xs
xsm
sm
md
lg

“สุริยะใส” ถอดรหัส 1.3 ล.“ชัชชาติ” คะแนนนิยม ไม่เกี่ยว “ไม่เอา รบ.- เผด็จการ” “อุ๊งอิ๊ง-ทักษิณ” ดี๊ด๊าฝ่าย ปชต.ชนะ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก สุริยะใส กตะศิลา
น่าคิด! “สุริยะใส” ถอดรหัส 1.3 ล.เสียง ทะลุกรอบ ปชต. เผด็จการ ก้าวหน้า อนุรักษ์ หรือเอาไม่เอารัฐบาล นี่คือ ปรากฏการณ์ “ชัชชาติ” “อุ๊งอิ๊ง” ดี๊ด๊า เปลี่ยนแคมเปญรับ “วันนี้เพื่อไทย” “ทักษิณ” โวสนั่น ชัยชนะ “ฝ่าย ปชต.”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (23 พ.ค. 65) นายสุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร หัวข้อ “ผลเลือกตั้ง กทม….การเมืองว่าด้วยความเป็นอิสระของผู้ว่าฯ ชัชชาติ”

เนื้อหาระบุวา “ก่อนอื่นใดผมต้องขอแสดงความยินดีกับ คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าฯ  กทม.คนใหม่คนที่ 17

ท่ามกลางความคาดหวังของคนกรุงเทพฯ ที่มาพร้อมกับคะแนนเสียงมากมายเป็นประวัติศาสตร์ของ กทม.

การประเมินผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ว่าจะมาจากสำนักคิดหรือขั้วการเมืองใดก็ตาม ยังอยู่ในกรอบเดิม คือ การใช้กรอบประชาธิปไตย เผด็จการ ก้าวหน้า อนุรักษนิยม หรือเอาไม่เอารัฐบาล

ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ อาจต้องทำความเข้าใจกันใหม่ ผมคิดว่าง่ายไป ถ้าจะใช้กรอบเดิมมาวิเคราะห์จนมองข้าม หรือมองไม่เห็นปรากฏการณ์ที่ซ่อนตัวและก่อรูปก่อร่างจนอาจกลายเป็นปรากฏการณ์ หรือพลังทางการเมืองในอนาคต โดยเฉพาะการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมาถึง

เพราะถ้าใช้กรอบเก่าประเมินคุณชัชชาติ ไม่น่าจะชนะเกิน 8 แสนคะแนน เพราะฐานคะแนนของพรรคเพื่อไทยจริงๆ จากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2562 อยู่ที่ประมาณ 6 แสน ซึ่งแน่นอนถ้าพรรคเพื่อไทยส่งคนลงแข่งกับคุณชัชชาติ หรือคุณชัชชาติลงสังกัดพรรคเพื่อไทย คะแนนก็จะออกมาอีกแบบ

ดังนั้น คะแนนที่เพิ่มมาเป็น 1.3 ล้าน ของคุณชัชชาติครั้งนี้ จึงน่าคิดว่าเป็นคะแนนภายใต้ยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์ที่พรรคเพื่อไทย กำลังแคมเปญอยู่ หรือเป็นคะแนนที่มากับตัวตนของคุณชัชชาติ นี่ต่างหากที่ต้องถอดรหัสให้เห็น

ความจริงก่อนตีความเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างน้อยๆ คะแนนกว่า 800,000 คะแนน ของพรรคก้าวไกล (พรรคอนาคตใหม่เดิม) จากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2562 วันนี้โหวตให้คุณวิโรจน์แค่ 2.5 แสนคะแนน กว่า 5 แสนคะแนนที่หายไป แน่นอนส่วนหนึ่งย้ายไปโหวตให้คุณชัชชาติ แต่คนกลุ่มนี้ยังยินดีเทคะแนนให้ ส.ก.พรรคก้าวไกล เข้าป้าย 15 คน ไม่ได้ย้ายไปโหวต ผู้สมัคร ส.ก.ของพรรคเพื่อไทย แต่อย่างใด

เช่นเดียวกันคะแนนนิยมของอีกปีก หรือฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล ก็ย้ายฐานไปที่คุณชัชชาติไม่น้อยเหมือนกัน อิงจากคะแนนเลือกตั้งปี 2562 พปชร. รวมกับ ปชป.มีกว่า 1.25 ล้านคะแนน แต่เมื่อรวมคะแนนคุณสุชัชวีร์ คุณสกลธี และ คุณอัศวิน รวมประมาณ 7 แสนคะแนน หายไป 5 แสนคะแนน แน่นอนว่า บางส่วนย้ายไปโหวตคุณชัชชาติ

นั่นชัดเจนว่า ตัวคุณชัชชาติ และความเป็นชัชชาติ มีคะแนนอาจจะมากพอๆ กับคะแนนของพรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำ

ผมคิดว่า ตัวตนของคุณชัชชาติ ที่พยามขายความเป็นอิสระ ท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยของสังคม ว่า ไม่ใช่อิสระจริง แต่ก็ต้องยอมรับว่า คุณชัชชาติ สงวนท่าทีและวางท่วงทำนองได้อย่างมีระยะห่างพอสมควร จากการกอดรัดฟัดเหวี่ยงของพรรคเพื่อไทย เรียกได้ว่า สามารถรักษาความเป็นอิสระบางระดับได้จนนาทีสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย

อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปเรื่องของ “การบ้าน” ผมมีความเชื่ออยู่ลึกๆ ว่า คุณชัชชาติจะทำหลายๆ อย่างได้ตามนโยบายไม่ช้าก็เร็ว เพราะประสบการณ์ความรู้ความสามารถสูงและเตรียมตัวมาพร้อม ที่สำคัญ คะแนนเสียงท่วมท้นแบบนี้ มันบีบให้ข้าราชการประจำและทุกองคาพยพของ กทม.ต้องปรับตัวตามนโยบายของผู้นำคนใหม่

แต่ส่วนที่เป็น “การเมือง” ต่างหาก อาจจะทำให้คุณชัชชาติปวดเศียรเวียนเกล้า ด้วยเหตุที่ด้านหนึ่งยังพยายามจะรักษาความเป็นอิสระ หรือเป็นผู้ว่าฯของทุกคนไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกันนั้น ด้านหนึ่งคุณชัชชาติก็ถูกแขวนป้ายใส่หมวกตลอดเวลา ว่า เป็นคนของเพื่อไทยและฝ่ายโน่นฝ่ายนี่ตลอดเวลา

มันก็น่าคิดไม่น้อย เพื่อไทยชูยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์ แต่คุณชัชชาติกลับชูความเป็นอิสระ ช่างย้อนแย้งกันเองในตัว ดังนั้น จึงยากเหมือนกันที่จะประกาศว่า 1.3 ล้านคะแนน เป็นบันไดขั้นที่หนึ่งของยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์เลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศ

ภาพ นายสุริยะใส กตะศิลา จากแฟ้ม
จากนี้ไปความคิดทางการเมืองของคุณชัชชาติ จะกำหนดบทบาทและพฤติกรรมคุณชัชชาติ จะต่อยอดก่อรูปก่อร่างเป็นกลุ่มก้อนการเมืองสายที่สาม ข้ามสีหนีความขัดแย้ง และฝ่าข้ามการเมืองที่จองจำด้วย 2 ขั้วเดิมหรือไม่ หรือแค่ลับลวงพรางกลยุทธ์รุกรบใหม่ในสมรภูมิเดิม ไม่นานคำตอบจะปรากฏ

ดังนั้น บนบัลลังก์ผู้ว่าฯ กทม.คุณชัชชาติ ต้องออกแรงหนักพอสมควรในการบริหารทั้งการบ้านและการเมือง จะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม แต่นี่เป็นวิถีแห่งการเมืองที่เต็มไปด้วยอำนาจและผลประโยชน์…”

ขณะเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า

“ขอแสดงความยินดีกับ คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1.3 ล้านเสียง ให้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนแรกจากเสียงของประชาชนในรอบ 8 ปี ซึ่งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครจากพรรคเพื่อไทย ทั้ง 20 ท่าน พร้อมที่จะทำงานร่วมกับผู้ว่าฯ เพื่อทำให้กรุงเทพมหานครกลับมาเป็นเมืองที่สร้างโอกาสให้กับทุกคนอีกครั้ง

และแน่นอน ดิฉันขอแสดงความยินดีอีกครั้งกับสมาชิกสภากรุงเทพมหานครในนามของพรรคเพื่อไทยที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน เป็นครั้งแรกที่เพื่อไทยได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนคนกรุงเทพฯ อย่างมากมายขนาดนี้

การเลือกตั้งผู้ว่าราชการและสมาชิกสภากรุงเทพฯ ในครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ชัดเจนว่า ประชาชนมีความหวังและกำลังต้องการความเปลี่ยนแปลง ปริมาณที่ท่วมท้นนี้คือเสียงดังอันทรงพลังที่เราต้องฟังและปฏิบัติตาม

ประชาชนได้พูดออกมาแล้ว

ภาพ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากแฟ้ม
วันนี้พรรคเพื่อไทยจะขอเปลี่ยนแคมเปญใหญ่ของเรา

จาก “พรุ่งนี้เพื่อไทย” เป็น “วันนี้เพื่อไทย” เพื่อเป็นสัญญาณในการเริ่มเดินหน้าต่อไปสร้างความหวังของประชาชนให้เกิดขึ้นจริง

เราจะผลักดันนโยบายที่ได้ให้สัญญาเอาไว้กับพี่น้องประชาชนอย่างสุดความสามารถ โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งเช่นเดิม”

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เมื่อค่ำวันที่ 22 พ.ค. 65 ที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังรู้ผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก. กับเพจ The Room 44 ว่า

ผลเลือกตั้งที่ออกมาสะท้อนว่า ประชาชนจะสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยอย่างเต็มที่ และเบื่อความไม่มีความสามารถในการบริหารของรัฐบาลปัจจุบัน และ กทม. จึงเกิดการโหวตเชิงยุทธศาสตร์ บางคนอาจอยากลงคะแนนให้ก้าวไกล แต่กลัวไม่ชนะจึงเทคะแนนให้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. โดยไม่มีใครไปชี้นำ อีกทั้งการโหมโรงของฝ่ายตรงข้ามยิ่งกระตุ้นให้เกิดการโหวตเชิงยุทธศาสตร์

เมื่อถามว่า จะส่งผลต่อการเมืองระดับชาติอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า การเมืองระดับชาติจะคล้ายกัน ยิ่งรัฐบาลอยู่นานเท่าไรประชาชนแย่ โอกาสที่ฝ่ายประชาธิปไตยจะชนะอย่างท่วมท้นจะยิ่งสูงขึ้น เพราะคนทนไม่ไหว และประเทศไทยมีปัญหาหลายอย่าง คิดว่าจะไม่สามารถแก้ได้จนถึงวันเลือกตั้ง และโอกาสที่ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลปัจจุบันจะแพ้ราบคาบสูง ถึงแม้ว่าจะตุนกระสุนไปซื้ออย่างไรก็เอาไม่อยู่

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคเพื่อไทยจะเกิดแลนด์สไลด์หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนเชื่อว่า ประชาชนจะให้โอกาสถ้าให้โอกาสเหมือนที่ กทม.ก็แลนด์สไลด์แน่นอน และแนวโน้มที่ประชาชนจะให้โอกาสมีสูง เนื่องจากปัญหาต่างๆ

เมื่อถามว่า เห็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในการเลือกตั้ง ส.ก. เป็นอย่างไรบ้าง นายทักษิณ กล่าวว่า ในฐานะเป็นพ่อก็ภูมิใจไม่คิดว่า จะปรับตัวได้เร็วขนาดนี้ ตนรู้ว่าน.ส.แพทองธาร เข้าใจการเมืองตั้งแต่อายุ 12 แต่ไม่นึกว่า จะปรับตัวได้เร็วขนาดนี้

เมื่อถามย้ำว่า แบบนี้ถือว่าเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ได้หรือยัง นายทักษิณ กล่าวว่า ต้องแล้วแต่ตัวเขา และแล้วแต่พรรคเพื่อไทย ตนคงไม่ไปชี้นำว่า ลูกต้องไปเป็นแคนดิเดตนายกฯ เมื่อถามย้ำว่า ในฐานะผู้เป็นพ่อมองว่า เป็นได้หรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า หากถามว่าน.ส.แพทองธาร อยากเป็นนายกฯ หรือไม่ คือ ไม่เลย แต่อยากช่วยให้พรรคแข็งแรง ให้ ส.ส.ยึดโยงอยู่กับพรรค เพราะต้องยอมรับว่า มีการซื้อ ส.ส. เขตหนึ่งตอนนี้ขึ้นไปถึง 60 ล้านแล้ว แต่รับรองเลือกตั้งครั้งหน้าถ้าสถานการณ์ประเทศยังเป็นแบบนี้ 80 ล้านก็เอาไม่อยู่ เป็นการเอาเงินที่โกงไปมาคืนประชาชน แล้วประชาชนก็ไม่เลือกคอยดู

เมื่อถามว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถูกพรรคภูมิใจไทย ดูดไปเยอะหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่ห่วงเรียกว่า เป็นการถ่ายเลือด ตนเจอผู้บริการพรรคบอกว่า ถือว่า ถ่ายเลือด เชื่อว่า ประชาชนไปกับพรรค บางคนหลงตัวเองคิดว่า ตัวเองคะแนนดีมากโดยไม่สนใจพรรค บางคนออกไปตั้งพรรคผลออกมาก็เห็นชัด บอกว่า จะเป็นแม่เหล็กสุดท้ายไม่ใช่แม่เหล็ก

เมื่อถามว่า การส่งสัญญาณของประชาชนเช่นนี้ ฝ่ายอนุรักษ์ก็ต้องปรับตัวกองทัพก็ต้องปรับตัวห่วงจะเกิดอะไรนอกกติกาหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้ทุกฝ่ายต้องทำเหมือนที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม พูด ติดกระดุมผิดเม็ดแกะแล้วติดใหม่ดีกว่า โลกเปลี่ยนไปต้องรับฟังเพื่อนร่วมชาติ วันนี้ไม่ต้องมานั่งคิดย้อนหลังบางคนก้าวข้ามตนไม่พ้นเสียที น่าจะเอารูปตนไปบูชาที่บ้านพวกก้าวไม่พ้น

เมื่อถามว่า บรรดาลุงๆ ควรบริหารอย่างไรถ้าใจยังสู้ นายทักษิณ กล่าวว่า ทั้ง 3 ลุงหมดสภาพ ทั้งอายุ บางคนสังขาร และการไม่เปิดรับโลกภายนอก ยิ่งอยู่ยิ่งพัง ถ้าเป็นตนเจอเช่นนี้มาตกลงกันดีกว่า เลือกตั้งเมื่อไหร่ดี ไม่ต้องรอเอเปกไปไม่ถึงเอเปกหรอก ส่วนจะล้มด้วยวิธีไหน ต้องถามว่า รักกันจริงหรือไม่ แต่ตนอยากให้รักประชาชน เพราะเขาลำบากมาก

เมื่อถามว่า อะไรทำให้ไปไม่ถึงเอเปก เป็นเพราะการเลือกผู้ว่าฯ หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เลือกตั้งครั้งต่อไปพวกสนับสนุนรัฐบาลหาเงินไปเยอะแล้ว ตัวใครตัวมันได้แล้ว ไม่เช่นนั้นพัง

เมื่อถามย้ำว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคร่วมจะถอนตัวหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่จำเป็นให้เขาถอนตัว เพียงแต่อยากบอกว่า ถ้าคิดการเมืองเป็นคิดถึงประชาชนบ้างก็ไม่น่าอยู่

เมื่อถามอีกว่า มีอะไรฝากไปถึง 3 ลุงหรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า ถึงเวลาถอยให้บ้านเมืองเดินหน้าแล้วอย่าไปเห็นแก่ตัวคิดว่า ตัวเองสามารถแก้ปัญหาบ้านเมืองได้

เมื่อถามว่า ยังยืนยันจะกลับบ้านเหมือนเดิมหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนยืนยันแต่ไม่บอกว่า เมื่อไหร่ขอเวลาที่เหมาะสม

ภาพ นายทักษิณ ชินวัตร จากแฟ้ม
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นายทักษิณ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร รู้จักตนตอนจะเป็น ผบ.ทบ. แต่เมื่อพ้นแล้วไม่เคยคุยกันเลย และข่าวที่ว่า เจอกันที่ลอนดอนนั้น ตนอยู่ดูไบ ถ้าจะคุยกันคุยออนไลน์ได้ไปเจอให้เป็นข่าวทำไม ถ้าจะคิดเช่นนั้น แต่ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร

เมื่อถามย้ำว่า มีกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร จะไปต่อ แล้วจะจับมือกับพรรคเพื่อไทย นายทักษิณ กล่าวว่า คงยาก ตนไม่ได้คุยกับพรรคเพื่อไทย แต่ฟังอุดมการณ์แต่ละคนคงยาก แต่ตนไม่รู้ต้องไปถามกรรมการบริหารพรรค แต่ตนไม่คิดว่า จะเป็นไปได้ เพราะแต่ละคนโดนผ้าคลุมหัวผูกตากันทั้งนั้น

เมื่อถามอีกว่า ถ้าการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงจะสลับขั้วการเมืองได้หรือไม่แล้วขั้วฝ่ายค้านสามารถไปร่วมรัฐบาลที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ได้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนเดาว่า ลำบาก โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่สุดแล้วโดน พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจมา หากไปสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ คงลำบากมันตอบใครไม่ถูก

เมื่อถามย้ำว่า แล้วจะมีการยึดอำนาจอีกหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า โห วันนี้คนยึดอำนาจตายคาที่เพราะเหตุการณ์บ้านเมืองเป็นเช่นนี้มันหนักเกินคนจะคุยได้ และการยึดอำนาจที่ผ่านมาโดยอ้างความไม่สงบ ความไม่สงบเกิดจากทหารสร้าง กับพวกไร้อาชีพทั้งหลายสร้าง แล้วแบ่งผลประโยชน์กัน ผลสุดท้ายความหายนะ อยู่กับประชาชน

เมื่อถามว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะใช้เวลากู้ปัญหาประเทศนานหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นงานหนัก แต่น่าจะเป็นไปได้

เมื่อถามว่า ขณะนี้ควรมีกฎหมายนิรโทษกรรมหรือไม่ เพราะการเมืองเหมือนมีการปลุกความขัดแย้งขึ้นอีก นายทักษิณ ตอบว่า ให้รัฐบาลกับทหารคุยกันจะเอาอย่างไรก็ได้ ตนไม่แนะนำ เพราะจะกลายเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ตนอย่างไรก็ได้สบายมาก อายุ 73 แล้วไม่กลัวอะไรแล้ว (สยามรัฐออนไลน์)

แน่นอน, ประเด็นที่น่าคิดอย่างยิ่ง ก็คือ ผลคะแนนที่เรียกได้ว่า “แลนด์สไลด์” ถล่มทลาย ของ “ชัชชาติ” ซึ่งแม้ว่า โพลทุกสำนักจะนำโด่งทิ้งห่างผู้สมัครคนอื่นตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่า จะได้คะแนนชนะขาดอย่างท่วมท้นถึงเพียงนี้

ทำเอาพรรคฝ่ายค้านใหญ่น้อย ถือโอกาสตีกิน “เคลม” เอาว่า เป็นชัยชนะของ “ฝ่ายประชาธิปไตย” เป็นผลมาจากการบริหารงานที่ล้มเหลวของรัฐบาล เป็น 8 ปีของการอยู่ใต้อำนาจเผด็จการทหาร ที่คนเบื่อหน่าย และสะท้อนว่า มีคนไม่เอารัฐบาลจำนวนมาก

แต่พอมาดูแง่มุมวิเคราะห์ของ “สุริยะใส” ก็นับว่าน่าคิดไม่น้อย เพราะถ้าสังเกตให้ดี ผลโพลที่เลือก “ชัชชาติ” และนำโด่งมาตลอดม้วนเดียวจบนั้น สะท้อนอย่างที่ “สุริยะใส” วิเคราะห์เหมือนกัน คือ ตัวตนของ “ชัชชาติ” มีส่วนอย่างมากให้คะแนนออกมาเช่นนี้ หรือ ถ้าจะบอกว่า เป็น “ปรากฏการณ์ชัชชาติ” ก็คงไม่ผิด

ที่จริง ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านผลสำรวจความคิดเห็นเคยออกมากล่าวเอาไว้ทำนองเดียวกันว่า คนที่เลือก “ชัชชาติ” ไม่เกี่ยวกับ เอาเผด็จการ ไม่เอาเผด็จการ หรือ เอารัฐบาลหรือไม่ เป็นฝ่ายประชาธิปไตยหรือเปล่า แต่คนที่เลือก “ชัชชาติ” เพราะเห็นว่าเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นผู้ว่าฯ กทม. และนิยมในตัว “ชัชชาติ” เมื่อเทียบกับผู้สมัครคนอื่น นั่นแสดงว่า คนกรุงเทพฯ เทใจให้ “ชัชชาติ” ตั้งแต่แรกแล้ว และก็ไม่เปลี่ยนใจจนวินาทีสุดท้าย

แต่ถ้าใครยังคิดอยู่ในกรอบการต่อสู้ทางการเมือง ถ้าฝ่ายหนึ่งแพ้ แสดงว่า ประชาชนเลือกข้างฝ่ายตัวเองแล้ว ก็ไม่แน่ว่า คิดถูกหรือผิด วิเคราะห์ตื้นเขินไปหรือไม่ โดยเฉพาะที่หวัง “แลนด์สไลด์” ในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งหน้า อาจได้แค่ฝันก็เป็นได้ เพราะคะแนน “ชัชชาติ” ไม่ใช่คำตอบของการเลือกข้างนั่นเอง!?


กำลังโหลดความคิดเห็น