วันนี้ (6 พ.ค.) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ได้รับข้อมูลจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนทางเฟซบุ๊ก ว่า มีแพลตฟอร์มที่ขายของออนไลน์อันดับหนึ่ง ได้ทำการตลาดที่ฝืนความรู้สึกหัวใจคนไทยทั้งประเทศ โดยมีภาพเน็ตไอดอลทำล้อเลียน หรือคิดจะโหนกระแสสังคม บางครั้งอาจจะทำไปด้วยความโง่เขลา หรือต้องการยอดปั่นกระแสในโลกออนไลน์
เรื่องนี้ปล่อยผ่านไม่ได้เด็ดขาด ผมพูดอยู่หลายครั้งว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงดิจิทัลต้องปราบปรามเรื่องนี้ ทำไมเราจึงต้องมีกฎหมาย มาตรา 112 ไว้ ผมพูดอยู่หลายครั้งว่าจะต้องมีการเพิ่มโทษให้รุนแรงมากขึ้น เพราะไม่งั้นก็จะมีคนดึงฟ้าลงต่ำ ใช้ข้อความให้ร้าย ทำให้เกิดความเกลียดชัง
วันนี้ในโลกออนไลน์เป็นอย่างไร ผมขอไม่พูดถึง เพราะกระแสมันเกิดจากข้อมูล แต่วันนี้ข้อมูลเท็จมีมาก จึงทำให้บางคนหลงผิดไป เรื่องนี้ปล่อยผ่านไม่ได้ ผมคิดว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องทบทวนการทำงานของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการป้องกัน กระบวนการสื่อสารให้ความรู้เพราะไม่งั้นจะทำให้สังคมแตกแยก
ผมฝากมาถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.วันนี้เราคงไม่ต้องมาพูดอะไรมาก เมื่อวานผมได้ไปกินข้าวร่วมกับเพื่อน ส.ส.หลายท่าน ก็ได้มีการพูดคุยหารือกัน ซึ่งโพลจากที่ผมสำรวจใต้ดินวันนี้คนรุ่นใหม่เลือกพรรคการเมืองไหนคงไม่ต้องพูดถึง หากวันที่ 22 พ.ค.นี้ พรรคการเมืองที่ไม่เอาสถาบันได้คะแนนเยอะ นั่นแหละครับคือสิ่งที่รัฐบาลต้องทบทวนถึงความผิดพลาดที่ปล่อยปละละเลยให้คนเข้าใจข้อมูลเท็จ แล้วเสพติดข้อมูลนั้นไป จนเชื่อว่านั่นเป็นเรื่องจริง ที่เค้าพูดกันว่าเป็นพวกมิจฉาทิฐิ นั่นคือ สิ่งที่เราต้องแก้ไขครับ ผมจึงเป็นห่วงและเป็นกังวลเรื่องนี้มากๆ จึงคิดว่าปล่อยผ่านไม่ได้
ผมจึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล และปลัดกระทรวงดิจิทัล สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เข้าไปดู ซึ่งการที่แพลตฟอร์มออนไลน์ใช้การตลาดแบบนี้ เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าคนที่มีอายุเกิน 38 ปีขึ้นไป และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์คงไม่มีใครยอมให้เรื่องนี้ปล่อยผ่านไปเฉยๆ ได้
ผมทำนายได้เลยถ้ารัฐบาล หรือผู้มีอำนาจไม่ทำตามหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 50 ข้อที่ 1 บุคคลมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (1) พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ที่ปล่อยให้ใครต่อใครด้อยค่าสถาบันจนเป็นฮีโร่ในโลกออนไลน์ จนลามไปไหนต่อไหน ยอดวิว ยอดไลก์เพียบ ถ้ายังปล่อยไว้แบบนี้ ลามไปทุกพื้นที่ ไม่ใช่ด่าสถาบัน ด้อยค่าสถาบัน แล้วคือฮีโร่ ถ้ายังปล่อยไว้ ไม่แก้ไขอะไร
ผมคิดว่า ก็คงไม่สมควรเป็นตัวแทนของพ่อแม่พี่น้องประชาชนคนไทย ผมอยากให้ฝ่ายรัฐบาลได้เล็งเห็น ไม่ใช่เราเห็นว่ามะเร็งร้ายกำลังเกิดขึ้น แต่เราไม่มีการป้องกัน มะเร็งนั้นมันก็จะกัดกินส่วนที่ดีๆ ไปจนเหลือแต่ส่วนที่ร้าย ระบอบประชาธิปไตยเป็นระบบที่ดี แต่ต้องมีผึ้งมากกว่าพวกแมลงวัน ไม่งั้นน้ำหวานก็จะแย่กว่าอุจจาระ เรื่องนี้ผมมั่นใจว่าคนไทยทั้งประเทศเชื่อ ถ้ายังปล่อยไว้ ไม่เกิน 5 ปี คงไม่ต้องทำนาย ถ้าไม่เชื่อ 22 พ.ค. 65 ปิดหีบเลือกตั้ง จะทำนายอะไรได้อีกหลายอย่างเลย