“เพชร กรุณพล” สวนกลับ “บุญยอด” อย่าเอามาตรฐานพรรคตัวเองตัดสิน กรณีโจมตี 4 นโยบายทำได้ทันทีของ “ก้าวไกล” ชี้ พรรคเสียงข้างมากในสภาที่มีเจตจำนงทางการเมือง ย่อมมีความสามารถพอในการแก้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมได้ โดยความยินดีของประชาชน ไล่กลับไปศึกษาใหม่ บางนโยบายเป็นอำนาจฝ่ายบริหาร ไม่ต้องถึงสภาก็แก้ได้เลย
จากกรณีที่ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้วิพากษ์วิจารณ์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในเรื่อง 4 นโยบายที่สามารถทำได้ทันที หากได้เป็นพรรคใหญ่ในรัฐบาล ได้แก่ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร, สมรสเท่าเทียม, สุราก้าวหน้า และรัฐสวัสดิการ ว่า หาเสียงเกินจริง และไม่สามารถทำอะไรได้ตามใจหรือทันทีนั้น
วันนี้ (3 พ.ค.) นายกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า นายบุญยอด คงตัดสินจากมาตรฐานพรรคที่ตนเองสังกัด ซึ่งต้องอาศัยอำนาจนอกระบบหรืออำนาจจากเผด็จการให้ตัวเองได้เป็นรัฐบาล จึงไม่สามารถมีนโยบายที่ยึดโยงกับประโยชน์ของประชาชนออกมาได้ แม้กระทั่งการหาเสียงก็ต้องโกหกประชาชนว่าจะไม่ร่วมกับเผด็จการ แต่สุดท้ายก็ไปโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ได้มีตำแหน่งในรัฐบาล แต่พอเมื่อมีอำนาจกลับไม่สนใจที่จะแก้ไขกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมและฉุดรั้งไม่ให้ประเทศนี้มีการแข่งขันทางธุรกิจอย่างเสมอภาค เป็นธรรมและทั่วถึง คอยอุ้มแต่ทุนใหญ่ ทั้งที่เป็นผู้ดูแลกระทรวงสำคัญ ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงเกษตรฯ
นายกรุณพล กล่าวต่อไปว่า การกล่าวหาว่า หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่เข้าใจการแก้ไขกฎหมายในระบบรัฐสภา คงต้องย้อนถามกลับไปบอก นายบุญยอด ว่า จะเอามาตรฐานพรรคตัวเองมาตัดสินพรรคอื่นไม่ได้ เพราะพรรคเสียงข้างมากในสภาที่มีเจตจำนงทางการเมือง ย่อมมีความสามารถพอในการแก้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมได้โดยความยินดีของประชาชน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสมัยที่พรรคของนายบุญยอดเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก จึงไม่สามารถแก้กฎหมายหรือผลักดันนโยบายแก้ปัญหาให้ประชาชนได้เลย นั่นก็เพราะไม่เคยคิดชนะการเลือกตั้งด้วยนโยบาย จนในที่สุดประชาชนเสื่อมศรัทธา ความนิยมตกต่ำอย่างไม่เคยมีมาก่อน ต้องเผชิญกับปัญหาความวุ่นวายภายในพรรค ทำให้มีแต่คนเดินออกเป็นว่าเล่นดังทุกวันนี้
นายกรุณพล ยังกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา นายบุญยอด ได้ติดตามการจัดทำ 4 นโยบายของพรรคก้าวไกลดีแค่ไหน จึงไม่รู้ว่าทั้ง 4 เรื่อง เป็นเรื่องที่เกี่ยวของกับบทบาทการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหารทั้งสิ้น แต่รัฐบาลนี้นอกจากไม่สนับสนุน ยังทำตัวเป็นตัวถ่วงเสียเองด้วย
1. สุราก้าวหน้า สามารถแก้ไขได้ทันทีหากเป็นรัฐบาล เพราะข้อจำกัดที่มีในเวลานี้ มาจากจากประกาศกรมสรรพสามิต ไม่ต้องนำเรื่องเข้าสภาก็สามารถแก้ไขได้ในระดับกฎกระทรวง เรื่องนี้ถ้า พิธา เป็นนายกฯ เซ็นแก้ได้เลย ไม่ต้องรอ พี่น้องเกษตรกร จะมีรายได้เพิ่มจากการแปรรูปสินค้าเกษตรอีกรูปแบบหนึ่ง จะเกิดเศรษฐกิจใหม่ตามมาอีกมากมาย แต่เรื่องนี้พรรคก้าวไกลทำไม่ได้เพราะเป็นฝ่ายค้าน ไม่มีอำนาจเหมือนรัฐบาล จึงต้องเสนอแก้ไขในรูปแบบ พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ผ่านสภาผู้แทนราษฎร
2. สมรสเท่าเทียม เป็นร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกล ที่ประชาชนเฝ้ารออย่างมาก เพราะทันทีที่เข้าสู่สภา มีประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์รัฐสภามากที่สุดเป็นประวัติการณ์กว่า 45,000 คน โดยใช้เวลาเพียง 3 วันเท่านั้น ดังนั้น ร่างนี้ควรจะผ่านออกมาเป็นกฎหมายได้แล้ว หากสภานี้เป็นสภาที่เสียงข้างมากที่รับฟังเสียงของประชาชนจริง แต่กลับใช้เทคนิคกฎหมาย ให้ ครม.มาขอรับร่างไปศึกษาเพื่อเตะถ่วงไปอีก 60 วัน แล้วจะใช้ผลการศึกษาของ ครม.อ้างต่อสภาว่าไม่รับหลักการอ้างเพื่อปัดตกกฎหมาย ดังนั้น พรรคก้าวไกล พร้อมดำเนินการต่อได้ทันที หากเป็นรัฐบาลจะไม่มีการยื้อเวลาเหมือนรัฐบาลนี้ เพราะคนจำนวนมากเห็นด้วยกับการทำให้คนเท่ากัน และรอกฎหมายนี้อยู่
3. ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร เป็นอีกร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกลที่ถูกตีตกด้วยอำนาจฝ่ายบริหาร ด้วยการเตะถ่วงไม่นำเข้าสภา ทั้งยังใช้เล่ห์เหลี่ยมทางกฎหมาย โดยการอ้างว่าเป็นกฎหมายการเงิน จึงเป็นอำนาจตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ผิดคาดที่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่พรรคของท่านโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้ปัดตกกฎหมายฉบับนี้ จึงไม่มีการนำเข้าสู่การพิจารณาของสภา หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล ร่างกฎหมายนี้จะเป็นกฎหมายด่วนที่นำเสนอต่อสภา แต่หากพรรคการเมืองใดไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร ท่านก็จะต้องไปตอบต่อประชาชนและคนรุ่นใหม่ให้ได้ว่าทำไมจึงไม่ผ่านกฎหมายฉบับนี้ อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลเชื่อว่า การเสนอให้มีกองทัพทันสมัย ตรวจสอบได้ เป็นทหารอาชีพ มีสวัสดิการที่ดีและมีความก้าวหน้าในอาชีพ เป็นอีกเรื่องที่ประชาชนอยากเห็น และเรามีเจตจำนงที่ชัดเจนในการแก้ไขรื่องนี้
4. รัฐสวัสดิการ ทุกรัฐบาลมีหน้าที่ในการจัดทำงบประมาณเพื่อเสนอต่อสภา ในเมื่อพรรคก้าวไกลใช้นโยบายนี้เสนอต่อประชาชนในการเลือกตั้ง หากได้รับเสียงข้างมากและเป็นพรรคใหญ่ในรัฐบาล ย่อมหมายถึง การที่ประชาชนต้องการเห็นการจัดทำงบประมาณที่เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง สวัสดิการประชาชนคือความมั่นคงของประชาชน ไม่ใช่เอางบไปซื้อรถถัง เรือดำน้ำในยามที่บ้านเมืองเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม รวมถึงวิกฤตสังคมสูงวัยที่เป็นเสมือนระเบิดเวลาลูกใหญ่สังคมไทย นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายอีกหลายฉบับเกี่ยวกับการเพิ่มสวัสดิการประชาชน ที่พรรคก้าวไกลและภาคประชาชนเสนอเข้าไป เช่น พ.ร.บ.แรงงาน ,พ.ร.บ.บำนาญ แต่ถูกปัดตกโดยนายกรัฐมนตรี ด้วยเทคนิคการตีความว่าเป็นกฎหมายการเงินเช่นเดิม พรรคก้าวไกล เชื่อว่า แม้แต่สภาเองก็รอผ่านกฎหมายเหล่านี้อยู่ แต่ไปติดขัดที่ด่านของฝ่ายบริหาร ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลกฎหมายเหล่านี้จะถึงสภาและจะผ่านออกมาอย่างรวดเร็วแน่นอน
“เราเคยพูดถึงหลายครั้งทั้งในและนอกสภา แต่นายบุญยอดคงไม่ได้ฟังหรือฟังแล้วไม่เข้าใจก็ไม่อาจทราบได้ เราได้ชี้แจงถึงความสำคัญจำเป็นของการจัดทำงบประมาณแบบก้าวไกล ที่ครอบคลุมไปถึงที่มาและที่ไปของงบประมาณ เพื่อให้ประชาชนได้มีสวัสดิการที่ดี มีความมั่นคงในชีวิต ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีใครเหลียวแลในยามลำบากแบบที่รัฐบาลนี้ทำ การที่ประชาชนมีสวัสดิการที่พอเพียงจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชาติ ให้คนกล้าที่จะคิด กล้าที่จะทำ กล้าที่จะฝัน โดยไม่ต้องกลัวว่าเมื่อพลาดไปแล้วจะไม่มีใครมาโอบอุ้ม อธิบายมาถึงตอนนี้ก็หวังจากหัวใจว่า นายบุญยอด จะเข้าใจเสียทีว่า นโยบายที่ทำได้ทันที ก่อนจะพูดเค้าคิดกันมาดีแล้ว มีความเข้าใจในบทบาทของฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติเป็นอย่างดี อย่าคิดว่าใครๆ ชอบขายฝันหลอกชาวบ้านแบบที่ตัวเองเคยทำมา” รองโฆษกพรรคก้าวไกล ระบุ