ดร.นิว เทียบ “อังกฤษ” กับ “ไทย” เห็นชัด “สามนิ้ววิปริต” คนอังกฤษ มองปกป้องสถาบันฯ เรื่องปกติของมนุษย์!? “กนก” ฟาด “กก.จริยธรรมสภา” ปล่อย “เจี๊ยบ ก้าวไกล” รอด “หมอวรงค์” ชี้ชัด ชาวบ้านเดือดร้อนอะไร
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (31 พ.ค.65) เว็บไซต์สถาบันทิศทางไทย โดย XXPiYaXX โพสต์ประเด็น สามนิ้ววิปริต!? เปิดชัดๆ คนอังกฤษต้องถวายสัตย์ฯ จงรักภักดีต่อสถาบันฯ แถมมองการปกป้องพระมหากษัตริย์ เป็นเรื่องปกติที่มนุษย์เขาทำกัน!
โดยระบุว่า ในขณะที่กลุ่มเคลื่อนไหวในประเทศไทย ซึ่งมีสัญลักษณ์ 3 นิ้ว พยายามที่จะด้อยค่าประเทศ และหวังที่จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด แต่หารู้ไม่ว่า ประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก ที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่างพากันปกป้อง โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ
อย่างกรณี ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Suphanat Aphinyan” ระบุว่า
“ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเรื่องปกติธรรมดาของประชาชนทั่วไป
ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงไม่ใช่การแบ่งฝ่ายเลือกข้างทางการเมือง หากแต่อยู่เหนือการเมือง อีกทั้งเป็นหน้าที่พื้นฐานของความเป็นประชาชนโดยแท้
มาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้บัญญัติไว้ซึ่งหน้าที่ของปวงชนชาวไทย โดย มาตรา ๕๐(๑) บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
มีแต่ผู้ไม่หวังดีหรือมีความคิดกบฏนิยมล้นเกินเท่านั้น ที่พยายามด้อยค่าของความจงรักภักดี อีกทั้งทำให้ความจงรักภักดีถูกมองเป็นเรื่องผิดปกติ ตลอดจนยัดเยียดให้ความจงรักภักดีกลายเป็นการแบ่งฝ่ายเลือกข้างทางการเมือง
โปรดทำความเข้าใจกันเสียใหม่ ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นหน้าที่ของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยแบบราชอาณาจักร และเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการเมือง อีกทั้งพรรคการเมืองทุกพรรคต้องจงรักภักดีตามกฎหมาย ถ้าพรรคการเมืองไหนไม่จงรักภักดีก็เป็นกบฏ
ดังนั้น ความจงรักภักดี จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องและเป็นเรื่องปกติ อันเป็นหน้าที่ของประชาชนชาวไทยทุกคน ในการช่วยกันพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ถ้ามีใครสักคนต้องการขอสัญชาติอังกฤษ ซึ่งเป็นประเทศต้นตำรับของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (Constitutional Monarchy) หากมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และประสบความสำเร็จในการขอสัญชาติอังกฤษ ก็จะต้องเข้าพิธีสาบานตนเป็นพลเมืองอังกฤษในลำดับสุดท้าย
Oath of Allegiance (คำถวายสัตย์ปฏิญาณ)
I… swear by Almighty God that, on becoming a British citizen, I will be faithful and bear true allegiance to Her Majesty Queen Elizabeth the Second, Her Heirs and Successors according to law.
คำแปล: ข้าพเจ้า… ขอสาบานต่อพระผู้เป็นเจ้า ในการเป็นพลเมืองอังกฤษ ข้าพเจ้าจะยึดมั่นในศรัทธาและจงรักภักดีอย่างแท้จริง ต่อสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ ๒, พระบรมวงศานุวงศ์ และองค์รัชทายาทตามกฎหมาย
Pledge (คำปฏิญาณตน)
I will give my loyalty to the United Kingdom and respect its rights and freedoms. I will uphold its democratic values. I will observe its laws faithfully and fulfil my duties and obligations as a British citizen.
คำแปล: ข้าพเจ้าจะจงรักภักดีต่อสหราชอาณาจักร และเคารพซึ่งสิทธิและเสรีภาพ ข้าพเจ้าจะยึดมั่นในหลักการของประชาธิปไตย ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตนให้เป็นไปตามหน้าที่และข้อบังคับต่างๆ ในฐานะพลเมืองอังกฤษ
นอกจากนี้ เพลงชาติของสหราชอาณาจักร หรือเพลง God Save the Queen ก็มีเนื้อหาสาระไม่ต่างจากเพลงสรรเสริญพระบารมีของประเทศไทยแต่อย่างใด เต็มไปด้วยการกล่าวสรรเสริญสถาบันพระมหากษัตริย์ในทั้งเพลง (จาก https://www.thaimoveinstitute.com/)
ขณะเดียวกัน เว็บไซต์สถาบันทิศทางไทย ยังโพสต์ประเด็น กนก จัดหนัก “กก.จริยธรรมสภา” ตีตก ส.ส.เจี๊ยบ ชวนแบนสุกี้ดังโยงมั่ว TOPNEWS อ้างมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง โดยระบุว่า จากกรณีที่ นายกนก รัตน์วงศ์สกุล พิธีกรรายการข่าวชื่อดัง ช่อง TOPNEWS โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า คณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร บอกว่า ส.ส. เชิญชวนให้แบนร้านสุกี้ และร้านอาหารญี่ปุ่น เหตุเพราะเป็นสปอนเซอร์ TOP NEWS นั้น
“.. เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคล ที่มีความรู้สึกต่อสินค้าเอกชน ซึ่งเป็นเสรีภาพของบุคคล ในการแสดงความเห็นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 34 และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลใด ..” จึงตีตก ปมสอบเรื่องนี้ คือ ส.ส.คนนี้ ไม่มีปัญหาทางจริยธรรม !!
๑. รัฐธรรมนูญ มีเจตนารมย์ที่จะให้การแสดงความเห็นส่วนบุคคลนั้น ส่งผลกระทบไปถึงด้านใดๆ ก็ได้หรือ? ในที่นี้คือ มีผลกระทบไปถึงการทำธุรกิจ ซึ่งในขณะนั้น ผู้ประกอบการทั้งหลาย ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดอยู่แล้ว ยังต้องมาเจอท่าน ส.ส.ชวนให้แบนสินค้าอีก
๒. ทั้งร้านสุกี้ และร้านอาหารญี่ปุ่นนี้ ไม่ได้เป็นสปอนเซอร์ให้ TOP NEWS ตามที่ ส.ส.กล่าวอ้าง และเผยแพร่ข้อความ ทำให้เกิดการเข้าใจผิด
๓. แม้จะมีข้อความในวงเล็บประกอบ “ถ้าเข้าใจผิด ขอให้ทางเอกชนเร่งชี้แจง..” แสดงว่า ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจ แล้วทำไมถึงไม่ตรวจสอบก่อน? ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในวิสัยที่คนเป็น ส.ส.จะหาความจริงได้ไม่ยาก
๔. ความจริง คือ ทั้งสองราย ไม่ได้เป็นสปอนเซอร์ (ไม่เคยเป็นด้วยซ้ำ) เมื่อรู้ความจริงแล้ว ก็ไม่ปรากฏว่า ส.ส.คนนี้ จะมีการแถลงข่าว หรือโพสต์ขอโทษอย่างเป็นทางการ
๕. คณะกรรมการฯระบุมาได้อย่างไรว่า “.. ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลใด..” คนเป็น ส.ส.เชิญชวนให้มาบอยคอตสินค้าเอกชน นี่หรือครับ ไม่เกิดความเสียหาย?
ต่อให้ทั้งสองเจ้า เป็นสปอนเซอร์ของ TOP NEWS จริง ส.ส.ควรแสดงออกเช่นนี้ไหม? นี่คือการแสดงความเห็นตามรัฐธรรมนูญ ?
คราวเดียวกัน คณะกรรมการชุดนี้ ยังพิจารณาจริยธรรม ส.ส.ที่กล่าวหา นายกฯแจกเงิน ส.ส. ๕ ล้าน กลางสภา ขณะอภิปรายไม่ไว้วางใจ คณะกรรมการก็ตีตกไปเช่นกัน เหตุผลคือ ส.ส.มีเอกสิทธิ์คุ้มครองในสภา ใครจะมากล่าวหาไม่ได้ !! ก็แสดงว่า ถ้า ส.ส.จะสำรอกคำพูดใดๆ ในสภาก็ได้ ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ ?
ผมก็สงสัยว่า จะมีการงานใดเล่า ให้คณะกรรมการชุดนี้ ได้ตรวจสอบจริยธรรม ท่าน ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ ? แล้วไม่ต้องเชิญชวนให้คนส่งคำร้องตรวจสอบ “เต้ ฟ้าเปิด” หรอกครับ ขอเสียมารยาท คาดว่า ก็คงจะถูกตีตกเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ทางด้านของ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือ เจี๊ยบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความระบุว่า “เลิกกิน MK และ Yayoi แม้จะเป็นร้านโปรดจนกว่าจะเลิกเป็นสปอนเซอร์ให้ช่อง Top News (หากเป็นการเข้าใจผิดขอให้ทาง MK เร่งชี้แจงข้อเท็จจริง)” ด้วย
(จาก https://www.thaimoveinstitute.com/)
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม โพสต์ข้อความระบุว่า
“#มาตรา๑๑๒
ช่วงนี้ผมอาจจะเดินสายไปพบกับพี่น้องเกษตรกรบ่อย ไปฟังปัญหาราคาข้าว ปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ปัญหาราคาปุ๋ยแพง น้ำมันแพง ตลอดจนพยายามหาแนวทางใหม่ๆ ให้พี่น้องเกษตรกร หลุดจากความยากจน
แต่เมื่อเข้ามาในกรุงเทพฯ กลายเป็นว่า เหมือนอยู่กันคนละโลก พบว่า ยังมีคนกลุ่มเดิมๆ หน้าเดิมๆ ที่วุ่นวายอยู่กับมาตรา ๑๑๒ ทั้งๆ ที่ ชีวิตจริงๆของพี่น้องเกษตรกร เขาต้องการแก้ปัญหาปากท้องของเขา ดังนั้น ใครก็ได้ ช่วยโยงให้เห็นได้ไหมว่า มาตรา ๑๑๒ ที่ นำมาสร้างความวุ่นวาย สร้างความแตกแยก
๑. เกี่ยวข้องกับราคาข้าว ของพี่น้องเกษตรกรอย่างไร
๒. เกี่ยวข้องที่ทำให้เกษตรกร มีน้ำใช้เพื่อการเกษตรได้ทั้งปีไหม
๓. ทำให้ราคาพลังงานถูกลงไหม
๔. ช่วยจัดการการโกงได้ไหม
๕. สุดท้ายจะทำให้ชีวิตคนจนดีขึ้นได้อย่างไร
ผมอยากให้ช่วยโยงให้เห็นได้ไหม ถ้าโยงได้ จะได้นำมาพิจาณา แต่ถ้าโยงไม่ได้ จะได้บอกว่า ประชาชน พี่น้องเกษตรกร เขาเดือดร้อนเรื่องที่ผมบอก เพราะผมไปพบพี่น้องเกษตรกรมา เขาไม่ได้เดือดร้อนเรื่องมาตรา ๑๑๒ ครับ”
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ความเดือดร้อนเกี่ยวกับ ป.อาญา ม.112 ซึ่งเป็นกฎหมายว่าด้วยเรื่อง “หมิ่นสถาบันฯ” การทำผิดเกี่ยวกับ “ละเมิดสถาบันฯ”
ถ้าจะเปรียบก็เหมือนกับ กฎหมายหมิ่นประมาทบุคคลทั่วไปที่มีกฎหมายคุ้มครอง เพียงแต่สถาบันฯ ถือเป็น “ประมุขของรัฐ” อยู่เหนือการเมือง จึงคาบเกี่ยวกับเรื่องของความมั่นคงของชาติด้วย
คำถามคือ ใครเดือดร้อน กับ ป.อาญา ม.112 ความผิดนั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
คำตอบที่เข้าใจง่ายที่สุดคือ คนที่เดือดร้อน ก็คือ คนที่เกลียดชัง ไม่ชอบ ไม่เห็นด้วย และต้องการยกเลิกไปเสีย
การทำผิด ก็คือ การกล่าวหาว่าร้าย การดูถูกดูแคลน หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย เป็นต้น
เพราะฉะนั้น ในขณะที่มีการหมิ่นประมาทบุคคลทั่วไป คนที่ถูกละเมิดสามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้ เมื่อเทียบกับสถาบันฯก็เช่นกัน เพียงแต่สถาบันฯไม่สามารถฟ้องร้องเองได้ ต้องเป็นไปตามกระบวนกฎหมายที่บัญญัติไว้เท่านั้น
นั่นหมายถึงว่า ถ้าไม่ทำผิดก็ไม่มีการร้องเอาผิด การฟ้องคดี หรือสร้างความเดือดร้อนให้ใคร หรือถ้ามีคนร้อง เมื่อมีการฟ้องคดี ก็สามารถต่อสู้คดีได้ เหมือนความผิดทั่วไป และถ้าไม่จริง ไม่มีพยานหลักฐานผูกมัด ศาลก็ยกฟ้องได้
ประเด็นจึงอยู่ที่ว่า มีคนทำผิด ป.อาญา ม.112 จริง ทำตัวเองเดือดร้อน และเมื่อได้ประกันตัวสู้คดี ก็ออกมาทำผิดซ้ำ เมื่อถูกถอนประกัน ก็หาว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และระดมพรรคพวก(ม็อบ)มากดดันศาล ดิสเครดิตขบวนการยุติธรรมไทย ว่า อยุติธรรม?
หรือ พูดได้ว่า มีการเล่นเกมการเมือง!?
อย่างนี้แล้วคนไทยส่วนใหญ่ (นอกจาก 3 นิ้ว) คิดอย่างไร อยากรู้จริงๆ!?