“ส.ว.วันชัย” เชื่อ “ฝ่ายค้าน” ชิงยื่นญัตติซักฟอกทันทีที่เปิดสภา ปิดช่อง “ยุบสภา” ประเมินเกมรัฐบาลต้องคุมเสียง ให้ดี ระวัง พรรคใหญ่เล่นบทวีรบุรุษ ล้มเก้าอี้นายกฯ
วันนี้ (12 เม.ย.) นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน มีท่าทีจะเลื่อนยื่นญัตติขอเเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล จากเดิมที่ประกาศจะยื่นทันทีเมื่อสภาเปิดสมัยประชุม วันที่ 23 พฤษภาคม โดยเชื่อว่า มีนัยทางการเมือง และต้องการชิงไหวชิงพริบในเกมทางการเมือง เพราะท่าทีของฝ่ายค้านไม่ต้องการให้รัฐบาลรู้ความเคลื่อนไหวว่าจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อใด เนื่องจากกังวลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อาจชิงยุบสภาก่อนหน้าได้
นายวันชัย กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีกระแสประเมินในกรณีที่ฝ่ายค้านอยากให้รัฐสภาทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ที่ใช้เลือกตั้ง ทั้ง 2 ฉบับให้แล้วเสร็จก่อน เพื่อความปลอดภัย เพราะหากร่าง พ.ร.ป.ที่ใช้เลือกตั้งไม่เสร็จ เกิดยุบสภา ไม่มีสภาผู้แทนราษฎร อาจเกิดปัญหาวิกฤตทางกฎหมายได้ ขณะเดียวกัน รัฐบาลปัจจุบันจะอยู่เป็นรัฐบาลรักษาการยาวนาน เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่กล้าจัดการเลือกตั้ง
“ส่วนตัวผมเชื่อว่า ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติเร็วเพื่อบล็อกไม่ให้นายกฯ ชิงยุบสภา อีกทั้งร่าง พ.ร.ป. มีเวลาทำให้แล้วเสร็จ ส่วนที่บอกว่าจะไม่ยื่นทันที เป็นเกมลวงซึ่งกันและกัน เพื่อไม่ให้รัฐบาลรู้ตัว ตั้งตัวยุบสภาก่อนไม่ทัน ขณะเดียวกัน ฝ่ายรัฐบาลต้องประเมินท่าทีว่า เสียงสนับสนุนในสภาเพียงพอหรือไม่ เพราะการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ รัฐบาลไม่กลัวข้อมูลของฝ่ายค้านหรือประเด็นอภิปราย แต่ผมมองว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ รัฐบาลวิตกกังวล ต่อเสียงสนับสนุนในสภา หากรัฐบาลเช็กแล้วเสียงสนับสนุนไม่พอ อาจใช้ประเด็นความขัดแย้งในสภายุบสภาได้ก่อน” นายวันชัย กล่าว
นายวันชัย กล่าวขยายความด้วยว่า สถานการณ์การเมืองตอนนี้ เชื่อว่า นักการเมืองมีความพยายามชิงความได้เปรียบทางการเมือง และอาจใช้จังหวะอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี สร้างสถานการณ์วีรบุรุษเพื่อเรียกคะแนนเสียงการเมืองก่อนจะมีการเลือกตั้ง เพราะการเมืองซึ่งเป็นเรื่องอำนาจ ย่อมหวังประโยชน์ และได้อำนาจหลังการเลือกตั้งครั้งใหม่ มากกว่าอำนาจปัจจุบันที่เชื่อว่าจะอยู่ได้อีก 7-8 เดือน
“สำหรับสถานการณ์สร้างวีรบุรุษนั้น อาจเกิดขึ้นได้ทั้งแนวทางพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวหรือ การลงมติไม่ไว้วางใจ เพราะนักการเมืองต้องประเมินตัวเองว่าหากกอดคอกันไปจะไปไหวหรือไม่ หรือต้องใช้สถานการณ์เพื่อสร้างวีรบุรุษ โดยต้องยอมรับว่าเสียงในสภาฯ ระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านมีระยะห่างแค่ 10-20 เสียงเท่านั้น โดยมีกลุ่มตัวแปรคือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย” นายวันชัย กล่าว
เมื่อถามถึงโอกาสที่พรรคพลังประชารัฐจะใช้จังหวะล้มเก้าอี้นายกฯ ด้วยได้หรือไม่ นายวันชัย กล่าวว่า “เสียงในพรรคพลังประชารัฐยังไม่ปึ้ก แบบ 100% เพราะคนมองไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า หากกอดคอร่วมกัน แต่วิสัยไม่ได้เป็นรัฐบาล อาจใช้สถานการณ์สร้างวีรบุรุษหรือพระเอกทางการเมืองได้ เช่นเดียวกับพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นๆ
นายวันชัย กล่าวย้ำถึงดวงเมืองและสถานการณ์ทางการเมือง ว่า ช่วงวันที่ 7 กรกฎาคม จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ในเรื่องของตัวผู้นำ ผู้ปกครอง รัฐธรรมนูญ พระสงฆ์ โดยเฉพาะประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่อาจกลายเป็นวิกฤตกฎหมายได้ เช่น การเสนอปิดสวิตช์ ส.ว. การแก้ไขกฎหมายลูก เป็นต้น
เมื่อถามว่า ดวงของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เอาไม่อยู่ใช่หรือไม่ นายวันชัย กล่าวว่า อย่าเอาคำถามดังกล่าว เป็นคำตอบของตน แต่ดวงเมืองนั้น ระบุว่า เป็นจังหวะที่ผู้มีอำนาจต้องเปลี่ยนแปลงตัวผู้มีอำนาจ เกิดวิกฤตการเมือง แต่ไม่ถึงขั้นรัฐประหาร ซึ่งการเปลี่ยนแปลงระดับผู้นำ เกิดขึ้นได้ทั้งยุบสภา หรือลาออก