MGR Online - ดีเอสไอ เข้าค้นตัดวงจรเครือข่ายฮั้วประมูล พื้นที่ 3 จังหวัดในภาคอีสาน พบพิรุธหลายโครงการจ้างก่อสร้างอาคารไปรษณีย์ เตรียมขยายผล
วันนี้ (19 มี.ค.) นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ มอบหมายให้ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผู้อำนวยการกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พร้อมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน 4 เป้าหมาย ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ อุดรธานี และ ศรีสะเกษ
ในคดีพิเศษที่ 53/2564 กรณีการฮั้วประมูลประกวดราคาจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการไปรษณีย์ในพื้นที่ต่างๆ ที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน (วงเงินงบประมาณรวม 67,709,000 บาท) ซึ่งมีมูลเป็นความผิดฐานตกลงร่วมกันในการเสนอราคา เพื่อวัตถุประสงค์ที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้หนึ่งผู้ใดเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญา กับหน่วยงานของรัฐโดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม หรือโดยการกีดกัน มิให้มีการเสนอสินค้าหรือบริการอื่นต่อหน่วยงานของรัฐ หรือโดยการเอาเปรียบแก่หน่วยงานของรัฐ อันมิใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 4, มาตรา 5
นายไตรยฤทธิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีภาคเอกชน และประชาชน แจ้งเบาะแสมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่า มีกลุ่มขบวนการจัดฮั้วประมูลในระบบประกวดราคาด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-bidding โดยจัดฮั้วประมูล ในโครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการไปรษณีย์ในพื้นที่ต่างๆ จำนวนหลายโครงการมีข้อพิรุธ คือ กลุ่มนิติบุคคลในขบวนการที่เป็นผู้ชนะการเสนอราคา สามารถทราบข้อมูลเกี่ยวกับหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อของผู้ซื้อเอกสารประกวดราคา ผู้ยื่นเสนอราคาเกือบทุกราย และมีการติดต่อให้สมยอมราคา ถ้าไม่เข้าร่วมสมยอมราคา กลุ่มนิติบุคลในเครือข่ายก็สามารถชนะการประกวดราคาได้ โดยจะเสนอราคาเป็นรายสุดท้าย และต่ำกว่ารายที่เสนอราคาต่ำสุดเพียงเล็กน้อย
นายไตรยฤทธิ์ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พบพฤติการณ์ดังกล่าวในหลายโครงการ โดยตรวจสอบจากข้อมูลการติดต่อสื่อสาร การทำธุรกรรมทางการเงิน และร่องรอยพยานหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงได้ขอหมายค้นต่อศาลอาญา เพื่อเข้าตรวจค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมในการเชื่อมโยงหาเครือข่ายขบวนการในการฮั้วประมูล และใช้ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด
“ผลการตรวจค้นพบ บัญชีธนาคารของผู้เกี่ยวข้องจำนวนหลายราย มีวงเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท เอกสารเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างโครงการจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการไปรษณีย์ ที่เกี่ยวข้องและเอกสารในโครงการอื่นๆ รายชื่อผู้ร่วมดำเนินการ เอกสารหลักฐานการรับ-จ่ายเงินค่าฮั้วประมูล ข้อมูลเอกสารคู่เทียบงานประกวดราคาโครงการต่างๆ ในระบบคอมพิวเตอร์ โดยกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐได้ดำเนินการยึดอายัด เพื่อนำมาตรวจสอบและจะเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคล นิติบุคคล ผู้กระทำความผิด โดยจะมีการขยายผลต่อไป”
นายไตรยฤทธิ์ กล่าวต่อว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีความมุ่งมั่นในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ตามกรอบอำนาจหน้าที่ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน พร้อมทุ่มเททรัพยากรและบูรณาการการปฏิบัติงานเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ทั้งกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ