความเห็นของท่านยังคงเป็นแนวทางเดิมที่ยัดเยียดข้อหาการล้มล้างการปกครองให้คนที่เห็นต่าง นอกจากนั้น ยังแสดงให้เห็นถึงความไม่เข้าใจบทบาทหน้าที่ของมหาวิทยาลัยเลยแม้แต่น้อย
ข้อหาชังชาติที่พวกคุณใช้ มันจะทำให้พวกคุณหมดอนาคตทางการเมืองไปอย่างแน่นอน และผมจะแถมข้อหาคดีแพ่งให้ด้วยครับ ถ้าไม่หยุดกล่าวหาผู้อื่น อ่อ กระทรวงศึกษาธิการไม่ได้ควบคุมมหาวิทยาลัยนะครับ เป็นกระทรวงอุดมศึกษาครับ เผื่อจะไปยื่นหนังสือเรียกร้องผิดกระทรวงครับ
ท้ายสุดผมขอเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยมั่นใจ ปกป้อง และเข้มแข็งในเสรีภาพทางวิชาการ การสร้างประเทศที่คนเห็นต่างอยู่ร่วมกันได้ และสร้างประชาธิปไตยอันเป็นหนทางไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน #สสอ๋องปดิพัทธ์”
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ข้อคิดของนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล กรณีม.112 ท่าทีของ “ทักษิณ” ท่าที “อุ๊งอิ๊ง” และท่าทีพรรคเพื่อไทย ที่ “สมศักดิ์” ต้องการเห็นความชัดเจนว่า จะเอาอย่างไรแน่
แต่จนวันนี้ก็ยังไม่ได้ความชัดเจน
ความจริงสิ่งที่ “สมศักดิ์” อยากเห็น อาจเป็นสิ่งที่หลายคนที่ชั่งใจอยู่ว่า จะพิจารณาเลือกพรรคเพื่อไทยหรือไม่ จากเรื่องนี้ ก็อยากเห็นความชัดเจนเช่นกัน เพื่อการตัดสินใจ?
แต่ถ้าใครรู้จัก “ทักษิณ” ดี จะเข้าใจว่า ไม่มีทางที่ “ทักษิณ” จะทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน แม้รู้ทั้งรู้ว่าจะได้คะแนนเสียงจาก “สามกีบ” จำนวนมาก แต่ก็รู้ทั้งรู้เช่นกันว่า ฐานเสียงส่วนใหญ่ในคนรากหญ้า ยังคงจงรักภักดีต่อสถาบันฯอย่างสูง และเสี่ยงที่จะถูก “โจมตี” ทางการเมืองอย่างรุนแรงในช่วงหาเสียงเลือกตั้งด้วย
เอาแค่ “สู้ไป กราบไป” แค่นี้ก็ไม่ไหวที่จะตามแก้อยู่แล้ว
ส่วน “สมศักดิ์ เจียม” ดูเหมือนจะตามจิกตามกัด “ทักษิณ” เรื่องนี้ไม่ปล่อยเช่นกัน เพราะอยากฟังจากปาก “ทักษิณ” หรือ แม้แต่ “ทายาท” ที่กำลังสืบทอดทางการเมือง อย่าง “อุ๊งอิ๊ง” ก็ตาม
แต่เมื่อไม่ได้ความชัดเจน “สมศักดิ์” เคยโพสต์ข้อความทำนอง แนะให้ สาวก “สามนิ้ว” ก้าวข้าม “ทักษิณ” และสนับสนุนพรรคก้าวไกล ที่กล้าแสดงท่าทีชัดเจนกว่า ทั้งเรื่องปฏิรูปสถาบันฯ และ ม.112
ดังนั้น จึงไม่แปลก ที่ “สมศักดิ์ เจียม” จะแซะ “อุ๊งอิ๊ง” และพรรคเพื่อไทย เรื่องนี้อีก เมื่อยังเลี่ยงที่จะตอบเรื่องนี้อย่างชัดเจน