พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอโอกาสนี้ในการนำพี่น้องประชาชนไปรู้จักกับอาชญากรรมรูปแบบหนึ่ง ที่ไม่ว่าใครก็สามารถตกเป็นเหยื่อได้ ไม่ว่าจะเป็นหญิง ชาย เด็ก ผู้ใหญ่ หรือ เพศทางเลือก ซึ่งอาชญากรรมในรูปแบบดังกล่าวก็คือ Sexual Harassment หรือภาษาไทยคือ การคุกคามทางเพศ ซึ่งหมายถึงการกระทำหรือการแสดงออกในทางเพศ ทั้งโดยตรงหรือโดยอ้อม ผ่านการใช้สายตา ท่าทาง เสียง คำพูด ร่างกาย หรือสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ ทำให้ผู้ที่ตกเป็นเป้าของการกระทำนั้น รู้สึกเดือดร้อนรำคาญ อึดอัด ไม่พอใจ เครียด หวาดระแวง หวาดกลัว และรู้สึกไม่ปลอดภัย
โดยพฤติกรรมการคุกคามทางเพศสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 รูปแบบหลัก ได้แก่ การคุกคามด้วยคำพูดที่ไม่สมควร เช่น การพูดเกี่ยวกับเพศ เล่นตลกเกี่ยวกับเพศ ชักชวนให้มีเพศสัมพันธ์ พูดถึงสัดส่วนของร่างกาย หรือพูดในลักษณะสองแง่สองง่ามในเรื่องเพศ การคุกคามทางสายตา เช่น การจ้องมองไปยังบริเวณส่วนต่างๆ ของร่างกาย การคุกคามทางร่างกาย เช่น การสัมผัสร่างกาย แตะเนื้อต้องตัว โอบกอด โอบเอว จับมือ จับขา เป็นต้น การคุกคามโดยส่งข้อความ ผ่านจดหมายหรือผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เช่น การเขียนจดหมาย หรือส่งข้อความลามก ตลอดจนการส่งภาพ/คลิปลามก หรือภาพอวัยวะเพศให้กับเหยื่อ และการแอบถ่ายภาพ/คลิป ของเหยื่อในลักษณะลามก ตามสถานที่ต่างๆ เช่น ห้องน้ำ ใต้บันได ในรถขนส่งสาธารณะ เป็นต้น
ซึ่งการคุกคามทางเพศนั้น ผู้ที่ตกเป็นเหยื่ออาจจะรู้สึกอึดอัดกับเรื่องดังกล่าว หรืออยู่ในฐานะที่ไม่อาจขัดขืนหรือหลีกเลี่ยงได้ ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของบุคคลดังกล่าวเป็นอย่างมาก อีกทั้งการกระทำดังที่กล่าวมา อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมายอีกด้วย อาทิ กรณีการคุกคามทางวาจา คุกคามทางสายตา หรือคุกคามโดยการส่งจดหมายหรือข้อความ อาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานกระทำให้อับอายหรือก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญในลักษณะส่อไปในทางที่จะล่วงเกินทางเพศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 วรรคสอง และจะต้องรับโทษหนักขึ้นหากผู้กระทำมีอำนาจเหนือกว่าผู้ถูกกระทำ เช่น เป็นผู้บังคับบัญชา หรือนายจ้าง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 วรรคท้าย
หากเป็นกรณีการคุกคามทางร่างกาย หรือการแอบถ่ายภาพ/คลิป อาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานกระทำอนาจาร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 และหากเหยื่อเป็นเด็ก หรือมีการใช้อาวุธ หรือส่งผลให้เหยื่อได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือเสียชีวิต อาจต้องระวางโทษสูงสุดถึงจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต แล้วแต่กรณี
ส่วนการนำภาพ/คลิป ลามกที่แอบถ่าย ไปส่งต่อในสื่อสังคมออนไลน์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ อาจเข้าข่ายความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (4) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือหากเป็นการส่งต่อภาพ/คลิปลามกเด็ก อาจเข้าข่ายความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287/1 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 140,000 บาท
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ย้ำว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คำนึงและให้ความสำคัญผู้เสียหายทุกเพศทุกวัย จึงขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นหรือตกเป็นเหยื่อของการคุกคามทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงาน สถานศึกษา หรือสถานที่อื่นๆ ไม่ว่าเหยื่อที่ถูกกระทำจะเป็น ชาย หญิง หรือ เพศทางเลือกก็ตาม ขอให้ท่าน อย่าเพิกเฉยหรือปล่อยผ่านการกระทำดังกล่าว เพราะจะทำให้ผู้กระทำความผิดได้ใจ และไปก่อเหตุกับบุคคลอื่นอีก จึงไม่สมควรให้บุคคลที่มีพฤติกรรมแบบนี้มีที่ยืนในสังคม โดยหากท่านตกเป็นเหยื่อ สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่สถานีตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ หรือขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วน 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดต่อไป