ความรู้สึกช้า? “กนก” ทบ.- ดีอีเอส ไม่นิ่งดูดาย หวด เหล่าทัพอื่น สตช. ไม่รู้สึกรู้สาอะไรหรือ คว่ำบาตร LAZADA “ณวัฒน์” ลั่น! “มิสแกรนด์” ไม่เอานางงามเวทีสลิ่ม “หมอวรงค์” เปิดตัว 6 พยาน ดรีมทีมปกป้องสถาบันฯ
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (9 พ.ค. 65) นายกนก รัตน์วงศ์สกุล พิธีกรรายการข่าวชื่อดัง ช่อง TOPNEWS โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Kanok Ratwongsakul Fan Page ว่า
“ต้องขอบคุณทาง “กองทัพบก” และ “กระทรวงดีอีเอส” ที่ไม่นิ่งดูดายกับความรู้สึกของประชาชนที่ถูกเหยียบย่ำ
โดยเฉพาะ ผบ.ทบ. ที่สั่งให้หน่วยทหารทั่วประเทศงดสั่งสินค้าจาก Lazada, ห้ามรถส่งสินค้าเข้ามาในพื้นที่หน่วยทหาร (แต่ไม่ห้ามกำลังพลที่จะสั่งซื้อ)
เหล่าทัพอื่น และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่เอาบ้างหรือครับ? ไม่รู้สึกอะไรหรือครับ? ถ้ารู้สึกสถาบันฯถูกล้อเลียน จาบจ้วง ควบคู่ไปกับคนพิการ ก็ควรขยับ ช่วยกันกดดันด้วยนะครับ
ส่วนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นับว่าใช้ได้ แม้เป็นการรับลูกต่อจากคุณศรีสุวรรณ ท่านรัฐมนตรีบอกแล้ว จะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดกับผู้ที่มีความผิดทั้งหมด
จริงๆ แล้ว มันควรจะนับหนึ่งจาก ดีอีเอส ด้วยซ้ำ ไม่ใช่รอให้ประชาชนมาฟ้องจึงเริ่มแอ็กชั่น
ถ้าดีอีเอส และหน่วยงานภาครัฐ ทำให้ได้ครึ่งหนึ่งของคุณศรีสุวรรณ คนอย่างนารา หรือเหล่า 3 กีบ จะไม่ผยองพองขน เหมือนทุกวันนี้” (จากไทยโพสต์)
ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวออกมาว่า มีเรื่องราวให้แฟนๆ วงการขาอ่อน ต้องปูเสื่อรออีกแล้ว เมื่อจู่ๆ บอสใหญ่แห่งการประกวด “ณวัฒน์” ออกมาเคลื่อนไหวในไอจีสตอรี่ ประกาศชัดว่า ไม่เอานางงามเวทีสลิ่มตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป หากมาประกวดมิสแกรนด์จะไม่มีสิทธิได้รับตำแหน่งและรางวัลใดๆ
ก่อนหน้านี้ ประเด็นการเมืองเกี่ยวกับวงการขาอ่อน ก็เคยสั่นสะเทือนมาก่อน กรณีที่บอสใหญ่ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” เคยประกาศชัดว่า หากนางงามคนใดใช้ช่างแต่งหน้าที่เป็นสลิ่ม จะให้ตกรอบแรก แฟนๆ นางงามก็จะทราบดีว่า “ณวัฒน์” ชัดเจนในเรื่องแนวคิดการเมือง
ล่าสุด มีประเด็นร้อนอีกแล้ว เมื่อ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ออกมาเคลื่อนไหวในไอจีสตอรี่ nawat.tv ระบุข้อความว่า
“ถ้านางงามท่านใดที่ไปร่วมประกวดเวทีสลิมตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป แล้วมาประกวดมิสแกรนด์ จะไม่มีสิทธิได้รับตำแหน่งและรางวัลใดๆ อย่างเด็ดขาด เพราะถือว่าผิดเจตนารมณ์ของเวทีมิสแกรนด์เรื่อง ประชาธิปไตย จึงแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน 8/5/2022”
งานนี้ก็ทำเอานางงามสะดุ้งไปตามๆ กัน ส่วนแฟนนางงามก็ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นและคาดเดากันว่า เวทีการประกวดสาวงามเวทีไหนที่เป็นเวทีสลิ่ม เอาเป็นว่าก็ต้องติดตามกันต่อไปแต่บอกเลยว่าโพสต์นี้ ค่อนข้างดุเดือดเลยทีเดียว https://www.nationtv.tv/entertainment/378872313
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น หมอวรงค์ เปิดตัว 6 พยานเด็ดคดีล้มการปกครอง? ขณะก้าวไกลดึง ธนาธร-ปิยบุตร ร่วมสู้
โดยระบุว่า วันนี้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์แบนเนอร์ พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ถึงคดีที่ถูกพรรคก้าวไกลฟ้อง โดยมีพยานคนสำคัญถึง 6 คน ว่า
“#คดีที่น่าติดตาม คดีที่พรรคก้าวไกลฟ้องหมิ่นประมาทผม และเรียกค่าเสียหาย 24,062,475 บาท กล่าวหาว่าผมให้ร้าย ว่าการกระทำของพรรคก้าวไกลมีพฤติกรรมให้สงสัย ล้มล้างการปกครอง
ประเด็นที่ผมอยากสื่อสาร คือ จะเป็นคดีที่รวมยอดฝีมือมาสู้กัน โดยฝ่ายเรา ผมขอเสนอพยานคือ 1. นายวรงค์ เดชกิจวิกรม 2. อ.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ 3. อ.ณฐพร โตประยูร 4. คุณหมอเหรียญทอง แน่นหนา 5. อ.อัษฎางค์ ยมนาค 6. นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ถือว่าเป็นการรวมดรีมทีมสายปกป้องสถาบันฯ
ส่วนพรรคก้าวไกล ได้เสนอพยานที่น่าสนใจ 1. นายวาโย อัศวรุ่งเรือง 2. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 3. นายปิยบุตร แสงกนกกุล ท้ายที่สุดศาลจะอนุญาต ให้พยานเบิกความกี่ปาก อยู่ที่ดุลพินิจของศาลท่านครับ ผมคิดว่า การเบิกความของคดีนี้ โดยพยานแต่ละฝ่ายน่าติดตามครับ”
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล, นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก และ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคก้าวไกล เดินทางมาเป็นตัวแทนในนาม “พรรคก้าวไกล” เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีต่อ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้ก่อตั้งพรรคไทยภักดี เป็นจำเลย ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า คดีฟ้อง นพ.วรงค์ ฟ้องการกระทำเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 และเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 คือการแถลงข่าวและการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว มีลักษณะก่อให้เกิดความเสียหายต่อพรรค พรรคจำเป็นต้องปกป้องสิทธิ เกียรติยศชื่อเสียงของพรรค และสมาชิกพรรคที่ได้รับผลกระทบจากการให้ข้อมูลดังกล่าว เราจะฟ้องเป็นคดีอาญา เรียกค่าเสียหายในทางแพ่ง จำนวนเงิน 24,062,475 บาท และเรียกร้องให้ นพ.วรงค์ หยุดพฤติการณ์อันเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายอีก
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ ความขัดแย้ง “ทางความคิด” ของคนในสังคมไทย ที่กำลังขยายผลอย่างกว้างขวาง และนับวันจะมีผลต่อการใช้ชีวิต การประกอบอาชีพ รวมทั้งการแสดงออกทางการเมือง ทัศนคติทางการเมือง การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทางการเมือง ซึ่งนั่นหมายถึงความแตกแยกอย่างไม่ต้องสงสัย
ยิ่งกว่านั้น ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร การเลือกข้าง เพื่อที่จะวิพากษ์วิจารณ์ หรือ สนับสนุน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็มักอยู่บนพื้นฐานของความขัดแย้งแตกแยกที่เป็นอยู่ นั่นเอง
จริงอยู่, ถ้ามองอย่างผิวเผิน มันคือ ความเห็นต่าง ตามระบอบประชาธิปไตย แต่ถ้ามองอย่างลึกซึ้ง วิเคราะห์อย่างรอบด้าน มันคือ เกมต่อสู้ทางการเมือง ระหว่างฝ่ายที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการปกครองทั้งหมด หรือไม่พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ มีอยู่ กับฝ่ายที่ไม่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด หรือเห็นว่า การเปลี่ยนแปลง ไม่ควรที่จะยุ่งเกี่ยวกับสถาบันฯ
ดังนั้น ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดรุกหนัก หรือ สร้างผลกระทบสูง อีกฝ่ายก็ตอบโต้ด้วยความรุนแรงหนักหน่วงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะพักหลัง การแสดงออกของกลุ่มคนที่ต้องการปกป้องสถาบันฯ ถือว่า แสดงออกชัดเจนยิ่งขึ้น ราวกับเป็นการล้นทะลักของความรู้สึก และไม่ทนอีกต่อไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ นับแต่นี้การปะทะกันของเรื่องนี้จะรุนแรงขึ้นอย่างน่ากลัว และสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด ถ้าเกิดอะไรขึ้น จนฉุดเอาบ้านเมืองกลับไปเริ่มบนซากปรักหักพังของการต่อสู้ของคนแต่ละฝ่าย ก็คือ คนไทยทั้งหมดที่จะต้องมารับเคราะห์กรรม และประเทศไทยนั่นเอง หรือไม่จริง
