ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ขอไปตายเอาดาบหน้า!! “ทักษิณ-เพื่อไทย” เสื่อมจากเนื้อใน ส.ส.อยู่ยาก กัดฟันตีจากเพื่อโอกาสที่ดีกว่า
ตัวยังอยู่ “เพื่อไทย” แต่ใจลอยไปไกลแล้ว
สำหรับ “ผ่องศรี แซ่จึง-จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์-ธีระ ไตรสรณกุล” ที่ไปปรากฏตัวร่วมต้อนรับ “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ระหว่าง เป็นประธานเปิดงานวิชาการเรื่องการใช้กัญชาทางการแพทย์ และเศรษฐกิจ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ที่ผ่านมา
อีกทั้งยังเป็นการไปพบปะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แบบ “ออกสื่อ” เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากที่ “จาตุรงค์-ธีระ” รวมไปถึง “ปวีณ แซ่จึง” อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย สามีของ “ผ่องศรี” ก็เคยไปร่วมวงหารือถึงแนวทางทำงานการเมืองเพื่อพัฒนา “เมืองศรีเกษ” หลังพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 47 ที่ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา มาหนหนึ่งแล้ว
กระทั่งเมื่อวันที่ 6 เม.ย. วันครบรอบพรรคภูมิใจไทย “เฮียปวีณ” ก็ไปร่วมงานในฐานะสมาชิกพรรคภูมิใจไทย และในงานกัญชา ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ จึงได้เห็น “เฮียปวีณ” สวมเสื้อพะยี่ห้อภูมิใจไทย เป็นที่เรียบร้อย
อันเป็นที่รู้กันภายในพรรคเพื่อไทย ว่า เลือกตั้งงวดหน้า “ผ่องศรี-จาตุรงค์-ธีระ” คงจะย้ายสังกัดตาม “ปวีณ” ไปแน่
คำถามมีว่า เกิดอะไรขึ้นใน “ค่ายเพื่อไทย” ที่ “เฮียโทนี” ทักษิณ ชินวัตร เถ้าแก่ตัวจริง อุตส่าห์ทิ้งไพ่เด็ด ส่ง “ลูกอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร มาเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และมีแนวโน้มว่าจะได้รับการวางตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคในสมัยหน้า
หวังใช้จุดขาย “ดีเอ็นเอทักษิณ” สะกด “สาวก” สานฝันแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน รวมทั้งส่งสัญญาณถึง “ลิ่วล้อ” ในพรรคว่า “นายใหญ่” ยังเอาจริง ถึงขั้นส่ง “ลูกสาวสุดเลิฟ” มาเสี่ยงในสนามการเมืองล่วงหน้า เพื่อสกัด “เลือดไหลออก”
บวกกับกติกาบัตร 2 ใบ ของถนัดที่ว่ากันว่า พรรคเพื่อไทยมาแน่
ทว่า ก็ยังมี “ลูกพรรค” ทั้ง ส.ส.และอดีต ส.ส.ทั้งเกรดเอ-เกรดบี ทำท่าว่าจะไม่ขออยู่ในครอบครัวเพื่อไทยต่อไป
แม้ “ยอดคุณพ่อ” จะพยายามจุดกระแส “อุ๊งอิ๊ง” เพื่อแย่งชิงคะแนนคนรุ่นใหม่ แต่ก็ท่าจะไม่ได้ผล เพราะ “ยี่ห้อทักษิณ” ชัดจนคนรุ่นใหม่ซื้อไม่ลง และยังเทใจให้ "พรรคก้าวไกล" ที่มีแนวทางการต่อสู้ชัดเจน และได้ใจคนรุ่นใหม่มากกว่า
อาจเพราะนับวันสังคมไทยยิ่ง “รู้ทันทักษิณ” แล้วว่า พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่พรรคการเมืองหรือสถาบันการเมือง แต่เป็น “กิจการครอบครัว” หรือ บริษัทใน “เครือชินวัตร” ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ของ “ตระกูลชินวัตร” ทั้งสิ้น
ไม่ว่าการใช้อำนาจ “เผด็จการ” ในฐานะเจ้าของพรรค ส่งชื่อ “น้องปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ข้ามหัว “หัวหงอกหัวดำ-คนทำงาน” ในพรรค เมื่อการเลือกตั้งปี 2554 แม้ประสบความสำเร็จ “ยิ่งลักษณ์” ได้เป็นนายกฯ พรรคได้เป็นรัฐบาล
แต่ก็ทำลายโอกาสโดยการดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย เพื่อให้ “ทักษิณ” กลับบ้านแบบเท่ๆ โดยไม่ต้องถูกดำเนินคดี เป็นเหตุให้ “รัฐบาลเพื่อไทย” ต้องหล่นจากอำนาจ จนลูกพรรคตกระกำลำบาก ทั้งตกงาน ถูกคุมคามโดยฝ่ายอำนาจ
หรือลูกน้องน้อยใหญ่หลายคนต้องคดีโทษร้ายแรง ตั้งแต่ยุคทักษิณ มาถึงยุคยิ่งลักษณ์ ทั้ง “หมอเลี้ยบ” สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี - “เสี่ยไก่” วัฒนา เมืองสุข - “เสี่ยฮุก” บุญทรง เตริยาภิรมย์ - “เสี่ยภูมิ” ภูมิ สาระผล ที่ต่างติดคุกติดตะราง เพราะรับใช้ “นายใหญ่” และอีกหลายคนก็ถึงขั้นหมดอนาคตทางการเมือง
ขณะที่ตัว “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” กลับหลบหนีไปเสวยสุขที่เมืองนอก
ไม่เพียงเท่านั้น การบริหารงานภายในพรรค ยังเป็นไปตาม “ใบสั่ง” หมิ่นเหม่สุ่มเสี่ยงถูกตัดสิทธิทางการเมือง คนมีความสามารถที่ไม่ใช่ “สายตรงนายใหญ่-นายปู” ถูกกดทับ ไร้บทบาท ส.ส.หลายคนไม่มีโอกาสได้ทำงาน จนเปรียบเปรย ว่า ถูกปฏิบัติไม่ต่างจาก “ลูกจ้างในคอก”
อย่างกรณี “เสี่ยเก่ง” การุณ โหสกุล ส.ส.กทม. ที่ออกมาเปิดหน้าซัด "นักรบห้องแอร์" ว่าที่ผ่านมา ถูกบีบให้ออกจากพรรค เพียงเพราะสนิทสนมกับ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ที่ลาออกจากพรรคไปแล้ว
กระทั่ง “หมอชลน่าน” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่เป็นที่ยอมรับว่าเป็น “นักการเมืองน้ำดี” และมีโอกาสได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย รวมถึงผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กลับต้อง “ก้มหัว” ให้ “อุ๊งอิ๊ง” เด็กรุ่นหลาน เพียงเพราะเป็น “ลูกเถ้าแก่”
กลายเป็นปัญหาภายในพรรคเพื่อไทย ที่กระทบมาถึงการทำงานของ ส.ส. และว่าที่ผู้สมัครในหลายพื้นที่ กระทั่งมีหลายคนเปลี่ยนใจขอไปตายเอาดาบหน้า เพื่อโอกาสในการทำงานการเมืองที่ดีกว่า เพราะทนเสียงเรียกร้องในพื้นที่ ที่อยากให้ผู้แทนฯของตัวเองย้ายพรรคเพื่อไปทำงานมากกว่า
แต่ก็ไม่วายโดน “นายใหญ่” โหวกเหวก โฉงเฉงไล่หลังผ่านคลับเฮาส์เป็นประจำว่า “พลังดูด” ทำเอา “ลิ่วล้อ” ในพรรคเพื่อไทย ขอย้ายออกเป็นแถว โดยไม่คิดจะแก้ปัญหาภายในแต่อย่างใด
คาดว่า “คนเพื่อไทย” อีกไม่น้อยที่จะหนีร้อนไปหาที่เย็นพึ่ง ทั้งในภาคเหนือ และภาคอีสาน ที่หลายคนเลือกจะไปร่วมหัวจมท้ายกับ “ค่ายเซราะกราว” พรรคภูมิใจไทย ที่ขณะนี้กำลัง “เนื้อหอม” มีการพูดกันปากต่อปากว่า มีเครื่องมือเครื่องไม้ ในฐานะ “พรรคร่วมรัฐบาล” รวมทั้งให้โอกาสผู้แทนฯ ทำงานเต็มที่
ดีกว่าจมปลักอยู่ใน “คอกนายใหญ่” จนหมดอนาคต โดยที่ “เถ้าแก่” ไม่เหลียวแล.
**ปารีณาขึ้น!! หยุดร้องไห้ ต่อไปจะแรงกว่าเก่า 1 ล้านเท่า
เรียกว่า แร๊งส์...ไม่มีตก หลังจากศาลฎีกาพิพากษาให้ “เอ๋” ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ พ้นตำแหน่ง ส.ส. พร้อมตัดสิทธิการเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต จากกรณีฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง บุกรุกครอบครองทำประโยชน์ในพื้นที่ ส.ป.ก. เจ้าตัวก็ยังเคลื่อนไหวไล่ฟาด ไล่ฟัน ฝั่งตรงข้ามอย่างชนิดภาษาบู๊ลิ้มก็ต้องบอกว่า สู้ให้ตายตกไปตามกัน
โดยเฉพาะกับ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ “ปารีณา” ลั่นวาจาไว้ว่า วันจันทร์นี้ (11 เม.ย.) จะไป ป.ป.ช. เพื่อนำคำพิพากษาศาลฎีกาไปประกอบเรื่อง “ประเสริฐ” ครอบครองที่ดินรัฐ จะได้ชี้มูลไม่ยาก และจะร้องให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการไต่สวนคดีของ ประเสริฐครอบครองที่ดินรัฐ ว่า มีการเลือกปฏิบัติหรือไม่ เหตุใดคดีปารีณาเร็ว คดีของกลับประเสริฐล่าช้ามาก
สำหรับ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” ถ้าจำกันได้ เป็นหนึ่งในจำนวน 19 นักการเมืองที่ "พี่ศรี" ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย “นักร้องชื่อดัง” ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. เมื่อปี 2562 ให้ตรวจสอบการถือครองที่ดินของ ส.ส. จากหลายพรรคการเมือง ทั้งการถือครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 , ที่ดิน ส.ป.ก. รวมถึงกรณีการถือครองกรรมสิทธิทับพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ
งานนี้ “ปารีณา” บอกกล่าวกันไว้ล่วงหน้า ผ่านเฟซบุ๊กของตัวเองถึง ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย จั่วหัวว่า # ลอยนวล เนื้อความ ระบุว่า “พอเห็นคำว่า..มั่นใจรัฐบาลไปไม่รอดก็..อดไม่ได้ ที่จะถามประเสริฐไปว่า มีสติไหมตอนพูด ในเมื่อเห็นๆ อยู่ว่า หลังการอภิปรายก็รอดตลอด แต่ที่ไม่รอดคือ ปารีณา และท่านด้วย เพราะท่านก็แจ้งต่อ ป.ป.ช. ว่าครอบครองที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิเหมือนกัน แล้วทำไมยังลอยหน้าลอยตา ลอยนวลอยู่” พร้อมกับ กำหนดการเดินทางไป ป.ป.ช.ดังกล่าว ก่อนจะตบท้ายด้วย “ปล.ขอบคุณเสียงประทัดที่คู่แข่งส่งคนมาจุด แล้วเรียกนักข่าวมาทำข่าว ฉลองปารีณาหลุด ส.ส. ทำให้ปารีณาขึ้น!!!! และหยุดร้องไห้ ต่อไปปารีณาจะแรงกว่าเก่า 1 ล้านเท่าค่ะ”
นี่ละ “ปารีณา” คนเดิม เพิ่มเติมคือความแรง..งานนี้ก็ตัวใครตัวมันนะจ๊ะ.