ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ลุคใหม่ "ป.ป้อม" กับ ข่าวปล่อยแซะ "ป.แป๊ะ" ของคนที่ไม่ใช่ลูกผู้ชาย
ฮือฮากันกับลุคใหม่ "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายกฯรักษาการ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่แดนอิสานหนองบัวลำภู โดยลุงมาในมาดใหม่ สวมใส่กางเกงยีนส์ สวมรองเท้าผ้าใบสีขาว เพื่อความคล่องตัว ทะมัดทะแมงสบายๆ พร้อมลุยงานที่ ต่างจากลุค "ใช้ใจบันดาลแรง" ที่เคยเห็น เรื่องมันก็เลยเกิดเป็นประเด็นขึ้นมาว่า ใครคนไหนหนอเป็น "สไตล์ลิสต์" จัดคอสตูม รวมถึงวางแผนจัดคิวให้ลุงจนเป็นที่ฮือฮาของสื่อและชาวบ้านให้ความสนใจ
ว่าแล้วก็มีข่าวปล่อยมาว่า คนที่เป็น "ผู้อยู่เบื้องหลัง" งานนี้คือ "ป.แป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. โดยจับโยงว่า สไตล์แต่งตัวที่เต็มไปด้วย "แรงบันดาลใจ" นี้เป็นเอกลักษณ์ของเขาละ
จากเรื่องปรับลุคก็เลี้ยวเข้าการเมือง คนปล่อยข่าวยังว่าเป็นฉากๆ นี่เป็นแผน "เคาน์ดาวน์" ของบิ๊กแป๊ะ ที่จะเข้าสู่สนามการเมืองเต็มตัวในนามทีม “บิ๊กป้อม” ทีมพปชร.โดยอ้างว่า “ป.แป๊ะ” นั้นกรุยทาง ทำงานให้ “ลุงป้อม” ที่ขอให้ช่วยลุยพื้นที่อิสาน เตรียมการเลือกตั้งของพปชร. มาสักพักใหญ่แล้ว รวมทั้ง มีทีมงานมาช่วยดูแล ด้านสื่อ และการประชาสัมพันธ์ ของ “บิ๊กป้อม” ให้ด้วย เพราะ “บิ๊กแป๊ะ” เข้ากันได้ดี สนิทสนมกับ “คนรู้ใจใกล้ตัว” ลุงป้อม แห่งบ้านปิยะมิตร มีนบุรี
คนปล่อยข่าวยังขยายความว่า ความสัมพันธ์แนบแน่นนี้ผ่านมาทาง "ป.ป๊อด" พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. น้องชายสุดรักของพี่ป้อม
เพราะฉะนั้น ฟันธงว่า “ป.แป๊ะ” จะเตรียมรับตำแหน่งใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ หลังพ้นการเว้นวรรคครบ 2 ปี จากตำแหน่งส.ว. ตั้งแต่วันที่ 1.ต.ค.นี้เป็นต้นไป และนี่อาจเป็น อีกเหตุผลหนึ่ง ที่ ทำให้ "ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ยังลังเลที่จะกลับพปชร. ตามที่ “บิ๊กป้อม” เคยชวน มาหลายครั้ง
ทำนองว่า เมื่อ “ลุงป้อม” มี “บิ๊กแป๊ะ” ก็ไม่จำเป็นต้องมี “ธรรมนัส” ที่แนวทางทางการเมืองอาจคนละทางกับ “ป.แป๊ะ”
นี่เป็นเทศกาลปล่อยโคมลอย ที่คนปล่อยข่าวหวังผลดีสเครดิต “ป.แป๊ะ” ให้เสียหาย เป็นแผนแซะบิ๊กแปะ ให้ถูกผู้ใหญ่มองไม่ดี ทั้งๆเจ้าตัวเคยพูดหลายครั้งแบบแมนๆ ว่า เคารพนับถือผู้ใหญ่ทุกคน ใครให้ช่วยเหลืออะไรก็ตาม นิสัยไม่เคยเรียกร้องอะไร กั เกมการเมืองยิ่งขออยู่ห่างๆ เหมือนที่เคยถอนตัวจากการลงชิงชัยตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.นั่นเป็นตัวอย่าง
ถ้าใครรู้จักอดีต ผบ.ตร. คนนี้ก็จะรู้กันว่า เป็นคนจริง "ใจนักเลง" มีอะไรก็ว่ากันซึ่งหน้า ไม่มีทำอะไรลับหลัง เพราะไม่ใช่ "วิถีลูกผู้ชาย"
ส่วนใครที่ปล่อยข่าวทำลายกันถือว่า ไม่ใช่ลูกผู้ชาย สรุปว่างานนี้ คนที่ไม่ใช่ลูกผู้ชายเป็นใคร ใครที่ได้ประโยชน์จากการณ์นี้ ก็คนนั้นแหละ เดากันไม่ยาก!!
** "ชัยวุฒิ ส.บิทคับ" หน้าแหกหมอไม่รับเย็บ เมื่อ ก.ล.ต.สอน กม.เบาๆ
หลังจาก "ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์" รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึง คดีแชร์ลวงโลก Forex 3D ซึ่งมูลค่าความเสียหายนับหมื่นล้านว่า ในส่วนของกระทรวงดิจิทัลฯ มีความเป็นห่วงในเรื่องของการเชิญชวนคนมาลงทุนทางช่องทางโซเชียลมีเดีย และผ่านทางเว็บไซต์ต่างๆ แต่เสียดายที่ดีอีเอส ทำอะไรไม่ได้ เพราะอำนาจหน้าที่ของกระทรวงไม่สามารถไปปิดเว็บไซต์ หรือปิดกั้นโซเชียลมีเดียเหล่านั้นได้ทันที ต้องรอให้หน่วยงานที่มีอำนาจรวบรวมพยานหลักฐาน เมื่อมีความผิดตามกฎหมาย ถึงจะส่งเรื่องมายังกระทรวงฯ เพื่อปิดเว็บไซต์ และแจ้งเตือนประชาชน
พูดไปพูดมา เอาดีใส่ตัวเสร็จ “ชัยวุฒิ” ก็โบ้ยไปที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ว่าไม่ทำหน้าที่ ปล่อยปละละเลยให้มีการจัดตั้งบริษัทมาลงทุน และทำให้ประชาชนเสียหายนับหมื่นล้านบาท โดยที่ไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชนแต่กลับไปจับผิดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใส่ใจเรื่องใหญ่
“ชัยวุฒิ” ยังฟาด ก.ล.ต.ออกสื่อ ว่าต้องปรับปรุงการทำงาน ต้องตรวจสอบ เชิงลึก สอบถึงต้นตอที่มาที่ไปของบุคคลที่จะมาลงทุน โน่นนี่นั่น และเมื่อเกิดเรื่องขึ้น ก็ต้องลงมาดูด้วย พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี และแจ้งมายังกระทรวงดิจิทัลฯ เพื่อปิดเฟซบุ๊กไม่ให้หลอกลวงประชาชนอีกต่อไป
สรุปง่ายๆว่า ดีอีเอสพยายามทำดีที่สุดแล้วแต่ที่ยังมีขบวนการหลอกลวงต้มตุ๋นประชาชนผ่านโซเชียลมีเดีย และเว็บไซต์เพราะ ก.ล.ต. ล้วนๆ
งานนี้ ก.ล.ต. เลยต้องออกโรงมาชี้แจงว่า ก.ล.ต.มีอำนาจหน้าที่ในการส่งเสริมและพัฒนา ตลอดจนกำกับดูแลตลาดทุนและตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ตามกฎหมายเกี่ยวข้อง ส่วนธุรกิจการซื้อขาย Forex ไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. พร้อมกับกางรายละเอียดของข้อกฎหมายละเอียดยิบ
นี่ก็ไม่รู้ว่า คนระดับรัฐมนตรีได้รู้แบบนี้แล้วจะ "เบิกเนตร" รู้อะไรเป็นอะไรดีขึ้นหรือไม่ ที่แน่ๆ มีคนนินทากันว่า เบื้องหลัง “ชัยวุฒิ” ออกมาโหนแสง Forex 3D ครั้งนี้เพราะ ดีอีเอส โดนด่าเยอะ ปล่อยปละละเลย เว็บ-เพจเฟซบุ๊ก-ไอจี ลวงประชาชนเรื่องลงทุนเกลื่อนกลาด ไม่ทำอะไรเลยจึงถือโอกาส "ปัดสวะ" หา "แพะ" โยนไปที่ ก.ล.ต.
ถามว่า ทำไม” “ชัยวุฒิ” ต้องฟาดก.ล.ต.? ใครที่ติดตามผลงานของ ก.ล.ต.ก็จะเดาเหตุผลได้ไม่ยาก เพราะก.ล.ต.เอาจริงเอาจังกับงานตรวจสอบควบคุม จัดการกล่าวโทษ จัดระเบียบเข้มกับ "ศูนย์การซื้อขายคริปโต" โดยเฉพาะ "บิทคับ" ของ “ท๊อป” จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ที่ “ชัยวุฒิ” เฟเวอร์ มอบรางวัลประกาศเกียรติคุณกันบ่อยๆ แต่ก็เจอ ก.ล.ต.หวด บิทคับครั้งแล้วครั้งเล่า
ที่ “ชัยวุฒิ” ด่าก.ล.ต.มัวแต่ไปจับผิดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เรื่องใหญ่ไม่สนใจ
แม้ “ชัยวุฒิ” ไม่ได้เอ่ยตรงๆว่าใครที่ ก.ล.ต.ไปจับผิด ลองย้อนกลับไปดูก็น่าจะพอทราบกันละว่าเขาหมายถึงใคร? ถ้าไม่ใช่ บิทคับ ที่รมว.นิยมยกย่อง แต่เป็นคู่กรณีกับก.ล.ต. จะเป็นใครอื่นอีกหนอ
ที่ผ่านมา เป็นบิทคับที่มีปัญหาเรื่องธรรมาภิบาลของผู้บริหาร สร้างดีมานด์เทียมหลอกลูกค้า อินไซต์เดอร์เทรดดิ้งเหรียญKUBของตัวเอง เอาเปรียบนักลงทุนรายย่อย ซึ่งก.ล.ต.เขาติดตามตรวจสอบและกล่าวโทษ เพราะ ปกป้องนักลงทุน ประชนชน “รมว.ดีอีเอส” มองว่า เป็นเรื่องจับผิดเล็กๆ น้อยๆ หรือ ??
เรื่องของบิทคับเป็นเรื่องใหญ่ในวงการตลาดเงินตลาดทุน ไม่เช่นนั้น SCBX คงไม่หันหัวเรือล้มดีล ก็เพราะไม่อยากมีเรื่องไม่หยุดหย่อนกับก.ล.ต.ให้ปวดหัว
เพราะฉะนั้น คนเขาสงสัย รายการนี้เป็นการเอาคืนแบบยืมแสงของคดี Forex3D ที่กระแสสังคมสนใจติดตาม “ชัยวุฒิ” ร้อนรนคิดแต่จะสางแค้นแทน “ท๊อป จิรายุส” หรือเปล่า??? ชัยวุฒิ สวมวิญญาณ "ชัยวุฒิ ส.บิทคับ" เป็นนักมวยบู๊ออกตัวแรงกะจะสอนมวย ก.ล.ต.ให้ทำหน้าที่โดยกะจะน็อกเขา แต่กลับลื่นหัวคะนำล้มหน้าแตกหมอไม่รับเย็บซะเอง เพราะ ไม่รู้กฎหมายพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ โดน ก.ล.ต.สวนกลับมาเบาๆ แต่เจ็บ
งานนี้อายแหละดูออก.
** “นายหัวชวน” หยันสารพัดพรรคเตรียมหว่านเงินซื้อเสียงคนใต้ แต่ลืมไปว่าคนของ ปชป. ก็เพิ่งโดนคดีทุจริตเลือกตั้ง
การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ต้องบอกว่าเป็นยุคตกต่ำของประชาธิปัตย์ก็ว่าได้ เพราะสนามกรุงเทพฯ ถึงกับ “สูญพันธุ์” ส่วนภาคใต้ ที่เปรียบเสมือนเมืองหลวง หรือฐานที่มั่นของพรรค ก็ถูกพรรคพลังประชารัฐ ที่ขี่กระแส “ลุงตู่” มาคว้าไปได้ถึง 14 ที่นั่ง ส่วนพรรคภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ก็เจาะเอาไปอีก 8 ที่นั่ง ยังมีพรรคประชาชาติ ของ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” แบ่งไป 6 ที่นั่ง เรียกว่าประชาธิปัตย์สูญเสียที่นั่งในภาคใต้ไปเกินครึ่ง เพราะได้มาเพียง 22 ที่นั่งเท่านั้น
การเลือกตั้งครั้งใหม่ที่คาดว่าจะมีขึ้นในช่วงต้นปีหน้า พรรคการเมืองทั้งเก่าใหม่ ต่างมุ่งหน้าลงใต้ กะว่าจะกวาด ส.ส.ในยามที่เจ้าถิ่นเก่าอ่อนแรง ... พรรคพลังประชารัฐ ก็หวังจะได้เพิ่มจากเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ดูจากที่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่กำลังรับหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ก็รีบบึ่งลงใต้ ไปเรียกเรตติ้ง
ส่วนพรรคภูมิใจไทย ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญรีรกูล ที่มี “นาที-พิพัฒน์ รัชกิจประการ” เป็นแม่ทัพใหญ่ ขายนโยบายการท่องเที่ยว ทั้งชายฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ซึ่งกำลังเป็นรายได้หลักของพี่น้องชาวใต้ในขณะนี้ รวมทั้งเรื่องการพัฒนา ก่อสร้างถนนหนทาง ในความดูแลของกระทรวงคมนาคม ที่มี “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เป็นเจ้ากระทรวง ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ก็มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ แบบ “พูดแล้วทำ” ไม่ใช่ “ดีแต่พูด” ...เลือกตั้งครั้งใหม่นี้เลยประกาศตั้งเป้าอย่างน้อยขอ 20 ที่นั่ง
ขณะที่พรรคก่อตั้งใหม่อย่าง “สร้างอนาคตไทย” ที่มี “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เป็นประธานพรรค “อุตตม สาวนายน” หัวหน้าพรรค และ“สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เลขาธิการพรรค รวมพลัง “สามประสาน” ก็เพิ่งไปปักธงที่ภูเก็ต หวังเจาะภาคใต้เป็นประเดิม ด้วยการ ชู 3 เสาหลักเศรษฐกิจ "ท่องเที่ยวสุขภาพ เกษตรสมัยใหม่ ดิจิทัลฮับ" ฟื้นอันดามันขับเคลื่อนประเทศ แถมยังบลัฟพรรคเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์ ว่าหมดยุคแล้วกับนโยบายประกันราคา
“รวมไทยสร้างชาติ” เป็นอีกพรรคตั้งใหม่ ที่มี “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” เป็นหัวหน้าพรรค “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” อดีต ส.ส.กทม. บุตรบุญธรรมของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” นั่งเลขาธิการพรรค และยังมีระดับแกนนำพรรคเป็นอดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ในสาย กปปส. ยกทีมเข้ามาร่วม พรรคนี้มีเป้าหมายหลักที่ภาคใต้ชัดเจน ในวันประชุมใหญ่พรรคเมื่อต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ถึงกับประกาศว่าจะกวาด ส.ส.ใต้ยกภาค
สมรภูมิภาคใต้ครั้งนี้ ต้องสู้รบดุเดือดย่างไม่ต้องสงสัย !!
แล้วประชาธิปัตย์ ในยุคของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ที่มีปัญหาภายในพรรค มีเลือดไหลออกอยู่ตลอดเวลา และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จะรักษาฐานที่มั่นไว้ได้อย่างไร
เดือดร้อนถึง “นายหัวชวน” ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา ที่ก่อนหน้านี้มักไม่ค่อยออกมาแสดงความเห็นทางการเมือง แต่คราวนี้ ในฐานะประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ต้องออกมาพูด เพื่อ“ห้ามเลือด” ที่กำลังจะไหลออกไปอีกว่า เวลาถูกใครมาเกลี้ยกล่อม ก็ขอให้คิดให้ดี เพราะหลายพรรคก็เป็นแค่พรรคเฉพาะกิจชั่วคราวเท่านั้น เมื่อเสร็จภารกิจก็ล้มไป แต่ประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่ไม่ว่าจะได้ส.ส.กี่คน ก็เป็นพรรคการเมืองที่มั่นคงตลอด ไม่เปลี่ยนแปลง
ไม่เพียงเท่านั้น “นายหัวชวน” ยังพูดดักคอถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้จะเต็มไปด้วยการซื้อเสียง
... เห็นทุกพรรคบอกจะแลนด์สไลด์หมด แต่จะแลนด์สไลด์หรือไม่ ต้องเอาไว้ดูตอนนั้น แต่สิ่งที่พวกผมยังทำอยู่คือ การรณรงค์กับพี่น้องประชาชนว่า ขอให้รักษาอุดมการณ์เดิม อย่ายอมให้ใครมาซื้อ ต้องทำให้นักการเมืองไม่โกง ถ้าคนลงทุนแล้วไม่เอาคืนมันยาก หรือถ้านักการเมืองไม่โกง พรรคการเมืองก็ต้องโกง เพราะต้องเอาเงินมาเป็นทุน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เราเห็นอยู่ ไม่มีคนที่ไปซื้อตำแหน่งเข้ามาแล้วไม่หาผลประโยชน์ หายาก ฉะนั้นประชาชนต้องตระหนักเรื่องนี้ว่าถ้าเรายอมรับเงื่อนไขที่เขาให้เงินแล้วไปลงคะแนน ผลที่ตามมาก็คือ ประชาชนขาดทุน เพราะคนเหล่านั้นเข้ามาหาผลประโยชน์...
“นายหัวชวน” เห็นว่าพรรคการเมืองที่ลงมาบุกภาคใต้ครั้งนี้ เตรียมตัวที่จะซื้อเสียงกันทั้งนั้น ต่างจากประชาธิปัตย์ที่ยังยึดมั่น ...ไม่ซื้อสิทธิ์ ขายเสียง โอเลี้ยงแก้วเดียวก็อย่าหวัง.... แต่ “นายหัว” คงลืมนึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ ที่คนของประชาธิปัตย์ ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก 2 ปี และเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี จากคดีทุจริตเลือกตั้ง!!