xs
xsm
sm
md
lg

ดร.อานนท์ เห็นใจ “กวิ้น” วันที่ถูกโดดเดี่ยว “ตะวันฉาย” การตลาด “ลัทธิ 3 นิ้ว” ชี้ชัด ต้าน 112 ภัยคุกคามสถาบันฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ เพนกวิน - พริษฐ์ ชีวารักษ์ ช่วงเคลื่อนไหวปฏิรูปสถาบันฯ จากแฟ้ม
แล้วก็มีวันนี้จนได้! กองเชียร์ “สามกีบ” หายไป ปล่อยให้ “เพนกวิน” เดียวดายหน้าบัลลังก์ศาล “ตะวันฉาย” ฉาย “ลัทธิ 3 นิ้ว” หลอกเหยื่ออายุน้อย ดึงเยาวชนติดคุกแทน “อัษฎางค์” ชี้ชัด ต้าน 112 ภัยคุกคามสถาบันฯ

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (29 เม.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ โพสต์ข้อความระบุว่า

“กองเชียร์สามกีบที่หายไป ปล่อยให้เพนกวินเดียวดายหน้าบัลลังก์ศาล

ผมไปศาลอาญา รัชดา เช้านี้ คดีมาตรา 112 ที่เพนกวินเป็นจำเลย เคยไปมาหลายครั้งแล้ว แต่เพนกวินไม่มาศาล อ้างว่าป่วย แต่มีใบแพทย์จากกรมราชทัณฑ์ว่าไม่ป่วย และแต่ก่อนทุกครั้งที่ไป จะมีมวลชนสามกีบมากมาย ตำรวจต้องกั้น และต้องดูแลความปลอดภัยขั้นสูงสุด ตรวจสแกนบัตรประชาชนอย่างละเอียด และห้ามม็อบสามกีบเข้ามาในเขตรั้วศาล แต่วันนี้เงียบเหงามาก ม็อบสามกีบไม่มี ตำรวจไม่มา ไม่ได้กั้นอะไร และเพนกวินก็มาแบบเงียบๆ กับน้องสาวและทนาย อย่างเดียวดายหน้าบัลลังก์ ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาครับ
จบการรายงานข่าว

ภาพ ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ จากแฟ้ม
ก่อนหน้านี้ ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ โพสต์เอาไว้ว่า

“เช้านี้ไปศาลอาญา รัชดา เพื่อไปเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญคดี มาตรา 112 ที่ เพนกวิน พริษฐ์ ชีวารักษ์ เป็นผู้ต้องหาครับ ส่วนตัวอยากให้เพนกวินกลับเนื้อกลับตัว และอย่าไปหลงเชื่อทนายมากจนเกินไปนัก ผมจำได้ว่า คราวก่อน เพนกวินไม่ยอมมาศาล ทนายแถลงอย่างดรามาว่าจำเลยอาจจะป่วยหนักจนเสียชีวิต ก่อนจะพิพากษาคดีนี้

แต่ตุลาการท่านหยิบจดหมายจากแพทย์กรมราชทัณฑ์มาอ่าน ว่า เพนกวินสุขภาพดีปกติ ไม่ได้ป่วยอะไร แต่ไม่ยอมมาศาล ศาลถึงกับบอกทนายจำเลย ว่า ให้ไปบอกจำเลยด้วยว่า ทำเช่นนี้ไม่ส่งผลดีใดๆ กับจำเลยแม้แต่นิดเดียว ผมนั่งฟังในศาลแล้ว รู้สึกสงสารเพนกวินมาก เพราะถูกคนยุยงให้มีพฤติกรรมไม่ร่วมมือกับศาลเลย ไม่ส่งผลดีใดๆ กับเพนกวินทั้งสิ้นเลย

จะแผ่เมตตาให้เพนกวิน ก่อนขึ้นให้การในศาลที่หน้าบัลลังก์ครับ ผมไม่มีความโกรธแค้นเคืองใดๆ กับจำเลย ขอทำหน้าที่พิทักษ์ รักษา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 50 ครับ”

ภาพ “ตะวันฉาย” ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเฟซบุ๊กผศ.ดร. อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ก็ได้แชร์โพสต์ของ Suphanat Aphinyan หัวข้อ ตะวันฉาย ฉายอะไร?

เนื้อหาระบุว่า “ฉายให้เห็นขบวนการหลอกใช้เพื่อนมนุษย์เป็นเครื่องมือในการทำผิดติดคุกติดตะรางแทนตัวเองอย่างอำมหิต มิหนำซ้ำ พอถูกจับกุมคุมขังก็ยังถูกนำมาโหนซ้ำอีก

แล้วต่อมา น้องตะวันอดอาหาร ลัทธิ 3 นิ้วรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ต่างดาหน้ากันออกมาโหนชายกระโปรงน้องตะวันในการปลุกปั่น แต่มีใครที่อดอาหารเป็นเพื่อนน้องตะวันบ้าง?
การเลือกใช้คนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นผู้หญิงในการเคลื่อนไหว ให้ออกมาทำผิดติดคุกติดตะราง จึงเป็นขบวนการจัดตั้งที่มีการเตรียมการวางแผนไว้ล่วงหน้ามาเป็นอย่างดี

น้องตะวันที่ออกหน้าทำผิดติดคุกติดตะราง จึงเป็นกลายวัตถุทางการตลาดของลัทธิ 3 นิ้ว ในการปลุกระดมโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อหลอกคนมาเพิ่มจำนวนคนทำผิดติดคุกติดตะราง

การชู 3 นิ้ว จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ใต้ชายกระโปรงโดยสมบูรณ์แบบ อีกทั้งแสดงถึงการเอารัดเอาเปรียบและการกดขี่ทางเพศจากคนในลัทธิ 3 นิ้วด้วยกันเอง อย่างน่าสมเพช...”

ภาพ โพสต์ของนายอัษฎางค์ ยมนาค ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ ด้านประวัติศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค” หัวข้อ “สถานะของพระมหากษัตริย์”

โดยระบุว่า “พระมหากษัตริย์ มิใช่บุคคลธรรมดา
แต่พระมหากษัตริย์ คือ องค์พระประมุขแห่งรัฐ
กฎหมายสำหรับประมุขแห่งรัฐย่อมมีลักษณะพิเศษจากบุคคลธรรมดา

การล่วงละเมิด หมิ่นประมาทและอาฆาตมาดร้าย อันเป็นภัยคุกคามต่อพระมหากษัตริย์ จึงถือว่า เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ

ความหมายของคำว่า
พระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ คือ
“ทรงใช้อำนาจอธิปไตยผ่านทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล”

ความหมายของคำว่า
พระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมือง คือ
ไม่ทรงประกอบการใดทางการเมืองด้วยพระองค์เอง ทั้งอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ
………………………………………………………….

ดังนั้น
การที่พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติให้ทรงอยู่เหนือการเมือง อันหมายถึงทรงไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในผลประโยชน์ทางการเมือง

จึงเป็นที่มาของรัฐธรรมนูญที่บัญญัติให้
“องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้

หากเกิดความคลาดเคลื่อนผิดพลาดใดๆ ย่อมถือว่ามิได้ทรงกระทำผิดของพระมหากษัตริย์ เพราะบุคคลที่รับผิดชอบต่อความคลาดเคลื่อนผิดพลาดนั้น คือ องค์กรเจ้าของเรื่องและผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ที่ถือเป็นผู้แทนขององค์กรนั้นๆ ในรัฐธรรมนูญ
……………………………………………………………

จากการที่มีกลุ่มบุคคลที่เรียกร้องและต่อต้าน ม.112 อันเป็นกฎหมายคุ้มครองพระมหากษัตริย์

จึงถือได้ว่า
• เป็นความพยายามบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์
• อันเป็นภัยคุกคามสถาบันพระมหากษัตริย์
• ซึ่งถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชีวิต
• เพราะพระมหากษัตริย์คือองค์พระประมุขของชาติ
………………………………………………………”

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ไม่มีคนไทยคนไหน ใจดำอำมหิต อยากเห็นพี่น้องลูกหลานร่วมชาติ ต้องมาถูกดำเนินคดีร้ายแรง อันเนื่องจากทำผิด “ป.อาญา ม.112” และคนที่จงรักภักดีต่อสถาบันฯส่วนใหญ่ ก็พร้อมให้อภัย และอยากเห็นเยาวชนที่ทำผิดกลับตัวกลับใจ แทบทุกคน ซึ่ง ดร.อานนท์ ก็สะท้อนให้เห็นในส่วนนี้

ขณะเดียวกัน ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เยาวชนคนรุนใหม่ที่ทำผิดแต่เพียงฝ่ายเดียว หากแต่ยังมีกลุ่มยุยงปลุกปั่นหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการผู้คลั่งไคล้ในการ “ปฏิวัติ” ตามตำรา นักวิชาการซ้ายตกยุค นักคิด นักเคลื่อนไหวที่ต้องการหาที่ยืนให้กับตัวเอง นักการเมืองที่หวังอำนาจ ตลอดจนกลุ่มที่อิงแอบต่างชาติ หวังผลเป็น “ตัวช่วย” จากภายนอก โดยเฉพาะมหาอำนาจ “เสรีประชาธิปไตย” เข้ามาแทรกแซงกดดันผู้มีอำนาจในประเทศไทย ให้ยอมจำนนต่อการ “ปฏิรูปสถาบันฯ” เพื่อประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ตามข้อเรียกร้อง และการเปลี่ยนแปลงประเทศ

ทั้งหมดเป็นปัญหาใหญ่ ที่คนไทยจะต้องรับรู้เอาไว้ว่า ความสงบสุขจะไม่มีทางจบลงอย่างง่ายดาย ตราบใดที่กลุ่มเคลื่อนไหวยังมีอยู่ และยังไม่บรรลุเป้าหมายตามที่ต้องการ รวมทั้งการเมืองในรัฐสภา ก็ไม่อาจช่วยได้? เพราะข้อเรียกร้องเด็ดขาดเกินกว่าประนีประนอม

ประเด็นอยู่ที่ว่า จะป้องกันและแก้ไขได้อย่างไร? เท่านั้นเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น