เมืองไทย 360 องศา
น่าจับตาทีเดียวสำหรับ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้ “เดินตลาด” หรือร่วมเดินหาเสียงให้กับผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ในย่านฝั่งธนบุรี เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ถือว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอเดินถนนพบปะกับชาวบ้าน ซึ่งในทางการเมืองถือว่าเป็นการ “หาเสียง” เต็มรูปแบบ ในฐานะนักการเมือง
ขณะเดียวกัน อีกมุมหนึ่งยังเป็นการ “เช็กเรตติ้ง” เพื่อประเมินความเป็นไปได้สำหรับ “นายกฯแลนด์สไลด์” ในการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอีกด้วย อีกทั้งลักษณะเดินหาเสียงครั้งนี้ของ น.ส.แพทองธาร ยังชู “สัญลักษณ์พ่อโทนี่” เอาไว้แบบเต็มเหนี่ยว ดังนั้น มันจึงไม่ต่างจากการเดิมพัน หรือวัดดวงกันตั้งแต่การเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปลายเดือนนี้อีกด้วย
แน่นอนว่า สังคมรับรู้อยู่ว่า พรรคเพื่อไทยสนับสนุนผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครบางคน ซึ่งไม่ต่างจาก “นอมินี” โดยส่งแต่ผู้สมัคร ส.ก.ทั่วกรุงเทพฯ เป้าหมายก็ไปบรรจบกันหลังเลือกตั้ง นั่นคือ ผู้สมัครผู้ว่าฯคนดังกล่าว ก็ต้องทำงานร่วมกันในปลายทางนั่นแหละ แต่ถึงอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความเห็นชองชาวกรุงเทพมหานคร ว่า ชมชอบวิธีการแบบนี้หรือไม่ เท่านั้นเอง
อย่างไรก็ดี เมื่อต้องการโฟกัสเฉพาะ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร และถือว่าถูกส่งมาเป็น “ตัวแทน” การเมืองของเขา และครอบครัวชินวัตร เพื่อชูธงนำและมีเป้าหมายเพื่อ “ยึดอำนาจรัฐ” กลับมาอยู่ในมือของพวกเขาอีกครั้งผ่านการเลือกตั้ง และผ่านทางพรรคเพื่อไทย ของพวกเขา
ดังที่รับรู้กันไปแล้วว่า ที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย เคยประกาศอย่างมั่นใจว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคการเมืองของเขาจะต้องชนะแบบ “แลนด์สไลด์” จากนั้นก็มีการขยายความว่า ต้องกวาด ส.ส.ได้มากกว่า 253 ขึ้นไป เพื่อการันตีการตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากเพียงพรรคเดียว ซึ่งในความเป็นจริงจะเป็นได้แค่ไหนนั้นอีกเรื่องหนึ่ง แต่สำหรับเขาแล้วก็น่าจะมีเหตุผล และต้องมีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้เขามั่นใจแบบนั้น
อาจเป็นเพราะยังมั่นใจว่าชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ยังขายได้ดี ในลักษณะเป็น “ซูเปอร์สตาร์” ทางการเมืองแบบไม่เคยเสื่อมคลาย แม้ว่าจะผ่านกาลเวลามานานนับสิบปี คดีทุจริตอื้อฉาวในอดีตของเขาและครอบครัว คงไม่ระคายผิว คนไม่สนใจ หรือแบบ “โกงแล้วมาแบ่งกัน” ชาวบ้านไม่ถือ อะไรทำนองนี้
ขณะเดียวกัน ยังมั่นใจว่า ไม่ว่าจะส่งใครลงมาเป็นทายาท หรือ “นอมินี” ทุกรูปแบบ ประเภทที่มีการเปรียบเปรย ว่าส่ง “เสาไฟฟ้า” ลงไปก็ชนะเลือกตั้งอะไรประมาณนี้ แต่อย่างไรอาจเป็นเพราะพอรับรู้ถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งคราวนี้ “ฝ่ายตรงข้าม” ที่เป็นคู่ต่อสู้ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน เพราะหากมองไปที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และกลุ่ม “สาม ป.” ที่อยู่ในอำนาจรัฐมานานต่อเนื่องถึง 8 ปี มันก็ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว อีกทั้งบรรดากลุ่มมวลชนที่เคยเป็นฐานทางการเมืองทั่วประเทศก็แตกฉานซ่านเซ็นออกไปคนละทิศละทาง หรือแม้แต่บรรดา ส.ส.ลูกน้องเก่าๆ จำนวนมาก ก็แยกย้ายออกไปหลังจากมีความรู้สึกว่า “ท่อน้ำเลี้ยง” ไม่ไหล ปล่อยให้อดอยากปากแห้งมานาน สิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวมันก็เป็นอีกปัจจัยที่ผันแปรเปลี่ยนแปลงไป
แต่การที่ นายทักษิณ ชินวัตร มั่นใจว่า เมื่อลงสนามแล้วต้องชนะแบบถล่มทลายอีกครั้งก็ย่อมมั่นใจ อย่างน้อยก็คงคิดว่า เมื่อส่งทายาท “สายตรง” อย่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” ลูกสาวคนเล็กลงมาก็เหมือนกับ “เงา” ของเขา ก็คงขายได้ทางการเมืองไม่ได้แตกต่างกัน ขณะเดียวกัน ก็คงมีการสรุปบางอย่างไม่ให้ซ้ำรอยคนก่อนแบบ น้องสาวคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ตอนนั้นใช้เวลาเพียงแค่ 49 วัน ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกได้สำเร็จ
แม้ว่าบรรยากาศและสถานการณ์ตอนนั้นกับตอนนี้จะแตกต่างกันลิบลับก็ตาม แต่ในปัจจุบัน พวกเขาก็สรุปบทเรียนไว้บ้างเหมือนกัน อย่างน้อยก็มีการเปิดตัว น.ส.แพทองธาร มาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ผลีผลามเหมือนเช่นในอดีต อีกทั้งลูกสาวของเขาคนนี้ ก็ถูกสอนให้มีชั้นเชิงไม่เบาเหมือนกัน
ตัวอย่างของการให้สัมภาษณ์ของ น.ส.แพทองธาร ระหว่างการลงพื้นที่หาเสียงครั้งแรก เมื่อถูกถามเรื่องสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน ว่า คนไทยก็ยังมีปัญหาในการใช้ชีวิตเรื่องปากท้องอยู่ ตนเองเคยเสนอแนวทางไปแล้วว่า พรรคเพื่อไทยอยากทำให้ชีวิตพี่น้องประชาชนดีขึ้น เพราะทุกครั้งที่เลือกตั้งมาแล้วเราได้จัดตั้งรัฐบาลก็สามารถทำให้นโยบายต่างๆ ที่สัญญากับพี่น้องไว้เป็นจริงได้ พรรคเพื่อไทยหวังว่าถ้ามีการเลือกตั้งอีกครั้ง พี่น้องไว้ใจเราอีกครั้ง เราก็ต้องทำนโยบายที่สัญญาไว้กับประชาชนให้เป็นจริงได้ อย่างที่เราเคยทำมาได้
เมื่อถามว่า การที่ระบุพรรคเพื่อไทย เป็นทางเลือกเช่นนี้ หมายความว่า จะประกาศตัวเองเป็นทางเลือกให้ประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เรื่องนี้ เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่า คนในพรรคยังไม่ได้เลือกตนเองเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค และพรรคยังไม่ได้เลือกใคร ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นอะไร เพียงแต่เข้ามาช่วยในทีมที่ปรึกษาฯ อะไรที่สามารถช่วยได้เพื่อให้พรรคนำเสนอนโยบายดีๆ ให้ประชาชน คือ ส่วนที่ตนเองทำอยู่และอะไรที่ให้คุณค่าได้ ทำเต็มที่ ตอนนี้ขอให้ไทม์ไลน์มันใช่ก่อน ไปอยู่ตรงไหนก็ทำตรงนั้นให้ดีที่สุด
เมื่อถามย้ำว่า ถ้าพรรคเลือกพร้อมลุยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า พรรคยังไม่ได้เลือกเลย ขอให้พรรคเลือกก่อนแล้วจะออกมาบอกว่าพร้อมหรือไม่พร้อม ตอนนี้เราลุยหาเสียงส.ก.ให้ชัดเจนไปก่อน ดังนั้น ขอ ส.ก.พรรคเพื่อไทยเยอะๆ จะได้เข้ามาทำงานให้กรุงเทพฯ เป็นจังหวัดที่น่าอยู่
เมื่อถามถึงกรณีเดินทางไปพบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ได้รับคำแนะนำอะไรบ้าง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “คุณพ่อให้คำปรึกษามาตลอด ตอนแรกก็แนะนำเรื่องเรียน แต่ตอนนี้แนะนำให้เรามั่นใจกับสิ่งที่เราทำ ไม่ว่าจะทำอะไร ถ้าเราคิดดี ทำดี ก็ขอให้เราประสบความสำเร็จ โดยคุณพ่อจะให้กำลังใจและบอกแนวทางว่าให้เราเข้มแข็งในจุดยืนของเรา ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร เราก็จะไม่เสียหลักของเรา”
เอาเป็นว่าเมื่อฟังจากคำพูดและท่าทีของเธอก็ถือว่าไม่ธรรมดา หากมีการ “ติว” กันมาก็ต้องถือว่าเธอพูดออกมาได้อย่างลื่นไหล อย่างน้อยก็ “ไม่ทื่อ” เหมือนกับ “อาปู” แน่นอน แต่ก็อย่างว่าแหละ แม้ว่ายังแบ่งรับแบ่งสู้แบบไม่ฟันธง แต่ในวงการก็มั่นใจไปล่วงหน้านานแล้ว และการลงพื้นที่ครั้งนี้ อีกด้านหนึ่งมันก็เหมือนกับการชิมลาง “เช็กเรตติ้ง” ในเบื้องต้นให้เกิดความมั่นใจถึงอนาคตว่า ความหวัง “แลนด์สไลด์” เป็นไปได้แค่ไหน อย่างน้อยก็ต้องพิสูจน์จากการเลือกตั้งในสนามกรุงเทพฯ ก่อน !!