“อนุทิน” มั่นใจศักยภาพ อสม.ช่วยสร้างความรู้ ความเข้าใจประชาธิปไตยให้ประชาชนเลือกคนดีเข้ามาบริหารประเทศได้ เผยเร่งหามาตรการอำนวยความสะดวกคนติดโควิดใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ชี้เข้าใจหัวอก เหตุตอนถูกตัดสิทธิการเมืองอกแทบแตก ไม่ได้ใช้สิทธิเลือกตั้ง
วันนี้ (28 เม.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงนามความร่วมระดับนโยบายในการเสริมสร้างความเป็นพลเมืองคุณภาพ และความร่วมรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า จากการที่กระทรวงสาธารณสุขมีเครือข่าย อสม. ประมาณ 1 ล้านคน กระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยหลายคนมีความรู้ความเข้าใจด้านการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง จึงเป็นที่มาของความคิดในการลงนามความร่วมมือ เพื่อให้เครือข่ายอสม.สามารถกระจายความรู้ ความเข้าใจ คุณค่าของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ให้ชาวบ้านได้ทราบ โดยต้องนึกถึงประเทศเป็นหลัก เลือกคนดี คนที่ทุ่มเท พรรคที่ดีมีนโยบายทำเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่ให้ได้เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน
“อสม.มีศักยภาพด้านการประชาสัมพันธ์ กระจายข่าว อย่างเช่นช่วงที่มีโรคระบาด อสม.ก็จะช่วยให้ชาวบ้านเกิดความเข้าใจในการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากโรคระบาด กรณีนี้ก็เช่นกันทางกกต.จะให้กระทรวงสาธารณสุขใช้เครือข่ายอสม.ในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวสาร และความเข้าใจต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีเพราะเราจะมีกำลังอีกตั้ง 1 ล้านคนที่จะออกไปบอกกับชาวบ้านในวงกว้างว่าต้องรักชาติ รักบ้านเมือง ต้องสงวนสิทธิ์ที่ตนเองมีอยู่เลือกคนที่ดีที่สุดให้เป็นตัวแทนของเขาในการเป็นปากเสียงของประชาชนต่อไป ซึ่ง อสม.พื้นฐานมีความทุ่มเทอยู่แล้ว เป็นอาสาสมัครโดยที่ไม่คำนึงถึงค่าตอบแทนใดๆ ต้องเชื่อว่าวุฒิภาวะของอสม.ก็คงช่วยเหลือภารกิจ และปณิธานของ กกต.ให้เกิดความสะอาด โปร่งใสในการเลือกตั้งต่างๆ”
นายอนุทิน ยังกล่าวอีกว่า ส่วนค่าตอบแทนเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข ถ้าเรามีโอกาสที่ทำได้ก็ไม่เคยละเลยที่จะตอบแทนการทำงานของอสม. ซึ่งการตอบแทนอาจไม่จำเป็นในรูปแบบของเงินอย่างเดียว อาจเป็นในรูปแบบของการชื่นชม แจกประกาศนียบัตร การให้สิทธิในการรักษาพยาบาลให้กับอสม.และครอบครัว เป็นต้น นอกจากนี้ยังจัดระบบกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ให้กับ อสม. เพื่อสร้างความมั่นคงกับ อสม.ให้มากที่สุด
ส่วนการหามาตรการให้ประชาชนที่ติดเชื้อโควิดสามารถมาใช้สิทธิเลือกตั้งได้ กรมควบคุมโรคกำลังหารือเร่งด่วนกับเลขาธิการกกต.ในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งอย่างที่บอกขณะนี้เรากำลังจะเดินทางไปสู่เป้าหมายให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น เราเดินมากว่าครึ่งทางแล้ว และได้ลดมาตรการต่างๆ ลง ทั้งการลดการรักษาพยาบาลแบบที่ทุกคนต้องกักตัว 14 วัน ขณะนี้ไม่มีแล้ว จะเหลือกลุ่มที่มีอาการหนักเท่านั้น หรือกลุ่ม 608 ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ถึงจะเข้ารับการรักษาที่มีความยุ่งยาก สลับซับซ้อน เพราะความเป็นอันตรายเริ่มลดน้อยลง ซึ่งการใช้สิทธิเลือกตั้งของผู้ติดเชื้อโควิด ก็พยายามหาทางกับทาง กกต. เช่น ในการเลือกตั้งถ้ามีผลตรวจ 2 ขีด ก็ไปแจ้งหน่วยเลือกตั้ง เพื่อใช้ช่องแยก หรือใส่หน้ากากอนามัย 2 ช้้น ขอให้ความมั่นใจว่าเราคำนึงถึงความเป็นปลอดภัยของส่วนรวมเป็นหลัก ไม่มีสาเหตุที่ทำให้เกิดความสูญเสีย แน่นอน
“เราไปตัดสิทธิเขาไม่ได้ ถ้าเขายืนยันว่า จะใช้สิทธิของเขาในความเป็นประชาชน เพราะว่าการเลือกตั้งคือสิทธิที่ทุกคนหวงแหน ผมเคยโดนตัดสิทธิทางการเมืองมา 5 ปี สมัยเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย อกแทบแตก ทุกครั้งที่ไม่ได้ไปเลือกตั้งรู้สึกว่าตัวเองถูกลิดรอน ฉะนั้น การที่ผู้คนเจ็บป่วยแล้วบอกว่าออกมาใช้สิทธิไม่ได้ ผมถือว่าเป็นการก้าวล่วง ฉะนั้น จึงต้องหาวิธีบริหารจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยดี”