“ประยุทธ์” เปิดเผย ครม.หารือจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือภาคการผลิต เพื่อลดผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า และเห็นชอบยกเว้นอากรคาร์ซีตที่นำเข้าจากต่างประเทศร้อยละ 20
วันนี้ (28 มิ.ย.) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาถึงการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือในการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการ ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ซึ่งเป็นการช่วยเหลือประชาชน ทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรม และภาคบริการ ให้เกิดศักยภาพทางการแข่งขัน และปรับตัวเพื่อใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรีทางการค้าต่อไป
คณะรัฐมนตรียังอนุมัติหลักการให้ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้ประกอบการ ในกิจการศูนย์ข้อมูล หรือ Data Center ในประเทศไทย และการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้ประกอบการที่ให้บริการพื้นที่ sever และองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อการจัดเก็บประมวลผล หรือเชื่อมต่อข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และการให้บริการสำรองข้อมูล เพื่อป้องกันเหตุขัดข้องอันจะทำให้ข้อมูลเกิดความเสียหาย การให้บริการเชื่อมต่อเครือข่ายกับผู้ใช้อินเทอร์เน็ต และผู้ให้บริการคลาวด์ ตลอดจนการบริหารจัดการระบบและรักษาความปลอดภัยทางสารสนเทศ ทั้งนี้เพื่อตอบสนองให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของภูมิภาคในอนาคต
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า รัฐบาลมุ่งมั่นพัฒนาพื้นที่ EEC ซึ่งได้วางรากฐานไว้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 ทั้งการจัดสร้างโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค ระบบโครงข่ายคมนาคมไร้รอยต่อ ทั้งทางน้ำ อากาศ และถนน โดยหลายอย่างอยู่ระหว่างดำเนินการ ให้เป็นไปตามกฏหมายทุกประการ เพื่อยกระดับการขนส่งและโลจิสติกส์ รองรับการเป็นเมืองใหม่อัจฉริยะ และอุตสาหกรรมอัจฉริยะ รวมถึงพลังงานสะอาด ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบแผนดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค รวมทั้งมาตรการส่งเสริมเทคโนโลยี เพื่อยกระดับโครงข่ายคมนาคม 2561-2570 ทั่งหมด 77 โครงการ (วงเงิน 3.3 แสนล้านบาท ) เชื่อว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ EEC จะเป็นศูนย์กลางสำคัญทางเศรษฐกิจของทั้งประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน
คณะรัฐมนตรี ยังเห็นชอบให้ยกเว้นอากรคาร์ซีตสำหรับเด็กที่นำเข้าจากต่างประเทศร้อยละ 20 โดยให้มีผลถัดจากวันที่ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาจนถึงสิ้นปี 2566 ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน เนื่องจากคาร์ซีตในปัจจุบันนำเข้าจากต่างประเทศและมีราคาสูง