xs
xsm
sm
md
lg

“ซิโน-ไทย” งง! ถูกจับแพ้ฟาวล์ ขาดคุณสมบัติ ประมูลงานโรงประปามหาสวัสดิ์ ฮีดสู้ยื่นอุทธรณ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ภาคภูมิ ศรีชำนิ” กรรมการผู้จัดการบริษัท ซิโน-ไทย ฮึดสู้กู้ศักดิ์ศรี ปม ถูกจับแพ้ฟาวล์สุดงง ปมประมูลงานขยายโรงประปามหาสวัสดิ์

ความคืบหน้ากรณีการประมูลโครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างขยายกำลังการผลิตน้ำที่โรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ มูลค่าราคากลาง 6,526.97 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2564 ซึ่งบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด และ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ที่เสนอราคาต่ำสุด เป็นอันดับ 1-2 ถูกตัดสิทธิการประมูล โดยให้ผู้ซึ่งเสนอราคาสูงที่สุดชนะการประมูลไปนั้น คณะกรรมการอ้างว่า ทั้ง 2 บริษัท “ขาดคุณสมบัติ” ตามประกาศประกวดราคาข้อ 11 และเอกสารประกวดราคาจ้าง ข้อ 2.11 ที่ระบุว่า ผู้เข้าร่วมประมูลต้องมีผลงานก่อสร้างระบบผลิตน้ำประปาไม่น้อยกว่า 100,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน วงเงินไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งทางคณะกรรมการ แจ้งว่า กำลังการผลิตน้ำประปาข้างต้น หมายถึงกำลังผลิตสุทธิ ต้องไม่นำตัวเลขปริมาณน้ำสูญเสียเข้ามารวมด้วย ต่อมา ทั้ง 2 บริษัท ได้ยื่นหนังสืออุทธรณ์ไปแล้ว

วันนี้ ( 21 มี.ค.) นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า ทางบริษัทได้ส่งเรื่องอุทธรณ์ไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งตามเกณฑ์กำหนด ที่การประปานครหลวง (กปน.) จะต้องดำเนินการ คือ กปน. จะวินัจฉัยเองก่อน ซึ่งใช้เวลา 7 วัน คาดว่า น่าจะวินิจฉัยเสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เราอุทธรณ์ เรื่องจะส่งกลับมาที่บริษัท แต่ถ้าไม่เห็นด้วย เรื่องจะส่งไปที่ กรมบัญชีกลางเพื่อให้คณะกรรมการวินิจฉัย พิจารณา ใช้เวลาพิจารณา 30 วัน โดยสามารถขยายเวลาได้ 2 ครั้ง ถึงตอนนี้ คิดว่า น่าจะอยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการในชั้นนี้

ประเด็นของเรื่องดังกล่าว คือ โดยปกติการที่เราจะประมูลงาน เราต้องมั่นใจแล้วว่า เรามีคุณสมบัติ และผลงานครบถ้วนตรงตาม TOR ส่วนผลการประมูลจะออกมา แพ้ ชนะ นั้นไม่สำคัญ ในวันที่ผลประกาศราคาต่ำสุดออกมาแล้วไม่ใช่เรา เราก็ไม่รู้สึกอะไร เป็นธรรมดาของการประมูลงานที่ถ้าเราไม่ได้ประมูลด้วยราคาที่ต่ำที่สุด ก็จะไม่ได้รับงาน แต่ปัญหาที่เราข้องใจ คือ เมื่อมีการเรียกให้เราเข้าไปชี้แจงคุณสมบัติ ปรากฏมีการแจ้งมาภายหลัง ว่า บริษัทขาดคุณสมบัติในการเข้าประมูลงาน ซึ่งเราคิดว่าเรามีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อกำหนด TOR ซึ่งแบบนี้เราคิดว่าไม่ถูกต้อง และเราได้ชี้แจงรายละเอียดตามหนังสืออุทธรณ์ไปแล้ว

“มันไม่เกี่ยวกับแพ้ชนะ แต่เราต้องการชี้แจง และอธิบายหลักฐานคุณสมบัติของเรา เพราะอย่าลืมว่า มีบริษัทที่เสนอราคาต่ำกว่าเรา และยื่นอุทธรณ์เช่นกัน เราไม่ได้อุทธรณ์เพื่อต้องการเป็นผู้ชนะการประมูลในครั้งนี้ แต่เราทำเพื่อความถูกต้องและขอความเป็นธรรมเท่านั้น และสิ่งที่เราทำนั้นยังจะสามารถทำให้ภาครัฐ ประหยัดงบประมาณลงได้ อีกทั้งการที่มีการเผยแพร่ไปยังสาธารณชนตามสื่อต่างๆ อาจทำให้มองดูว่า บริษัทมีเจตนาไม่ดี หรือขาดความเป็นมืออาชีพในการเข้าประมูลงาน ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง รายละเอียดอยู่ในหนังสืออุทธรณ์ทั้งหมด”

สำหรับหนังสืออุทธรณ์ของซิโน-ไทย แบ่งเป็น 4 ประเด็น คือ ประกอบไปด้วย 1. ตามประกาศประกาดราคาข้อ 11 และเอกสารประกวดราคาจ้าง ข้อ 2.11 ที่ถูกอ้างถึง และถูกถือเป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอ ไม่ได้มีการกำหนดไว้ถึงเรื่องการ “รวมหรือไม่รวมปริมาณน้ำสูญเสีย” ไว้ด้วยแต่ประการใด หาก กปน.จะหยิบยกเรื่องการรวมหรือไม่รวมปริมาณน้ำสูญเสีย มาเป็นข้อจำกัดเพิ่มเติมขึ้นอีก เพื่อตีความคุณสมบัติของผู้เสนอราคา ก็ย่อมเป็นการผิดแผกไปจากเนื้อความแห่งประกาศประกวดราคาข้อ 11 และเอกสารประกวดราคาจ้าง ข้อ 2.11 เพราะถือเป็นการตั้งเงื่อนไขขึ้นมาใหม่ โดยที่ไม่ได้มีการกำหนดนิยามไว้ตั้งแต่แรก เพื่อหวังจะตัดสิทธิผู้เข้าประกาดราคาบางราย และเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

2. การนำ “กำลังการผลิตสุทธิที่ 800,000 ลูกบาศก์เมตร” อันเป็นความต้องการของงานที่จะจัดจ้าง มาตีความ “ผลงาน 100,000 ลูกนาศก์เมตรต่อวัน” ที่บริษัทฯ ใช้ยื่นเป็นคุณสมบัติ ถือเป็นการหลงประเด็น จากการนำสเปกงานที่ต้องการจัดจ้างในอนาคตของตนเอง มาปะปนกับคุณสมบัติทางด้านประสบการณ์ที่ตนเองตั้งเงื่อนไขไว้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งตามประกาศประกาดราคาข้อ 11 และเอกสารประกวดราคาจ้าง ข้อ 2.11 กำหนดไว้แต่เพียงว่า “มีผลงานก่อสร้าง ขนาดไม่น้อยกว่า 100,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน” ประเด็นพิจารณาในที่นี้ จึงต้องดูจากประสบการณ์ที่ผ่านมา โดยไม่นำลักษณะความต้องการของผลงานที่จะจัดจ้างมาปะปนกัน การใช้ความต้องการในอนาคตของตนเองมาตีความผลงานที่บริษัท ใช้ยื่นเป็นคุณสมบัติเช่นนี้ จึงไม่ถูกต้องและไม่ตรงกับเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติเนื้องต้นในเอกสารประกาดราคา เล่ม 3/8 ที่กำหนดเพียงว่า “ขนาดไม่น้อยกว่า 100,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน” เช่นกัน

3. หลังจากรับทราบคำกล่าวอ้างของ กปน. ที่อ้างว่ามีหนังสือจากเทศบาลนครนครราชสีมามาชี้แจงเพิ่มเติมในเรื่องนี้ไว้ บริษัทได้สืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม พบว่า เทศบาลนครนครราชสีมา มีหนังสือแจ้งข้อมูลเรื่องนี้ไว้ 2 ฉบับ ซึ่งทั้งสองฉบับมีเนื้อความไปในทางสนับสนุน ว่า ผลงานก่อสร้างโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เทศบาลนครนครราชสีมา ตามสัญญาจ้างเลขที่ 3/2550 ที่ถูกนำมาใช้ยื่นเป็นประสบการณ์มีความสอดคล้องกับประกาศประกวดราคาข้อ 11 และเอกสารประกวดราคาจ้าง ข้อ 2.11 แล้ว กล่าวคือ หนังสือชี้แจงข้อมูลจากเทศบาลนครนครราชสีมา ที่ นม 52005/418 ลงวันที่ 19 ม.ค. 2565 ชี้แจงว่า เป็นปริมาณซึ่ง “มีกำลังการผลิตน้ำที่รวมปริมาณน้ำสูญเสียไว้ด้วยตามข้อกำหนดไว้ในสัญญา” อันหมายความว่า หลังจากผ่านการคิดคำนวณเรื่องน้ำสูญเสียเสร็จแล้ว ปริมาณการผลิตจริงที่ทำได้ ก็ยังเป็น 100,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันตามหนังสือรับรองผลงานก่อสร้างที่ออกให้ และหนังสือชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมจากเทศนาลนครนครราชสีมา ที่ นม 52005/550 ลงวันที่ 26 ม.ค. 2565 ก็ได้แจกแจงเพิ่มเติมว่า “ไม่ปรากฏข้อมูลว่าขนาดกำลังการผลิตน้ำประปา 4,400 ลบ.ม./ชม. เป็นขนาดกำลังการผลิตน้ำประปาที่จ่ายออกจวกโรงงานผลิตน้ำประปา หรือกำลังการผลิตน้ำที่รวมปริมาณน้ำสูญเสียไว้ด้วย” ซึ่งหมายความว่า หากจะวัดกันโดยลงไปดูรายละเอียดถึงหน่วยชั่วโมงตามสัญญา จะสามารถทำได้ถึง 105,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน (มาจาก 4,400 x 24) และตามสัญญาก็ไม่ได้บอกด้วยว่ามีปริมาณน้ำสูญเสียแต่อย่างใด กปน. ซึ่งมิใช่เจ้าของโครงการงานแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคนริโภคเทศบาลนครนครราชสีมา จึงไม่มีอำนาจบิดเบือนข้อความในเอกสารราชการ หรืออนุมานเอาเองว่า โครงการของเทศบาลนครนครราชสีมาที่ถูกใช้ยื่นเป็นคุณสมบัตินี้ มีปริมาณน้ำสูญเสียเกิดขึ้นเท่าใด และไม่ว่าจะมีปริมาณน้ำสูญเสียเกิดขึ้นหรือไม่ ก็ต้องรับฟังว่า ผลงานก่อสร้างโครงการของเทศบาลนครนครราชสีมา สามารถทำกำลังผลิตได้ 100,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ตามหนังสือรับรองผลงาน มิฉะนั้น ก็จะเป็นการตีความที่ผิดแผกไปจากเอกสารโดยสิ้นเชิง

4. ที่ กปน. อ้างว่า ในชั้นออกแบบ ถูกออกแนบให้ผลิตน้ำประปาได้ 4,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง (96,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน) เป็นการรับฟังจากเอกสารที่เก่าเก็บ ล้าสมัย เนื่องจากถูกทำขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2542 และเป็นเอกสารระหว่างผู้ออกแบบกับกรมโยธาธิการ จึงไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเทศบาลนครนครราชสีมา ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างตามโครงการที่บริษัทใช้ยื่นเป็นคุณสมบัติ โดยโครงการจากเทศบาลนครนครราชสีมานี้ ได้ถูกนำมาทำสัญญาจัดจ้างในปี พ.ศ. 2550 และดำเนินการก่อสร้างเสร็จสิ้นในปี พ.ศ. 2559 คิดเป็นระยะเวลาห่างจากขั้นตอนออกแบบถึง 17 ปี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แบบก่อสร้างจะถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้มีปริมาณการผลิตมากขึ้น ซึ่งผู้รับจ้างก็ได้ทำงานอย่างถูกต้องตามสัญญา จนงานมีกำลังการผลิตน้ำประปา 4,400 ลบ.ม./ชม. แล้ว ถึงผ่านการตรวจรับงานแล้วเสร็จมาได้

กปน.จึงต้องรับฟังจากหนังสือรับรองผลงานก่อสร้างของเทศบาลนครนครราชสีมา และเอกสารมาตรฐานการก่อสร้างเล่ม 1/2 โครงการของเทศบาลนครนครราชสีมา ซึ่งเป็นเอกสารจากหน่วยงานของรัฐที่ใหม่กว่า และถูกจัดทำขึ้นภายหลังขั้นตอนการออกแบบแล้วเสร็จ โดยเทศบาลนครนครราชสีมา ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการและเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงในฐานะผู้ตรวจรับงานก่อสร้างได้จัดทำขึ้นเป็นสำคัญ

นอกจากนี้ ผู้ออกแบบ (บริษัท โปรเกรส เทคโนโลยี คอนซัลแท็นส์ จำกัด) ในโครงการที่บริษัทฯใช้ยื่นเป็นคุณสมบัติ ก็มีการนำเสนอผลงานอยู่บนเว็บไซต์ http://progress.co.th/html.th.MWTP/references_30WTP.html ของตนเอง โดยระบุว่า “ระบบผลิตบ้านใหม่หนองบอน : ระบบกรองเร็ว ขนาดกำลังผลิต 4,4000 ลบ.ม./ชม.” แสดงให้เห็นว่า โครงการดังกล่าว.ผ่านการปรับปรุงแก้ไขแบบใหม่ เพื่อให้ผลงานก่อสร้างมีความสามารถในการผลิตน้ำมากขึ้นกว่าแบบในช่วงปี พ.ศ. 2542 แล้ว อันส่งผลให้ผลงานที่สร้างแล้วเสร็จและส่งมอบแก่เทศนาลนครนครราชสีมา สามารถทำการผลิตน้ำประปาได้ถึง 105,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน

เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงเช่นนี้แล้ว หากการประปานครหลวง ยังคงดึงดันจะรับฟังว่า ผลงานนี้ผลิตน้ำประปาได้ไม่ถึง 100,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ก็จะขัดแย้งกับบรรดาเอกสารทั้งปวงที่บริษัท ได้นำเสนอให้ท่านได้พิจารณามา ณ ที่นี้ และเป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย บริษัท จำต้องขออุทธรณ์ผลการพิจารณาดังกล่าว ขอท่านโปรดดำเนินการพิจารณาเปลี่ยนแปลงคำสั่งทางปกครองที่ไม่ถูกต้องดังกล่าว และแจ้งผลการพิจารณากลับมายังบริษัทด้วย ขณะที่ หนังสืออุทธรณ์ของทาง บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ชี้แจง 2. ประเด็น คือ 1. บริษัทเป็นผู้เสนอราคาที่มีคุณสมบัติ ตามประกาศประกวดราคาจ้างของ กปน. มีผลงานการก่อสร้างระบบประปามาตรฐานของ การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ที่มีขนาดตั้งแต่ 500-5,000 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง และผลงานจ้างเหมาก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาคสาขาสุราษฎร์ธานี ตามสัญญาเลขที่ กจห. 24/2556 ลงวันที่ 11 เม.ย.2556 ซึ่งเป็นผลงานประเภทเดียวกันกับผลงานที่กำหนดไว้ในประกาศประกวดราคาข้อที่ 11 ตามข้อเท็จจริงที่ระบุไว้ในหนังสือรับรอง

โดยทางบริษัทมีข้อสงสัยว่า “ตามระเบียบของกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ข้อ 55(2) กำหนดหลักกฎหมายไว้ว่า ในกระบวนการพิจารณาผลการประกวดราคา คณะกรรมการพิจารณาฯ อาจสอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากผู้ยื่นข้อเสนอรายใดก็ได้ ดังนั้น หาก กปน. พิจารณาเอกสารแล้ว เกิดข้อสงสัย ควรต้องเรียกให้บริษัทนำส่งเอกสารชี้แจงเพิ่มเติม

“ในการประกวดราคาครั้งนี้ มีมูลเหตุอันควรสงสัยที่ กปน. ควรจะต้องเรียกเอกสารชี้แจงเพิ่มเติม เนื่องด้วยบริษัทเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด การที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังในข้อดังกล่าว เป็นเหตุให้ กปน.เสียประโยชน์จากการที่ไม่ได้ผู้เสอนราคาต่ำสุด และมีคุณสมบัติครบถ้วน”

สำหรับ การประมูลโครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างขยายกำลังการผลิตน้ำที่โรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ฯ ของ กปน. เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2564 มีเอกสารมายื่นเสนอราคา 5 ราย ผลปรากฏว่า บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เสนอราคาต่ำสุด 6,150 ล้านบาท อันดับ 2 บมจ.ซิโน-ไทยฯ เสนอราคา 6,195.3 ล้านบาท และอันดับ 3 ITA Consortium (บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) และบริษัท อาควาไทย จำกัด) เสนอราคา 6,460 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น