xs
xsm
sm
md
lg

จับโป๊ะเห็นๆ! “ทอน-ก้าวไกล” จอมบิดเบือน ปมวัคซีน คดี 112 อ้างปิดปากคนเห็นต่าง “คุกคามทางเพศ” แค่รำคาญ?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE STANDARD
แค่จอมบิดเบือน? “ทอน” บิดเบือน ม.112 ห่วงการใช้กฎหมายกับคนเห็นต่างกับรัฐ “ธันวา” ดีดปาก ต้องการเชื่อมโยงไปถึงสถาบันฯ เพื่อให้สังคมเกิดข้อครหา “ปชช.” ไม่พอใจ “ก้าวไกล” ไม่กล้าแม้แต่ใช้คำว่าคุกคามทางเพศ

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (6 มิ.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก THE STANDARD โพสต์ประเด็น ธนาธรขึ้นศาลตรวจหลักฐานคดี ม.112 ไลฟ์วัคซีนโควิด ไม่กังวลเรื่องคดี แต่ห่วงการใช้กฎหมายกับคนเห็นต่างกับรัฐ

เนื้อหาระบุว่า “วันนี้ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจหลักฐานคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า จำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยเดินทางมาพร้อม กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ

สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2564 จำเลยไลฟ์เฟซบุ๊กหัวข้อเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิดบนเพจคณะก้าวหน้าและเพจส่วนตัว ซึ่งมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์การจัดหาวัคซีนโควิดของรัฐบาลที่มีความล่าช้าและมีเนื้อหาพาดพิงสถาบันฯ

ธนาธร เปิดเผยก่อนขึ้นห้องพิจารณาคดีว่า วันนี้นัดตรวจพยานหลักฐาน ตนไม่มีข้อกังวลใจใดๆ ส่วนเรื่องการเตรียมพยานหลักฐานให้เป็นหน้าที่ของทางทีมทนาย แต่ตนมีความกังวลใจเกี่ยวกับการใช้มาตรา 112 ในภาพรวมมากกว่า เพราะตนเชื่อว่า การใช้มาตรา 112 ในยุคปัจจุบันภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความต้องการใช้มาตรานี้เพื่อหยุดการวิพากษ์วิจารณ์ของคนที่ต่อต้านรัฐบาล คนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล

ธนาธร กล่าวต่อว่า จะเห็นได้ว่า มีประชาชนจำนวนมากที่ถูกฟ้องในคดีการเมือง ไม่ว่าจะเป็นคดีมาตรา 112 คดีมาตรา 116 หรือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน และทั้งหมดก็เป็นไปเพื่อการรักษาอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องแลกด้วยสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกโดยรวม ตนเห็นว่านี่เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

#TheStandardNews”

ภาพ “ธนาธร” เมื่อครั้งประชาสัมพันธ์ “ไลฟ์สด” จนถูกฟ้องคดี 112 ขอบคุณข้อมูล-ภาพ จากเพจเฟซบุ๊ก ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ โพสต์ภาพพร้อมแชร์ความเห็นจากเพจเฟซบุ๊ก Thanva Krairiksh - ธันวา ไกรฤกษ์ ที่ระบุว่า

“คดีไลฟ์สดวัคซีนพระราชทาน ถูกใช้เป็นข้อหาการเมือง ปิดปากคนวิจารณ์รัฐบาลประยุทธ์ ???

..คุณธนาธร บอกการใช้ ม.112 ในยุคปัจจุบันก็เพื่อหยุดการวิพากษ์วิจารณ์คนที่ต่อต้านรัฐบาล เพื่อรักษาอำนาจของลุงตู่ โดยต้องแลกด้วยสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็น

หากเป็นเช่นนั้นจริง ผมคงโดนมาตรา 112 เล่นงานด้วยแล้วครับ เพราะผมโพสต์ด่ารัฐบาลเรื่องวัคซีนโควิด เรื่องเตียง เรื่องยา เรื่องการนำส่งผู้ป่วย ทุกวัน ออกข่าวเป็น 10 ครั้ง

ที่ต่างกันคือ ผมไม่ได้เอาไปโยงกับสถาบันฯ
คุณต้องยอมรับก่อนว่า คุณต้องการจะวิพากษ์วิจารณ์เฉพาะรัฐบาล หรือคุณต้องการจะเชื่อมโยงไปถึงสถาบันฯ เพื่อให้สังคมเกิดข้อครหา ด้วย

หากคุณไม่เริ่มต้นจากการยอมรับแล้ว ประเด็นมันก็จะผิดเพี้ยนไปอย่างที่กำลังกล่าวอยู่ว่ารัฐบาลใช้มาตรา 112 ปิดปากคน

..รัฐบาลเฮงซวย
..รัฐบาลล้มเหลวเรื่องการจัดหาวัคซีน
..มีนักการเมืองได้ผลประโยชน์จากงบโควิด
ผมเคยพูด และก็ยังพูดปาวๆ ได้เหมือนเดิม ไม่เห็นมีใครมาปิดปาก หรือยัดคดีอะไรให้ผมเลย

สรุป อย่าบิดเบือนหรือโยงใยกันให้มั่วซั่วเลยครับ สังคมจะได้ไม่เข้าใจผิด และเกิดตรรกะที่ผิดเพี้ยน

กล้าทำ กล้ารับ กล้าชน ไปเลยดีกว่า อาจชนะคดีก็ได้ ..แต่ถ้าแพ้ ก็แพ้อย่างมีเกียรติ ครับ”

ภาพ พรรคก้าวไกลแถลงผลตรวจสอบข้อเท็จจริง ส.ก.คุกคามทางเพศ ค้านสายตา ปชช. ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเว็บไซต์สถาบันทิศทางไทย
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น ทัวร์ลงสนั่น!? ปชช.ไม่พอใจ “พรรคก้าวไกล” แถลงเหมือนปกป้อง ส.ก.คุกคามทางเพศ แถมโพสต์ข้อความไร้มารยาท ก่อนลบทิ้ง!?
#ก้าวไกล #คุกคามทางเพศ #ไร้มารยาท

โดยระบุรายละเอียดในเว็บไซต์สถาบันทิศทางไทย ว่า

สืบเนื่องจากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Nada chaiyajit” อดีตลูกจ้างที่เคยร่วมงานกับ สมาชิกสภากรุงเทพฯ (ส.ก.) พรรคก้าวไกล เขตวัฒนา ได้ร้องเรียนว่า ถูก ส.ก.คุกคามทางเพศ

ต่อมา พรรคก้าวไกล ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ โดยเปิดเผยว่า จากหลักฐานที่ปรากฏ พบว่า มีการสนทนาทางไลน์ ณ วันที่ 25 ก.ย. 64 ที่เข้าข่ายก่อความเดือดร้อนรำคาญทางเพศด้วยวาจาและกระทบต่อความรู้สึกและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ร้องเรียน ซึ่งไม่ได้มีการพูดถึงในเรื่องของพฤติกรรมคุกคามทางเพศ

ทำให้ทางด้านเพจสาธารณะชื่อดัง The METTAD นำคลิปช่วงหนึ่งในแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกลออกมาเปิดเผย พร้อมทั้งโพสต์ข้อความเหน็บแนมว่า “คำว่า คุกคามทางเพศ สั้นๆ ง่ายๆ แต่ไม่กล้าพูด”

ทำให้มีประชาชนจำนวนมาก ที่เฝ้าติดตามในประเด็นนี้มาตลอด ต่างเกิดความไม่พอใจ และค่อนข้างไม่เห็นด้วยกับแนวทางพรรค ที่เหมือนจะชูประเด็น ปกป้องการคุกคามทางเพศ มาโดยตลอด แต่พอคนในพรรคตนเองทำบ้าง กลับมีบทลงโทษที่เบาเกินไป ทำให้มีประชาชนจำนวนมากต่างออกมาแสดงความคิดเห็น เช่น

“ไม่เก่งเหมือนตอนซัดพรรคประชาธิปัตย์เลยครับ, ไม่เป็นไรๆ ถือซะว่าครั้งแรก ลดให้ 90%, พยานสร้างได้ แต่หลักฐานสร้างยาก อันสุดท้ายชัดเจนรู้สึกว่า คำให้การพยานอ่อนเลย ไม่มีใครทำผิดครั้งเดียวหรอก”

ที่น่าสนใจคือ มีประชาชนบางส่วนมองว่า เรื่องการคุกคามทางเพศนั้น มีความผิดในคดีอาญาตามกฎหมาย ก็ควรจะลงโทษตามกฎหมาย

“คดี เข้าข่าย คุกคามทางเพศ เป็นคดีอาญา, เข้าข่ายขาดจริยธรรมของนักการเมือง ถ้าหากเข้าข่ายกระทำความผิด ควรลงโทษตามกฎหมาย ใช่หรือไม่. ท่าน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้าน ท่านเคย ทำงานอะไรบ้าง เพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างซื่อสัตย์”

หลังจากโดนทัวร์ลงอย่างหนัก เนื่องจากเพจของ พรรคก้าวไกล ไม่กล้าที่จะโพสต์ข้อความ “คุกคามทางเพศ” พร้อมทั้งมีการโต้เถียง ใช้วาจาค่อนข้างไม่เหมาะสมกับผู้เข้าไปสอบถาม โดยโพสต์ในเชิงประชดว่า

“ขออภัยกรณีดังกล่าว แอดมินลบทวีตแล้ว เนื่องจากเป็นการตอบสั้นเกินไป มีท่าทีที่ไม่ดี และหลายคนคาดหวังให้มี ครับ/ค่ะ ด้วย ขอสอบถามในที่นี้เลยว่าคาแรกเตอร์ทวิตเตอร์พรรค จะลงท้ายด้วย ครับ หรือ ค่ะ ดี? จะใช้ตรงกันสม่ำเสมอขออภัยกรณีที่เกิดขึ้นอีกครั้งจริงๆ ครับ/ค่ะ

พร้อมทั้งโพสต์ข้อความประชดแกมเย้ยอีกครั้งว่า ผู้บังคับบัญชาทำโทษโดยการ ตัดเน็ต 24 ชั่วโมง

หลังจากนั้น ต่อมาทางด้านเพจของ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้งโดยเป็นการขอโทษ ที่มีการโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสม พร้อมทั้งได้มีการลบออกแล้ว โดยมีรายละเอียดว่า

“พรรคก้าวไกลขออภัยประชาชนทุกท่านที่แอคเคาต์ของพรรคได้ทวีตข้อความที่ไม่เหมาะสม เป็นจำนวน 2 ทวีต เราได้ลบทวีตดังกล่าวแล้ว และจะระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก”

แน่นอน, ประเด็นที่น่าตอกย้ำให้เห็น ก็คือ การ “บิดเบือน” สาระสำคัญและความจริง ซึ่งทั้งนายธนาธรและพรรคก้าวไกล ต่างอ้างเสมอว่า พวกตนต้องการสร้างการเมืองใหม่ โดยนักการเมืองน้ำดี หัวก้าวหน้า และเป็นคนรุ่นใหม่ แต่สุดท้ายสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ ก็แทบมองไม่เห็นความหวังที่จะฝากเอาไว้ได้เลย

เพราะสิ่งที่แสดงออกให้เห็นอยู่ในเวลานี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับความเป็น “ศรีธนญชัย” ของ นักการเมืองแบบเก่า? เพียงแต่ยุคนี้เขาเรียกให้ดูหรูหรามีราคา ไม่โบราณว่า “วาทกรรมหลอกเด็ก” เท่านั้นเอง

และเมื่อจับได้ไล่ทัน ก็จะรู้ว่า เป็น “ของจริง” อย่างที่กล่าวอ้างหรือไม่ ผู้อ่านย่อมรู้ดี!?


กำลังโหลดความคิดเห็น