เมืองไทย 360 องศา
จะเป็นเพราะได้รับสัญญาณอันตรายแบบนี้หรือเปล่า หลังจากนโยบาย “กัญชาเสรี” ของรัฐบาลที่ผลักดันโดยพรรคภูมิใจไทย จนสามารถ “ปลดล็อก” กัญชาพ้นจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 มาตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน จนสร้างความหวังให้กับคนไทย จนตื่นตัวกันทั่วประเทศ มีการตั้งความหวังกันว่า จะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่สร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน และสร้างรายได้เข้าประเทศจำนวนมหาศาล
แม้ว่าเวลานี้พืชกัญชา จะไม่ใช่ “เสรี” เต็มร้อย เพราะเอาเข้าจริงยังมีข้อจำกัด มีการควบคุมการใช้ การผลิต แม้จะให้ชาวบ้านปลูกได้ แต่ก็ต้องมีการขออนุญาต มีการลงทะเบียนจดแจ้ง รวมไปถึงการจำกัดปริมาณการปลูก มีการกำหนดวัตถุประสงค์ไม่ให้มีการเสพเพื่อสันทนาการ และยังมีการควบคุมไม่ให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าถึงกัญชา เป็นต้น
อีกทั้งยังต้องรอ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง (ฉบับที่…) พ.ศ…. ที่ผ่านวาระแรกจากสภาผู้แทนราษฎร ไปแล้ว โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นคณะกรรมาธิการ หากกฎหมายนี้ประกาศใช้จะมีกลไกมากมาย ว่า ใครสามารถบริโภค ครอบครอง จะต้องขอใบอนุญาตและต้องรอกฎหมายฉบับนี้ผ่านสภา และออกมาบังคับใช้อีกระยะหนึ่ง ทำให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น
แต่เอาเป็นว่า กรณีของกัญชา ได้สร้าง “กระแส” ในสังคมได้อย่างแรง ไม่ต่างจากกรณีของ “ใบกระท่อม” ที่ปลดล็อกไปก่อนหน้านี้ ซึ่งก็ได้สร้างผลงานให้กับผู้ผลักดันคนสำคัญ โดยเฉพาะการจดจำชื่อของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จากพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องให้เครดิต
สำหรับกรณีของ“กัญชา” ที่ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมอย่างหนัก เนื่องจากมีการคาดหมายว่าจะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจ มีการเชื่อมโยงไปหลายด้าน โดยเฉพาะทางการแพทย์ เครื่องสำอาง ทางด้านโภชนาการ สารพัด คาดหวังว่า จะสร้างรายได้มหาศาล โดยเฉพาะส่งผลดีกับระดับชาวบ้านระดับล่าง
ขณะเดียวกัน ยังมีปัญหาอุปสรรคขวากหนามไม่น้อยที่ยังต้องเจอ ไม่ว่ากลุ่มที่เสียประโยชน์ ทั้งที่เป็นแพทย์บางคน และโดยเฉพาะ “กลุ่มการเมือง” ที่เห็นออกอาการมากที่สุดในเวลานี้ ก็จะเห็นได้จากระดับ “นายใหญ่” ของพรรคเพื่อไทย อย่าง นายทักษิณ ชินวัตร ถึงกับออกโรงมา “ดิสเครดิต” กัญชาแบบเต็มเหนี่ยว
ระหว่างร่วมสนทนาในเพจ แคร์ คิด เคลื่อนไทย เมื่อวันก่อน โดยระบุเกี่ยวกับประเด็นกัญชาเสรี ว่า ตอนฝิ่นออกมาใหม่ๆ ก็บอกมีสรรพคุณทางยาเยอะ ถ้าว่ามีมั้ย มีจริง แต่สุดท้ายก็มีการเสพติดกันเยอะ กัญชาก็เหมือนกัน มีสารเสพติดอยู่ในตัว และมีสรรพคุณทางยาด้วย แต่ต้องสกัดให้ถูกต้องตามหลักการที่ถูกต้อง ฉะนั้น การเตือนกับเยาวชน ต้องมาพร้อมกันกับการให้เสรี เรื่องนี้ต้องดูให้ครบวงจร ไม่ใช่อยากหาเสียงว่า ปลูกกัญชาได้แล้ว บอกว่าชนะแล้ว เห็นวันนี้มีการใช้ ใส่แม้กระทั่งในไข่เจียว ตนว่ามันเพี้ยนกันใหญ่ เรื่องนี้อย่าทำเป็นเล่นไป และอย่าลืมว่า มันมีสารเสพติดอยู่ในตัว ทุกอย่างมีโทษและประโยชน์ จึงต้องสกัดให้ถูกหลักการ
แน่นอนว่า ในคำพูดของเขาก็มีความจริงปะปนอยู่ หากมีการใช้ผิดวัตถุประสงค์ ปริมาณมาก และไม่ถูกต้องทางการแพทย์ แต่ขณะเดียวกัน ในคำพูดดังกล่าว มันก็แฝงไปด้วยเจตนาที่ต้องการ “ดิสเครดิตฝ่ายตรงข้าม” ในทางการเมือง นอกเหนือจากภาพฝังจำในเรื่อง “ยาเสพติด” ที่ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับ“คนใกล้ตัว” หรือไม่
เพราะเป็นที่รับรู้กันแล้วว่า งานนี้พรรคภูมิใจไทย กำลังโกยแต้มจากเรื่องกัญชาเสรีเข้าไปเต็มๆ และสำหรับพรรคเพื่อไทยแล้ว นาทีนี้กำลังกลายเป็นคู่แข่งสำคัญในพื้นที่ยุทธศาสตร์อย่างภาคอีสาน พื้นที่ที่หลายจังหวัดมี ส.ส.ระดับ “บ้านใหญ่” หรือประเภทที่ “มีแสง” ย้ายเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย แบบยกพวงกันเลยทีเดียว เหมือนกับกรณีที่เกิดขึ้นในจังหวัดศรีสะเกษ ที่ถึงกับต้องส่ง “ลูกเถ้าแก่” ไปตามราวีถึงถิ่น เมื่อสัปดาห์ก่อน จนเกิดเรื่องราวกันมาแล้ว
สิ่งตอกย้ำให้เห็นได้ชัดเจนก็มาจากรายงานผลสำรวจของ อีสานโพล (E-Saan Poll) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เรื่อง “คนอีสานกับการปลูกกัญชาเสรี” โดยผลสำรวจพบว่า จากเรื่องดังกล่าวทำให้พรรคภูมิใจไทยได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5
รศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล กล่าวว่า แม้ผลการสำรวจจะออกมาว่า พรรคเพื่อไทย ยังได้รับความนิยมในภาคอีสานเป็นอันดับหนึ่ง ในลักษณะที่ทิ้งห่างก็ตาม แต่สำหรับพรรคภูมิใจไทยแล้ว ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมากเช่นเดียวกัน เมื่อเทียบกับผลสำรวจเมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา
ดังนั้น ก็คงไม่น่าแปลกใจที่จะได้เห็น นายทักษิณ ชินวัตร ที่ถือว่าเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทยโดยพฤตินัย ออกอาการในลักษณะที่ “นั่งไม่ติด” กับนโยบายกัญชาเสรีแบบนี้ เพราะจะว่าไปแล้ว นี่เป็นเรื่องใหม่ ที่จะสร้าง “ภาพจำใหม่” ที่นาทีนี้ชาวบ้านจะนึกถึงพรรคภูมิใจไทย ที่นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล และที่สำคัญ มันยังต้องกระทบไปที่พื้นที่ฐานเสียงยุทธศาสตร์ในภาคอีสานเข้าไปเต็มๆ !!