xs
xsm
sm
md
lg

แตะ “อุ๊งอิ๊ง” จุดอ่อน “โทนี่” ดิ้นพล่าน !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร - แพทองธาร ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

แน่นอนว่า การเป็นพ่อแม่เกือบทั้งหมด ย่อมต้องรักลูก และปกป้องลูกในทุกทาง ไม่เว้นแม้กระทั่งในเรื่องการเมือง อย่างไรก็ดี สำหรับ นายทักษิณ ชินวัตร หรือชื่อฝรั่งว่า “โทนี่ วู้ดซั่ม” อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษหลบหนีคดีทุจริตในต่างประเทศ ที่ล่าสุด ได้ออกมากล่าวปกป้อง ลูกสาวคนเล็ก คือ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ถูกมองว่าเขาผลักดันให้ลงสู่สนามการเมือง และเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ในอนาคตอันใกล้นี้ โดยเขาได้กล่าวตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามที่วิจารณ์เรื่องนี้อย่างรุนแรง

นายทักษิณ ชินวัตร ได้ใช้โอกาสดังกล่าวในระหว่างการสนทนาใน “กลุ่มแคร์ คิดเคลื่อนไทย” ทางสื่อโซเชียลฯ ที่เป็นกลุ่มการเมืองในเครือข่ายของเขา เมื่อสองสามวันก่อน หลังจากที่ น.ส.แพทองธาร ถูกวิจารณ์และถูกมองแบบฟันธงว่าเป็นทายาทการเมือง เพื่อได้รับการผลักดันเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป และมีเป้าหมายสำคัญ ก็คือ “พากลับบ้านแบบไม่มีความผิด”

แน่นอนว่า การเปิดตัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันก่อน ให้เป็น “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” เป็นการวางแผน จัดวางไว้แล้ว และเป็นก้าวแรกก่อนที่จะมีขั้นตอนเสนอให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งแทบทุกคนกล้าฟันธงแบบ “ขี้หมากองเดียว” ว่า ใช่แน่ๆ

ขณะเดียวกัน นั่นก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ น.ส.แพทองทา ตกเป็นเป้า ถูกจับตามองทางการเมือง กลายเป็น “เรื่องร้อนแรง” ขึ้นมาทันที โดยเฉพาะจุดโฟกัสไปที่การต่อต้านการกลับมาของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฝัน “อยากกลับมาอย่างเท่ๆ” ความหมายก็คือ ไม่ต้องรับผิดใดๆ หรือได้รับการลบล้างความผิดทั้งหมดจากการที่คนในครอบครัวของตัวเองมีอำนาจรัฐหรือไม่ และหวังจะได้เงินที่ถูกศาล “สั่งยึดทรัพย์กว่าสี่หมื่นล้านบาทคืนมา” อะไรประมาณนี้

กลายเป็นว่า การผลักดันลูกสาวซึ่งเป็นคนในครอบครัวของนายทักษิณ ชินวัตร ขึ้นมาครั้งนี้ มีหลายแง่มุมที่ถูกพูดถึง นั่นคือ ด้านหนึ่งทำให้ พรรคเพื่อไทยอาจจะไม่แตกฉานซ่านเซ็น หรือ “เลือดไหลออก” มากนัก เพราะการเคลื่อนไหวแบบนี้ย่อมเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนแล้วว่า “เขาลงทุนจริง” เพราะอาจเป็นการลงทุนครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้ และทำให้ความฝันของเขาเป็นไปได้อีกครั้ง เพราะหากพิจารณาตามความเป็นจริง ก็ต้องถือว่า น.ส.แพทองทา ชินวัตร เป็นทายาทโดยตรง ที่ต้องนำมาเสี่ยง แทนที่จะเป็น “ลูกชายคนโต” คือ “โอ๊ค” นายพานทองแท้ ชินวัตร เหมือนธุรกิจครอบครัวอื่นๆ ซึ่งจะด้วยเหตุผลอะไรนั้น เชื่อว่าหลายคนก็มองออก เพียงแต่วันนั่นเป็นเหตุผลภายในของพวกเขาไม่จำเป็นต้องสืบเสาะ

ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งอย่างที่บอกแล้วว่า มันก็กลายเป็น “เรื่องร้อน” ขึ้นมาทันที เพราะเธอจะตกเป็นเป้า เป็นจุดโฟกัสขึ้นมาอีกครั้ง เรื่องราว ข่าวอื้อฉาวเก่าก็จะผุดขึ้นมาซ้ำๆ อีก เช่น เรื่อง “ข้อสอบรั่ว” ในอดีต กลายเป็นภาพจำไปทั้ง “พ่อทั้งลูก” รวมไปถึงเรื่องอื้อฉาว ในคดีทุจริตที่ควบคู่มากับครอบครัวนี้มาตลอด และที่สำคัญ คำถามก็คือ คำว่า “ประชาธิปไตยหมายความแค่การเลือกตั้ง” อย่างนั้นหรือไม่ เรื่องแบบนี้จะต้องกลับมาถามซ้ำกันอีก เพราะ นายทักษิณ ชินวัตร ที่มักย้ำในเรื่องประชาธิปไตย แต่แบ็กกราวนด์มักใกล้ชิดกับ “เผด็จการ” อยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งต้นตอความร่ำรวยในวันนี้

ที่น่าสนใจก็คือ คำพูดล่าสุดของ นายทักษิณ ชินวัตร ในเครือข่าย “กลุ่มแคร์” ที่มีเจตนาเปิดช่องให้เขาอธิบายถึงบทบาทของลูกสาวคนเล็กของเขา แต่ขณะเดียวกัน มันก็กลายเป็นการเผยให้เห็นถึงจุดอ่อนของเขาอีกครั้งเมื่อใครก็ตามที่วิพากษ์วิจารณ์คนในครอบครัวเขา ดังจะสังเกตเห็นจากคำพูดต่อไปนี้

“แพทองธาร ติดตามผมมาตั้งแต่เด็ก หัวใจประชาธิปไตยเต็ม 100 และพยายามเอาแนวทางเทคโนโลยีมาเสริมให้พรรคเพื่อไทย ไม่ได้คิดจะเป็นนักการเมืองและเป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ยังไม่รู้เล่นการเมืองหรือแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ แต่เขาจะใส่ความคิด

“เขาบอกผมว่า เขาจะพูดเรื่องงานที่ได้รับมอบหมายไป 6 เดือน เขาจะแนะนำพรรคเพื่อไทยตามแนวคิดเด็กรุ่นใหม่ สมมติ ผมคิดว่าไม่ง่าย เพราะในพรรคจะต้องคิดว่าเสนอนายกฯ เป็นใคร หากเกิดแพทองธารเป็นแคนดิเดตนายกฯ แล้วเกิดประชาชนเลือกมาได้เป็นจริง หากกลัวจะมีชะตากรรมเหมือนผมและปู ผมต้องถามประชาชน 16 ปี ช้ำพอหรือยัง ระบบพังไป เศรษฐกิจพัง ครอบครัวพังไป เป็นหนี้เป็นสินจากการล้มลุกคลุกคลานจากรัฐประหาร ถ้ามีอีกทีก็ไม่เป็นไร ผมมีบ้านหลายประเทศ ถ้าประชาชนเข็ด นักปฏิวัติก็ไม่มี ลงมากระทืบทีเดียวจบหมด ถ้าประชาชนพร้อม บ้านเมืองช้ำเยอะ ลูกหลานจะติดยาเสพติด อนาคตไม่มี พวกคุณทำอะไรเฮงซวยฉิบหาย เข็ดหรือยัง อย่าไปเชื่อพวกหน้าด้านออกไปเย้วๆ”

ผมแล้วแต่ลูก การไปกับผมแล้วเห็นผมช่วยเหลือชาวบ้าน และลูกอยากทำสานเจตนารมณ์ของพ่ออยากให้ชาวบ้านหายความยากจนจริงๆ อยากจะทำต่อเป็นเรื่องของลูก ผมเป็นพ่อที่รักลูกให้ความอบอุ่นกับลูก และพร้อมปกป้องลูก ไม่มีปัญหาครับ เครื่องบินส่วนตัวก็มี บ้านอยู่ หลายประเทศบินมาปุ๊บ สบาย ไม่เคยกลัว ดังนั้น อย่ามาขู่ เรื่องกลัว ไม่มีกลัว แต่เหมาะสมหรือไม่มีความสามารถแล้วยังทำให้บ้านเมือง

จากคำพูดและท่าทีดังกล่าว ของ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นทั้งพ่อ และถูกมองว่า เป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย ย่อมไม่ใช่เรื่องผิดที่เขาออกมาปกป้องลูกของเขา ซึ่งอีกด้านหนึ่งมันก็คือการปกป้องตัวเองอีกด้วย แต่ขณะเดียวกัน ก็ได้เห็นถึง “จุดอ่อน” ออกมาได้อย่างชัดเจน ทำนองว่า “ลูกข้าใครอย่าแตะ” แต่อีกด้านหนึ่งมันจะยิ่งกลายเป็นจุดโฟกัสให้เกิดการ “รวมศูนย์ต้าน” ขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนกับในเวลานี้เริ่มมีการเคลื่อนไหวให้เห็นภาพกันแล้ว

แต่ขณะเดียวกัน มันก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อมันเป็นทางเลือกสุดท้ายเหมือนกับเป็นการทุ่มทุนและเสี่ยงครั้งสุดท้ายแล้ว ก็ต้องลุยเต็มที่ เพราะหากพลาดเที่ยวนี้ ก็จะดับฝันไปชั่วชีวิต แม้ว่าการเสี่ยงครั้งนี้จะชักนำ “ชะตาของลูก” ตัวเองพลิกผันไปด้วย มันก็ต้องทำ ส่วนใครจะว่าโหดร้ายนั้น ก็อีกเรื่องหนึ่ง !!



กำลังโหลดความคิดเห็น