xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวร้ายมาอีก โควิดพันธุ์ใหม่ระบาด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 อนุทิน ชาญวีรกูล - จุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์
เมืองไทย 360 องศา

กำลังเริ่มจะโงหัวขึ้นมาบ้าง สำหรับเศรษฐกิจที่มีการขับเคลื่อนกันทุกทาง ทั้งการท่องเที่ยว การผลิต การส่งออก การลงทุน เรียกว่า กำลังจะเข้าที่เข้าทางอีกไม่นานนี้ หลังจากวิกฤตโรคระบาด “โควิด-19” เริ่มคลี่คลาย แม้ว่าจะยังมีความเสี่ยงอยู่ก็ตาม แต่ล่าสุด ก็มีข่าวร้ายทำท่าจะมาซ้ำเติมเข้ามาอีก นั่นคือ ยังเป็น โควิด-19 นั่นแหละ แต่คราวนี้เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่เรียกว่า BA.4 และ BA.5 กำลังเริ่มระบาดกันอีกแล้ว และข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ ยืนยันว่า เวลานี้มีผู้ติดเชื้อมากกว่าการรายงานถึง 10 เท่า ก็ถือว่าน่าเป็นห่วงเหมือนกัน

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ถึงสถานการณ์โควิด-19 โดยรายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงสายพันธุ์ใหม่ BA.4 และ BA.5 พร้อมขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ให้ระวังตัวตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข โดยทางกระทรวงได้ติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมยอมรับว่า ข้อมูลที่ นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า มีผู้ติดเชื้อมากกว่าที่รายงานรายวันถึง 10 เท่า เป็นเรื่องจริง โดยยอมรับมีผู้ติดเชื้อมาก แต่ผู้เสียชีวิตไม่มาก พร้อมได้กำชับให้โรงพยาบาลส่งเลือดของผู้ติดเชื้อมาให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจสอบเพื่อติดตามผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ โดยทางกระทรวงได้ติดตามเชื้อดังกล่าวมาระยะหนึ่งแล้ว

นายสาธิต กล่าวต่อว่า ขณะนี้กราฟผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นเหมือนหลังเต่า แต่ไม่ได้มากเมื่อเทียบกับการแพร่ระบาดที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ขอให้ประชาชนระวังตัว โดยเฉพาะการไปในพื้นที่เสี่ยง ยังจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะกลุ่ม 608 และควรฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยง อย่างไรก็ตาม การระบาดของเชื้อในครั้งนี้ ยังไม่จำเป็นต้องกลับมาบังคับให้ใส่หน้ากาก เพราะเป็นการเพิ่มขึ้นหลังจากที่เราผ่อนคลายมาตรการ

ขณะเดียวกัน นายสาธิต กล่าวยอมรับว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลาประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ และผลตรวจออกมาแล้วว่า ติดเชื้อโควิด-19 หลังเดินทางกลับจากต่างประเทศ เบื้องต้นไม่มีอาการรุนแรง และได้พักรักษาตัว ทำงานที่บ้าน 7 วัน โดยการทำงานจะทำงานแบบ Work From Home เซ็นเอกสารที่บ้านได้

นอกเหนือจากนี้ ยังมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็ติดเชื้อโควิดอีกด้วย หลังจากที่ไปร่วมประชุมที่องค์การอนามัยโลก และเดินทางกลับประเทศไทย และมีผลตรวจออกมาว่าติดเชื้อ โดยลาการประชุมคณะรัฐมนตรีด้วย และได้ทำงานอยู่ที่บ้านเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนมีนาคม ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เตือนเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน BA.4 และ BA.5 แม้โดยจัดให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลและต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากความสามารถในการแพร่เชื้อเพิ่มขึ้น หลบภูมิคุ้มกันได้มากขึ้น แต่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอว่ามีความรุนแรงมากขึ้น

สำหรับสถานการณ์ของทั้ง 2 สายพันธุ์นี้ WHO ให้ความเห็นว่า ต้องเฝ้าระวังส่วนของ BA.5 อย่างใกล้ชิด เนื่องจากแอนติบอดีที่จะทำลายฤทธิ์ของเชื้อใช้ได้น้อย ยารักษาตอบสนองน้อยลง

ก่อนหน้านี้ ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์ถึงสายพันธุ์โควิด-19 ว่า จากฐานข้อมูลโควิดโลก หรือ GISAID มีรายงานในประเทศแถบยุโรปและแอฟริกาใต้พบโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.5 และ BA.4 เพิ่มมากขึ้น โดย BA.5 พบการกลายพันธุ์ต่างไปสายพันธุ์ดั้งเดิมอู่ฮั่นมากที่สุดประมาณ เกือบ 90 ตำแหน่ง ส่วน BA.4 พบการกลายพันธุ์ต่างไปสายพันธุ์ดั้งเดิมประมาณ 80 ตำแหน่ง การกลายพันธุ์มากขึ้นก่อให้เกิดความสุ่มเสี่ยงที่จะหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน และอาจจะแพร่ระบาดไปทั่วโลกได้ในอนาคต แต่อาการจะรุนแรงมากหรือไม่ยังต้องติดตามข้อมูลผู้ติดเชื้อเข้ารักษาใน รพ.มีอาการรุนแรงแค่ไหน

แต่ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในโปรตุเกสที่เข้ารักษาใน รพ.เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมากกว่า 80% รองลงมาคือ แอฟริกาใต้เพิ่มขึ้นประมาณ 50% ตามมาด้วยอังกฤษ ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี เบลเยียม สเปน อิตาลี เดนมาร์ก ส่วนใหญ่เป็นประเทศแถบยุโรปเกือบทั้งหมด ที่เริ่มเห็นสัญญาณผู้ติดเชื้อรายใหม่เข้า รพ.เพิ่มขึ้น

“ที่น่ากังวลคือ ผลการทดลองในสัตว์ทดลองเบื้องต้น บ่งชี้ว่า BA.4 และ BA.5 เพิ่มจำนวนได้ดีในเซลล์ปอด อันอาจจะก่อให้เกิดการติดเชื้อปอดอักเสบขึ้นได้ในมนุษย์ ซึ่งต่างไปจากโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม BA.1 และ BA.2 ซึ่งเพิ่มจำนวนได้ดีในเซลล์ของเยื่อบุระบบทางเดินหายใจส่วนบน ไม่ลงมาแพร่ติดต่อในระบบทางเดินหายใจส่วนล่างที่ปอด อย่างไรก็ตาม เป็นการทดลองในสัตว์ทดลอง ยังต้องติดตามข้อมูล” ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ ระบุ

แต่ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ได้ว่า เริ่มกลับระบาดแล้วในยุโรปและแอฟริกาใต้ แต่จะรุนแรงหรือไม่ยังต้องรอประเมินหน้างานจากผู้ป่วยที่เข้า รพ. ขณะนี้บางประเทศในยุโรปมีการยกระดับการเตือนภัยแล้ว โดยเฉพาะที่โปรตุเกสหน่วยควบคุมโรคของยุโรปได้ยกระดับให้เป็นสายพันธุ์ที่ต้องระมัดระวัง แต่องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังไม่ได้ยกระดับให้ BA.4 และ BA.5 เป็นสายพันธุ์น่ากังวลใจ

แน่นอนว่า นี่คือ ข่าวร้ายที่เริ่มกลับมา “หลอน” คนไทยอีกรอบ หลังจากที่เราเริ่มจะกลับมาใช้ชีวิตเกือบปกติ มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคมากขึ้น มีการเปิดประเทศ เริ่มมีการเดินทาง มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นทุกวัน ร้านค้า ธุรกิจกลับมาเปิดกิจการ ทำธุรกิจ ทำให้การขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจกลับมาคึกคักกว่าเดิม เริ่มมีความหวังว่าทุกอย่างจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อเป็นแบบนี้ มันก็มีความเสี่ยงที่จะกลับไปสู่จุดวิกฤตเดิมอีก แม้ว่าหากมองในแง่ดีอาจจะไม่เลวร้ายเหมือนเดิม แต่มันก็ทำให้เกิดผลกระทบทางด้านความเชื่อมั่นเกิดขึ้นอีก

แม้ว่าตามข้อมูลที่มีอยู่ “เชื้อกลายพันธุ์ใหม่” ดังกล่าวนี้ อาจจะไม่เลวร้ายเหมือนสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ แต่หากระบุว่า มีผลทำให้ “ปอดอักเสบ” มากขึ้น หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้มากขึ้น มันก็น่ากังวลอยู่ดี

ดังนั้น เมื่อได้รับรายงานข้อมูลแบบนี้ มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องมีความรู้สึกกังวลและหดหู่ใจพิกล มันเหมือนกับการบั่นทอนกำลังใจลงไปอีก หลังจากเริ่มมีความหวังจากวิกฤตโรคระบาดโควิดล่าสุดในสายพันธุ์ “โอมิครอน” ที่ไม่ร้ายแรงนัก และเริ่มคลี่คลายลง ยอดผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตเริ่มลดลง แต่เมื่อมีสายพันธุ์ใหม่ที่กลายพันธุ์ใหม่เข้ามาอีก มันก็ยิ่งทำให้รู้สึกเซ็งบอกไม่ถูกจริงๆ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น