ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ดีลลับล่ม? คดีแตงโมจะพลิกเป็นฆาตกรรม! ตำรวจพายเรือเกลือตามไขปริศนาอยู่ห่างๆ
หลังจากที่เอื่อยๆ มาพักใหญ่ๆ ความคืบหน้าคดีแตงโม “นิดา พัชระวีรพงษ์” ดาราสาวที่ตกเรือเสียชีวิต ตอนนี้ต้องห้ามกะพริบตากันจริงๆ กลับมาไคลแมกซ์อีกครั้ง เมื่อทนายความชื่อดัง “รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุเป็นปริศนาให้คิดว่า “ดีลลับล่มซะแล้ว ใครให้การเท็จ ใครทิ้งแก้วไวน์ เตรียมมารับทราบข้อกล่าวหา ตำรวจไทยสู้ๆ”
ขณะที่ “กฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย” อดีตทนายความของ “แม๊” ภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม ที่ล่าสุด โดน “แม๊” เท เลยขอไปเข้าร่วมก๊วนกับ “เต้ พระราม 7” เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และทีมทนาย เพื่อรับเรื่องร้องเรียนของประชาชน พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้แถลงข่าวเปิดตัวทีมทนายความและนักกฎหมาย 2 ชุด ของพรรคเต้-มงคลกิตต์ และได้กล่าวถึงคดีของแตงโม ว่า มีหลักฐานใหม่ ที่ได้มาจากผู้ใหญ่คนหนึ่ง อยู่ในวงการสีกากี ให้โทร.หา “บังแจ็ค” ซึ่งเขาได้เปิดคลิป “กล้องหน้ารถ” ที่เกี่ยวข้องในคดี เมื่อตัวเองดูแล้วก็รู้สึกตกใจ เป็นคลิปที่มีความสำคัญกับคดี และเปิดทางให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ “ดีเอสไอ” รับเป็นคดีพิเศษ เพราะอาจจะเป็น "คดีฆาตกรรม" แต่เบื้องลึกต้องคุยกับ “บังแจ็ค” ก่อน โดยใช้เวลาไม่เกิน 2 อาทิตย์ เพื่อตรวจสอบคลิปวงจรปิดหน้ารถดังกล่าว”
ส่วน “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญกรรม ที่ได้พูดถึงพิรุธต่างๆ ในคดีแตงโม มาก่อนนี้ก็ออกมาตอกย้ำเพิ่มน้ำหนักเรื่องราวให้โซเชียลฯได้กระพือกันต่อว่า มีหลักฐานชัดเจนว่า “แซน” ไม่ได้นั่งอยู่ท้ายเรือ และ “เเตงโม” ไม่ได้เดินไปท้ายเรือตามที่คนบนเรือกล่าวอ้าง
“ลุงอัจ” ยังอ้างอีกว่า รวมถึงเรือที่เกิดเหตุ กว่าจะมีการเก็บเรือและให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจ ก็กินเวลาผ่านไปกว่า 4 วัน ปล่อยให้ “ปอ” และพวก จ้างบริษัทมาทำลายหลักฐาน ด้วยการเช็ดทำความสะอาด และให้บุคคลภายนอกมาทำความสะอาดท้ายเรือ จนเรือสะอาด ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือ เครื่อง-มอเตอร์ ในการใช้น้ำยา จนไม่มีรอยนิ้วมือแฝงติด ไม่มีดีเอ็นเอ ไม่มีคราบอะไรเลย ก่อนตำรวจจะมาเก็บหลักฐานบนเรือ
ทว่า ท่ามกลางสายมโนโซเชียลฯทำงานกันหนัก ตำรวจไทยก็ไม่ขอสู้ตามเสียงเชียร์ โดยมีรายงานแจ้งว่า “พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์” โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตอบมานิ่มๆ จากที่ได้ตรวจสอบกับชุดทำงาน ตอนนี้ยังไม่มีการยื่นขอให้ศาลออกหมายจับกับใครเพิ่ม แต่อนาคตก็อยู่ที่พยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน
ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็อาจจะยังไม่มีใครจะถูกกล่าวหาเพิ่ม ที่แน่ๆ คนใกล้ชิดของ “ปอ” ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ และ “โรเบิร์ต” ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ สองผู้ต้องหาในคดีนี้ สึกจากการบวชพราหมณ์ และออกจากธรรมสถานวิโมกสิวาลัย สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ของวัดท่าไม้ เรียบร้อยแล้ว โดยยังไม่ชัดเจนว่าตำรวจจะเรียกเข้าให้ปากคำอีกครั้ง หรือไม่ แต่ว่าทั้งคู่ต้องรายงานตัวกับตำรวจอีกครั้ง ในวันที่ 2 เม.ย.นี้
ขณะเดียวกัน “ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์” เลขานุการ รมว.ยุติธรรม บอกว่า เบื้องต้น เวลา 15.00 น. วันที่ 31 มี.ค.นี้ จะมีการแถลงผลการผ่าพิสูจน์ร่าง “แตงโม” รอบ 2 ที่กระทรวงยุติธรรม
“ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์” ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ในฐานะทนายความของ “แม๊” ภนิดา แม่ของแตงโม ได้ให้สัมภาษณ์โดยกล่าวว่า การออกหมายจับผู้ต้องหาบนเรือเพิ่มนั้น เป็นเพียง “ข่าวลือ” การพบพนักงานสอบสวนของ “แซน-จ๊อบ - กระติก” เพื่อต้องการความชัดเจน เช่น ตำแหน่งการนั่งเรือ ตกตรงไหน ฉี่จริงรึเปล่า ใครเห็นบ้าง สืบให้ชัด เพื่อนำไปเทียบกับหลักฐานอื่น หากตำรวจดูแล้วหรือว่าใครทำลายหลักฐาน ใครให้การเท็จ มีพยานหลักฐานว่า ใครโยนอะไรลงไป สมมติว่า ฟังแล้วชัด ข้อหาที่น่าจะโดนมี 2 ข้อหา คือ มาตรา 137 เรื่องการแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน จำคุก 6 เดือน กับ อีก 1 ข้อหา มาตรา 184 เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นบนเรือคนทำผิด และทำลายพยานหลักฐาน พร้อมกับคาดว่า ตำรวจน่าจะปิดคดีนี้ประมาณเดือนเม.ย.นี้
สรุปว่างานนี้ ทั้งดีลลับล่ม ใครจะถูกกล่าวหาเพิ่ม คดีจะพลิกเป็นฆาตกรรมหรือไม่ ถือเป็นไฮไลต์ ที่ปลุกต่อม “สายมโนโซเชียลฯ” ให้กลับมาได้วิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้ง โดยที่ตำรวจผู้ไขปริศนาในคดี ยังพายเรือเกลือตามมาอยู่ห่างๆ .
**“ลุงป้อม” ประกาศย้ำ “ลุงตู่” ต้องเป็นแคนดิเดตนายกฯพลังประชารัฐ ไม่มีวันไป “รวมไทยสร้างชาติ”
การเมืองขยับเข้าสู่โหมดเลือกตั้งอีกครั้ง ... โหมโรงด้วยการเลือกตั้ง ส.ก.และผู้ว่าฯ กทม. หลังจากนั้น ก็จะเข้าสู่การเลือกตั้งส.ส. ทำให้มีความเคลื่อนไหวคึกคักเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ส่ง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนสุดท้องลงมานำทัพ เป็น “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” และเตรียมเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย จะมาทำ “แลนด์สไลด์” ในการเลือกตั้งครั้งนี้
การเปิดหน้ามาชิงเก้าอี้นายกฯจาก “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยตรงเช่นนี้ ย่อมถูก “ติ่งลุงตู่” แซะเอาเป็นธรรมดา ว่าให้ระวังจะประสบชะตากรรมเหมือนพ่อ และอา ... ทำให้ “ทักษิณ ชินวัตร” ต้องออกมาปกป้องผ่านทาง CARE Talk x CARE ClubHouse โดยพูดถถึงลูกสาวคนนี้ ว่า “อุ๊งอิ๊ง” มีหัวใจประชาธิปไตยเต็ม 100 ที่เข้ามาก็เพื่อจะเอาแนวทางเทคโนโลยีมาเสริมให้พรรคเพื่อไทย ไม่ได้คิดจะเป็นนักการเมือง หรือเป็นกรรมการบริหารพรรค ยังไม่รู้ว่าจะเล่นการเมืองหรือเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ เพียงแต่เขาจะมาใส่ความคิดให้กับคนรุ่นใหม่ ...
... หาก “อุ๊งอิ๊ง” เป็นแคนดิเดตนายกฯ แล้วเกิดประชาชนเลือกมาได้เป็นจริง... หากกลัวจะมีชะตากรรมเหมือนผม และปู ก็ต้องถามประชาชน 16 ปี ช้ำพอหรือยัง ระบบพังไป เศรษฐกิจพัง ครอบครัวพังไป เป็นหนี้เป็นสินจากการล้มลุกคลุกคลานจากรัฐประหาร ถ้ามีอีกทีก็ไม่เป็นไร... ผมมีบ้านหลายประเทศ เครื่องบินส่วนตัวก็มี บินมาปุ๊บ สบาย ไม่เคยกลัว ดังนั้น อย่ามาขู่ เรื่องกลัว ไม่มีกลัว....
นั่นเป็นเสียงจาก “ทักษิณ” ที่ส่งคนในครอบครัวลงสนามครั้งนี้ อาจเป็นศึกครั้งสุดท้ายของเขาก็เป็นได้
นอกจากบรรดาพรรคใหญ่ที่เตรียมพร้อมลงสู้ศึกแล้ว พรรคเกิดใหม่ก็มีความเคลื่อนไหวคึกคักเช่นกัน อย่างในวันนี้ (31 มี.ค.) จะมีการเปิดตัวของ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ที่ “แรมโบ้” เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ออกมาตั้งพรรคไว้รองรับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยตรง
และกระแสที่ว่า “ลุงตู่” อาจจะไม่ได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ที่นับวันยิ่งกระพือแรง ทำเอา “พี่ใหญ่ 3 ป.” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องออกมาดับกระแส ว่า ถึงอย่างไร “ลุงตู่” ก็ต้องอยู่กับตนเอง จะไปเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้อย่างไร และ พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ไม่ได้เป็นสาขาของพรรคพลังประชารัฐ ... ส่วนที่ “ลุงตู่” ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐนั้น “ลุงป้อม” บอกว่าไม่จำเป็น เพราะมีตนเองเป็นสมาชิกอยู่แล้ว
เมื่อนักข่าวถามย้ำไปว่า นายกฯ จะไม่อยู่พรรคพลังประชารัฐ แต่จะไปอยู่กับ พรรครวมไทยสร้างชาติ หรือไม่ “ลุงป้อม” ถึงกับร้อง ว่า “โอ้โฮ”
ขณะที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็พูดถึงการทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา และในอนาคตว่า ไม่อยากให้ทุกคนลืมรากเหง้าของตนเอง รากเหง้าของประเทศไทย ไม่งั้นมันอยู่ไม่ได้หรอก ต้นไม้ทุกต้นก็ต้องพร้อมตาย สังคมก็ล่ม อะไรก็ล่มไปหมด เราต้องการแบบนั้นหรือ ... ผมพยายามทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุดนั่นแหละ ถึงแม้ว่าจะมีคนโจมตี ว่าอะไรต่างๆ ผมไม่โกรธ และโกรธไม่ได้ เพราะผมทำให้เขาถูกใจไม่ได้ทั้งหมด แต่ผมจำเป็นต้องทำเพื่อคนส่วนใหญ่ ให้มากที่สุด ก็ถ้ามีโอกาสก็ทำต่อไป ไม่มีโอกาส ก็กลับบ้านนอนเท่านั้นเอง ...
“ลุงตู่” ยังย้ำว่า ใครก็ตามที่หวังจะมานั่งตำแหน่งนายกฯ ก็ขอให้ทำให้สำเร็จเถอะ แล้วเข้ามาแก้ปัญหา ...ผมเองเจอมาหลายร้อยปัญหา และพยายามแก้ ก็มาแก้ให้ได้จริงๆ ก็แล้วกัน จึงขอฝากถึงประชาชนว่า เราต้องเลือกนักปฏิบัติที่ทำงานได้จริง ทำงานได้สำเร็จ มีผลงานปรากฏ ไม่ว่าจะอาชีพใดก็แล้วแต่ ที่ผ่านมาสำเร็จ หรือไม่สำเร็จ ซึ่งเป็นสิทธิ์ของท่าน 1 สิทธิ 1 เสียงอยู่แล้ว...
ช่วงเดินออกจากโพเดียม นักข่าวได้ยินนายกฯพึมพำกับตัวเองว่า...กลับบ้านนอน!!