นายแพทย์ มนูญ ลีเชวงวงศ์ โพสต์แนะคนไทยอย่าตื่นกลัวเรื่องลองโควิดมากเกินไป ชี้ผู้ที่ติดโควิดสายพันธุ์โอมิครอนมีเพียง 4% เท่านั้นที่มีลองโควิด ไม่ใช่ร้อยละ 20-40
วันนี้ (20 มิ.ย.) เฟซบุ๊ก “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” หรือ นายแพทย์ มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียูเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้ออกมาโพสต์ให้ข้อมูลเรื่อง Long Covid หรือ “ลองโควิด” คืออาการทางร่างกายและทางจิตใจที่หลงเหลืออยู่หลังหายจากการติดเชื้อโควิด-19
โดยระบุข้อความว่า "ก่อนหน้านี้มีบางสื่อให้ข่าวว่า ร้อยละ 20-40 ของผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนมีผลข้างเคียงระยะยาว หรือที่รู้จักกันในชื่อ Long Covid นับเวลาของอาการที่ยังตกค้างอยู่หลังการติดเชื้อไวรัสโควิดมากกว่า 1 เดือนขึ้นไป โดยอ้างอิงจากข้อมูลลองโควิดของสายพันธุ์เดลตา ทำให้คนไทยวิตกกังวลกันมาก ทั้งๆ ที่ยังไม่มีหลักฐานจากการศึกษาขนาดใหญ่รองรับ
เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนพบครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วในประเทศแอฟริกาใต้ เราต้องใช้เวลาในการศึกษาวิจัยระยะหนึ่ง ณ เวลานี้ มีการศึกษาใหญ่พอที่จะบอกได้แล้วว่า ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนมีลองโควิดมากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดลตา
ผลการศึกษามหาวิทยาลัยคิงคอลเลจ ลอนดอน ของสหราชอาณาจักร รายงานในวารสารการแพทย์ Lancet (ดูรูป) จากการเก็บข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการป่วยระยะยาวหรือลองโควิด พบหลักฐานว่าผู้ที่ติดเชื้อโอมิครอนมีอาการป่วยระยะยาว 4.5% หรือ 2,501 คนจาก 56,033 คน น้อยกว่าผู้ติดเชื้อเดลตาที่มีลองโควิด 10.8% หรือ 4,469 คนจาก 41,361 คน สรุปว่าลองโควิดสายพันธุ์โอมิครอนน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตามากกว่าร้อยละ 50 (ดูรูป)
เพราะฉะนั้นคนไทยไม่ต้องตื่นกลัวเรื่องลองโควิดมากเกินไป คนที่หายป่วยจากโรคโควิดสายพันธุ์โอมิครอนส่วนใหญ่แล้วกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม มีเพียง 4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ไม่ใช่ร้อยละ 20-40 ที่มีลองโควิด"
คลิก>>อ่านโพสต์ต้นฉบับ