“อั้ม เนโกะ” ซัด “สมศักดิ์ เจียม” เอา “ทักษิณ” มา “ล้อ” ทั้งที่ช่วยลี้ภัย “วิษณุ” ย้อน “พี่โทนี่” ชอบโยนผิดคนอื่น “บุญทรง-วัฒนา” โดนมาแล้ว “อดีตรองอธิการ มธ.” ชี้บทเรียน กทม. เลือก ส.ส.แลนด์สไลด์ สงครามกลางเมือง?
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (26 พ.ค. 65) “อั้ม เนโกะ” หรือ นายศรันย์ ฉุยฉาย นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่หลบหนีคดีอยู่ที่ฝรั่งเศส โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Aum Neko ระบุว่า
“โทนี่ไม่เคยล้อ หรือแสดงว่า ไม่เชื่อตอนเจียมโดนดักยิงที่บ้าน แถมพอรัฐประหาร เจียมต้องลี้ภัย หนีข้ามไปลาว ไปเขมร มีที่ให้หลบซ่อนลี้ภัยเป็นเรื่องเป็นราวได้ ก็เพราะพี่โทนี่ และพี่โทนี่ไม่เคยแม้กระทั่งจะมาทวงบุญคุณ หรือบอกว่า ควรทำอะไร ไม่ควรพูดอะไร แต่เมื่อเพียงแค่พี่โทนี่จำตึกที่โดนซุ่มยิงผิด เจียมกลับเอามาล้อ ทั้งๆ ที่วินาทีนั้นเขาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายจริง โทนี่ล้อได้ ด่าได้ ไม่ใช่พระเจ้า แต่ชีวิต ความเป็น ความตายของ “เหยื่อเผด็จการ” กลับถูกเอามาล้อแบบนี้ คิดเอาเองกันนะคะว่าคนอย่างเจียมเหมาะกับคำจำกัดความแบบไหน ?
ด้าน นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ลี้ภัยการเมืองในฝรั่งเศส เข้ามาคอมเมนต์ระบุว่า...
“ผมจะละเรื่องอุตส่าห์เอาผมไปเปรียบเทียบกับแม้วไว้นะ
กรณีผม ความจริงใครจะเอาไปล้อก็ได้ (ถ้าไม่อยากถูกโห่) เพราะมันพยานรู้เห็น ว่ามีคนสองคน ยิงกราดเข้าไปเลย
ทีนี้ กรณีแม้วมีใครเห็น ที่แน่ๆ แม้วก็ไม่เห็น ฟังเขาเล่ามา
และตรงนี้แหละที่มันไม่น่าเชื่อถือ
คราวหน้าคราวหลัง ถ้าจะออกมาดีเฟนด์แม้วขนาดนี้ ทำการบ้านเยอะๆ” (จากสยามรัฐออนไลน์)
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม เวลา 19:55 น. เพจเฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul ของนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล โพสต์ว่า
“แผนยิงทักษิณจากคณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ 🙂 พร้อมนำภาพและคำพูด “ทักษิณ” มาลงประกอบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม เวลา 22:10 น. เพจเฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul เคยโพสต์เอาไว้ว่า
“ผมกำลังคิดว่า บรรดา LGBTQ (คือพวกที่เป็น "ผู้ชาย" แต่ชอบเป็น "ผู้หญิง") เช่น อั้ม และบรรดาพวกล้มเจ้าทั้งหลายที่เชียร์เพื่อไทย ที่ไม่ใช่ LGBTQ จริงๆ แล้วต้องไม่นับว่าล้มเจ้าจริงๆ พวกนี้เชียร์เพื่อไทย การล้มเจ้าเป็นอะไรที่เป็น "รสนิยมส่วนตัว" ไม่เกี่ยวกับชีวิตทางการเมืองของพวกเขา“”
.........................
ข้างบนนี้เขียนใหม่โดยใช้คำที่คนส่วนหนึ่ง “รบได้” เพื่อให้เห็นว่า ไม่ได้เกี่ยวกับการใช้คำเลย เพราะผม neutral (เป็นกลาง) ต่อคำพวกนี้ ที่เขียน “ขอโทษ” ไว้นั้น ก็เพื่อให้ผู้ที่ไม่ neutral จะไม่ว่าอะไร (อันที่จริงผมไม่มีเวลาหา แต่ที่ผมจำได้ แม้แต่พวกที่แสดงความไม่พอใจนั้นก็ใช้คำเหล่านั้นเอง แต่นี่เขียนจากความจำ ไม่มีเวลาหา) และข้อความนี้กินความถึงผู้ที่ไม่ใช่ด้วย” ซึ่งเป็นการแก้ไขโพสต์เดิม ที่เจ้าตัวก็แชร์มาไว้ด้วย
นอกจากนี้ สำหรับกรณี “ทักษิณ” วันนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ก็ได้ให้สัมภาษณ์ หลังจากถูกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาพาดพิง เป็นผู้ดำเนินการเรื่องการทำบุญที่วัดพระแก้ว และแต่งตั้งรักษาการสมเด็จพระสังฆราช ในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ว่า
ตนทราบจากการที่มีคนมาเล่าให้ฟัง ซึ่งก็ไม่มีอะไรจะพูด ลืมไปเยอะแล้วจำไม่ค่อยได้ เพราะเรื่องนี้ผ่านมา 17-18 ปีมาแล้ว ทั้งตนและนายทักษิณก็จำกันแทบไม่ได้แล้ว และตนก็นึกถึงอยู่เหมือนกันว่า วันหนึ่งเดี๋ยวเรื่องดีๆเหล่านี้คนจะลืม เลยเขียนเล่าเอาไว้ในหนังสือ “โลกนี้คือละคร” ขอให้ลองไปดูในนั้นมีหมดทุกเรื่อง
นายวิษณุ กล่าวว่า ตอนที่เขียนเราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กลัวว่าต่อไปคนรุ่นหลังจะจำไม่ได้เลยไปเขียนเอาไว้
“ไม่เป็นไร ก็โยนมาเถอะ ผมเป็นรองนายกฯ ท่านเป็นนายกฯ ไม่เป็นไร เรื่องข้าวก็เห็นโยนให้คุณบุญทรง (นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์) เรื่องบ้านเอื้ออาทร ก็โยนให้คุณวัฒนา (นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์)”
เมื่อถามว่า ไม่ได้ติดใจสิ่งที่นายทักษิณพูดใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว ท่านเป็นหัวหน้ารัฐบาล ตนเป็นรองนายกฯก็คิดกันเอง
“ไม่มีรัฐบาลไหนหรอก ที่ให้รองนายกฯ ลุกขึ้นมาทำโน่นทำนี่ โดยที่หัวหน้ารัฐบาลไม่รู้เรื่อง แต่หลายเรื่องผมจำไม่ได้แล้ว และยังไม่มีโอกาสไปเปิดหนังสือโลกนี้คือละคร แต่บังเอิญผมเก็บเอกสารไว้หมด”
เมื่อถามว่า ถ้าเก็บเอกสารไว้ ทำไมไม่นำออกมาเปิดเผย นายวิษณุ กล่าวว่า มันจะมีประโยชน์อะไร มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย
เมื่อถามว่า ถ้าไม่ออกมาเปิดเผยคนอาจเข้าใจตัวท่านผิดได้ นายวิษณุ กล่าวว่า คิดว่าไม่นะ ตนเชื่อมั่นอย่างนั้น เมื่อถามว่า เสียความรู้สึกกับเรื่องนี้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เสียความรู้สึก
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ระบุว่า หลังจากผลการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพฯ ทำให้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มีชัยชนะคะแนนนำลิ่ว จนหลายฝ่ายมองเรื่องนี้ว่า เป็นผลคะแนนสะท้อนภาพคนที่เบื่อหน่ายความขัดแย้งทางการเมือง และกลุ่มไม่ได้ติดยึดกับอุดมการณ์ขั้วสีใด ทำให้มีการมองการเมืองที่ลึกลงไปถึงอนาคตว่า อาจจะมีการเปลี่ยนขั้ว หากฝ่ายที่กลุ่มม็อบเชียร์ ได้แลนด์สไลด์ครั้งใหญ่ระดับประเทศ
ล่าสุด รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า
“บังเอิญไปเปิดดูรายการย้อนหลังรายการหนึ่ง มีนักวิชาการชื่อดังท่านหนึ่งแสดงความเห็นอย่างมั่นใจกรณีที่ รศ.ดร.ชัชชาติ ได้คะแนนเสียงอย่างถล่มทลายว่า คะแนนเสียงส่วนหนึ่งได้มาจากกลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐประหารแต่เมื่อภายหลังจึงได้เห็นว่า การรัฐประหารทำให้ได้รัฐบาลแบบนี้ จึงเปลี่ยนใจมาลงคะแนนให้คุณชัชชาติ
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ออกไปร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ภายใต้การกำกับดูแลและสั่งการของคุณทักษิณ ตั้งแต่ที่สามเสน มาที่ราชดำเนิน ศูนย์ราชการ ปทุมวัน และสวนลุมพินี พวกเราส่วนใหญ่ที่ไปร่วมชุมนุม ไม่มีใครสนับสนุนการทำรัฐประหาร แต่ที่ไม่มีใครเคลื่อนไหวคัดค้านเมื่อเกิดรัฐประหาร ก็เนื่องจากเรามองไม่เห็นทางออกทางอื่น เพราะรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์พยายามทำทุกวิถีทางที่จะอยู่เป็นรัฐบาลต่อไป ซึ่งก็เชื่อได้ว่า นั่นไม่ใช่การตัดสินใจของคุณยิ่งลักษณ์เอง
ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 หากตัวแทนรัฐบาลรักษาการตอบคำถามของพลเอก ประยุทธ์ว่า “รัฐบาลพร้อมลาออก” แทนที่จะตอบว่า “นาทีนี้ รัฐบาลไม่ลาออก” ก็ไม่มีการทำรัฐประหารแน่นอน เพราะไม่มีเหตุที่จะต้องทำ
ที่ว่าการทำรัฐประหารทำให้ได้รัฐบาลแบบนี้ หากหมายถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน คงมีการเข้าใจผิดอะไรสักอย่าง เพราะรัฐบาลชุดนี้มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติของประชาชน ไม่ได้มาจากการทำรัฐประหาร แต่ให้ตายเถอะ หากเราดูรายชื่อคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง รวมทั้งรัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นคนนอก ไล่มาตั้งแต่รัฐบาลอาจารย์ สัญญา ธรรมศักดิ์ รัฐบาลคุณ ธานินทร์ กรัยวิเชียร รัฐบาลพลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ รัฐบาลพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ รัฐบาลคุณอานันท์ ปันยารชุน รัฐบาลพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ จนถึงรัฐบาล คสช. แล้วนำมาเปรียบเทียบรายชื่อคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทุกชุด รวมทั้งรัฐบาลชุดปัจจุบัน ถามว่าโดยรวม คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลแบบไหนมีคุณภาพมากกว่ากัน
เปล่าครับ ผมยังไม่ได้เปลี่ยนใจหันไปสนับสนุนการทำรัฐประหารแต่อย่างใด แต่อยากให้ยอมรับกันเสียทีว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแบบเดิม ที่เรียกว่า เป็นประชาธิปไตย น่าจะไม่ใช่วิธีที่จะได้รัฐบาลที่มีคุณภาพสูง เพราะเราพยายามกันมากว่า 80 ปีแล้ว เปลี่ยนรัฐธรรมนูญกันมาแล้วไม่รู้ว่ากี่ฉบับ ยังไม่เคยได้รัฐบาลที่ดีเลยสักชุด และอย่าได้โทษว่าเป็นเพราะมีการทำรัฐประหาร เพราะเวลา 80 ปีมากพอที่จะให้ประชาชานเรียนรู้ได้ ไม่ว่าจะมีการทำรัฐประหารหรือไม่
พนันได้เลยว่า หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า หากมี landslide เกิดขึ้นจริง รัฐบาลใหม่ที่จะขึ้นมา ก็ไม่มีทางมีคณะรัฐมนตรีที่มีคุณภาพดีกว่าชุดปัจจุบัน ทั้งยังเป็นไปได้ด้วยว่า จะเกิดความวุ่นวายขึ้นมาในบ้านเมืองอีกครั้ง และครั้งนี้อาจจะถึงระดับ สงครามกลางเมืองเลยทีเดียว”
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ หลังจาก “ชัชชาติ” ชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.อย่างถล่มทลาย หรือ “แลนด์สไลด์”
ดูเหมือนคนอย่าง “ทักษิณ” ก็ปรากฏกายให้เห็นทันที!
“ทักษิณ” ค่อนข้างมั่นใจว่า ชัยชนะครั้งนี้สะท้อนความเบื่อหน่ายรัฐบาลที่มาจากการ “รัฐประหาร” และอาจสะท้อนการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ด้วย นั่นหมายถึงโอกาสแลนด์สไลด์ที่ตัวเองวาดหวังอาจเป็นจริง?
จึงเร่งออกมาเคลียร์ตัวเองจากประเด็นปัญหาที่ประชาชนส่วนใหญ่เคลือบแคลงใจ และหวังผลทางการเมือง
โดยเฉพาะที่พาดพิง “วิษณุ” ดำเนินการเรื่องการทำบุญที่วัดพระแก้ว และแต่งตั้งรักษาการสมเด็จพระสังฆราช ในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก หมิ่นเหม่ต่อเบื้องสูง
และถูกสวนกลับอย่างเจ็บแสบ และเชือดนิ่มๆตามสไตล์ของ “วิษณุ”
อย่างไรก็ตาม ที่ต้องยอมรับอีกอย่าง ก็คือ ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร เมื่อใดก็ตามที่พูดถึง “ทักษิณ” มักจะมี “ขั้วขัดแย้ง” เกิดขึ้นเสมอ เพราะมีทั้งคนเกลียดมาก และรักมากในขณะเดียวกัน
และไม่ยกเว้นแม้แต่พวกเดียวกัน อย่างสาย “ล้มเจ้า” ก็มีทั้งรักทักษิณปานจะกลืน และเกลียดทักษิณจนไม่ให้อภัย “ไผเป็นไผ” ก็คงไม่ต้องพูดถึงอีกแล้ว