xs
xsm
sm
md
lg

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์เตือนระวังโอมิครอน BA.5 กระจายในปอดเท่าเดลตา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ Center for Medical Genomics เผยข้อมูลโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 มีความรุนแรงอาจไม่ต่างจาก BA.2 กระจายในปอดเท่าเดลตา และเป็นสายพันธุ์ที่ควรเฝ้าระวังมากที่สุดในปัจจุบันและอนาคต

วันนี้ (26 มิ.ย.) ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ Center for Medical Genomics เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 สืบเนื่องจากที่มีคำถามมายังศูนย์จีโนมฯ เกี่ยวกับแนวโน้มการแพร่ระบาด และการเตรียมตัวป้องกัน ซึ่งศูนย์จีโนมฯ ระบุว่ามีแนวโน้มที่ BA.5 จะแทนที่ทุกสายพันธุ์ แต่ความรุนแรงอาจไม่ต่างจาก BA.2 การป้องกันและรักษาน่าจะใกล้เคียงกับ BA.2

ข้อมูลที่ได้จากการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสโคโรนา 2019 จากรหัสพันธุกรรมโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4, BA.5, BA.2.12.1 พบการกลายพันธุ์ต่างไปจากโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม B.1.1.529, BA.1 และ BA.2 ปัจจุบันพบแนวโน้มของสายพันธุ์ BA.4/BA.5 กำลังระบาดเข้ามาแทนที่โอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม (B.1.1.529) และสายพันธุ์ย่อย BA.1, BA.2, และ BA.2.12.1 ในหลายพื้นที่ของโลก ในสหรัฐอเมริกา โอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่ระบาดส่วนใหญ่เป็น BA.2.12.1 แต่กำลังถูกแทนที่ด้วยสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 และจากการคำนวณโดยอาศัยการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมในแต่ละช่วงเวลาของ BA.4/BA.5 พบว่ามีอัตราการเจริญ (growth rate) หรือความฟิตในการแพร่ระบาดมากกว่า BA.2.12.1 โดยพบว่า BA.5 มีความฟิตมากที่สุด

ในสหราชอาณาจักรอัตราการเจริญ (growth rate) ซึ่งคำนวณจากการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมในแต่ละช่วงเวลาพบว่า BA.5 เจริญรวดเร็วกว่า BA.2 ประมาณร้อยละ 35.14
BA.4 เจริญรวดเร็วกว่า BA.2 ประมาณร้อยละ 19.17
BA.2.12.1 เจริญรวดเร็วกว่า BA.2 ประมาณร้อยละ 9.16

ดังนั้น สถานการณ์ในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาคล้ายกันคือ BA.5 มีการเจริญที่รวดเร็วที่สุด และน่าจะมาแทนที่ BA.4 และ BA.2.12.1 ในที่สุด

สรุปได้ว่า สายพันธุ์ที่ควรเฝ้าระวังมากที่สุดในปัจจุบันและอนาคตคือ BA.5

หากพิจารณาดูจากรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมพบว่า "โอมิครอน" BA.4 หรือ BA.5 บริเวณส่วนหนามมีการกลายพันธุ์ต่างไปจาก BA.2 เพียง 3 ตำแหน่ง คือ 69-70del, L452R, F486V โดย “L452R” กลายพันธุ์กลับไปเหมือนสายพันธุ์ “เดลตา” ส่วน “F486V” เป็นการกลายพันธุ์ใหม่คาดว่าช่วยไวรัสมีความฟิตมากขึ้นในการแพร่ระบาด นอกจากนั้นบนจีโนมของ BA.4/BA.5 ยังมีการกลายพันธุ์กลับไปเหมือนสายพันธุ์ดั้งเดิมที่เคยระบาดในอดีต ก่อนหน้าสายพันธุ์เดลตา เช่น อัลฟา เบตา และแกมมา ที่ตำแหน่ง Q493

การกลายพันธุ์ของ BA.4/BA.5 มีการกลายพันธุ์ต่างไปจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ดั้งเดิม "อู่ฮั่น" ประมาณ 85 ตำแหน่ง ในขณะที่ BA.2 การกลายพันธุ์ต่างไปจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ดั้งเดิม "อู่ฮั่น" ประมาณ 75 ตำแหน่ง

การที่ BA.4/BA.5 มีกลายพันธุ์ที่ตำแหน่ง "L452R" เหมือนกับสายพันธุ์เดลตา การทดลองในห้องปฏิบัติการพบว่าสามารถเพาะเลี้ยงไวรัส BA.4/BA.5 ในเซลล์ปอดมนุษย์ในหลอดทดลองได้ดี หนามของไวรัสได้มีการเปลี่ยนแปลงไปสามารถเป็นตัวเชื่อมให้ผนังของหลายเซลล์ในหลอดทดลองหลอมรวมเป็นเซลล์เดียว (cell fusion หรือ syncytia formation) อันอาจเป็นเหตุดึงดูดให้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ติดเชื้อเข้ามาทำลายเซลล์ปอดของผู้ติดเชื้อเกิดการอักเสบที่ปอด

ส่วนในหนูทดลองพบการติดเชื้อ BA.4/BA.5 ในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่นที่เซลล์ปอดได้ดี
- ข้อมูลทางคลินิกจากผู้ติดเชื้อที่แตกต่างจากข้อมูลที่ได้จากห้องทดลอง ขณะนี้มีการแพร่ระบาดของ BA.4/BA.5 หลายประเทศในยุโรป จากการติดตามการดำเนินของโรคโควิด-19 ในประเทศแอฟริกาใต้ และโปรตุเกส ซึ่งเป็นประเทศแรกๆ ที่มีการระบาดของ BA.4/BA.5 พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ต้องเข้ารักษาตัวใน รพ.เพิ่มสูงขึ้นบ้างแต่ไม่สูงเท่ากับการติดเชื้อโอมิครอน BA.2 ในอดีต ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตคงที่ไม่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตลดลงอย่างต่อเนื่อง

ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านมีความเห็นสอดคล้องกันว่า "โอมิครอน" BA.4/BA.5 สามารถระบาดได้รวดเร็วกว่า BA.2 แต่ความรุนแรงและอาการทางคลินิกน่าจะไม่แตกต่างจาก BA.2 อย่างไรก็ดี คงต้องรอข้อมูลทางคลินิกจากหลายประเทศในยุโรป อังกฤษ และสหรัฐอเมริกาที่ BA.4/BA.5 กำลังระบาดมาสรุปร่วมด้วย

- ข้อมูลรหัสพันธุกรรมจากฐานข้อมูลโควิดโลก “GISAID” มีการระบาดของ BA.4, BA.5, BA.2.12.1 ในประเทศไทยซึ่งสามารถสืบค้นได้บนฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมโควิดโลก “GISAID” โดยข้อมูลส่วนใหญ่มาจากทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้อัปโหลดขึ้นไปแบ่งปันข้อมูลกับนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ตรวจพบ BA.4 ร้อยละ 2 ตรวจพบ BA.5 ร้อยละ 2 ตรวจพบ BA.2.12.1 ร้อยละ 1 หรือ 32, 49, และ 25 ราย ตามลำดับ

- ข้อมูลรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของไวรัสโคโรนาที่ถอดรหัสโดยศูนย์จีโนมฯ ตัวอย่างไวรัสโคโรนา 2019 ที่ทางศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี ได้สุ่มถอดรหัสพันธุกรรม มาจากสิ่งส่งตรวจที่ PCR เป็นผลบวก ระหว่างเดือนมกราคม ถึง พฤษภาคม 2565 จำนวนประมาณ 300 ราย ในพื้นที่ กทม. ปทุมธานี สมุทรสาคร และกรมราชทัณฑ์ พบว่าเป็นสายพันธุ์เดลตา และโอมิครอน BA.1 และ BA.2 เป็นส่วนใหญ่ ยังไม่พบ BA.4. BA.5, และ BA.2.12.1 (กำลังรอผลการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมอีก 100 รายของเดือนมิถุนายน) แสดงว่ากรุงเทพฯ และจังหวัดเสี่ยงในภาคกลางยังไม่พบการแพร่ระบาด หรือระบาดน้อยจนสุ่มตรวจไม่พบ BA.4, BA.5 และ BA.2.12.1 ในระดับท้องถิ่นระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา

สรุปได้ว่า จากข้อมูลที่มีในปัจจุบันบ่งชี้ว่าไม่น่าจะมีการระบาดใหญ่ในไทย ความรุนแรงของการติดเชื้อไม่น่าจะต่างจาก BA.2 การป้องกันและรักษาไม่ต่างจาก BA.2 ที่ต้องระวังมีสายพันธุ์เดียวคือ “BA.5” ที่กำลังระบาดเข้ามาแทนที่ทุกสายพันธุ์
#โอมิครอน
Center for Medical Genomics"






กำลังโหลดความคิดเห็น