“บิ๊กตู่” มอบรางวัลเชิดชูเกียรติ อสม.ดีเด่น ยกย่องเป็นนักรบด่านหน้า พลังสำคัญดูแลด้านสุขภาพ ชี้ ประเทศไทยจะอยู่รอดด้วยความสามัคคี ทำงานเป็นทีม นายกฯไม่สามารถทำสำเร็จได้คนเดียว
วันนี้ (18 มี.ค) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านดีเด่น เนื่องในวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2565 โดย นายกฯ กล่าวว่า สำหรับรางวัลในวันนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจ คงไม่ใช่เฉพาะตัวเอง แต่กับครอบครัว บุตรหลาน ภูมิใจไปกับเราด้วยในการทำงานอย่างเสียสละและมีความเสี่ยงสูงโดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจุบัน จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อสังคมโลกในปัจจุบันนั้น ประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆที่บริหารจัดการวิกฤตการณ์นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตนมีโอกาสกล่าวถึงสาเหตุของความสำเร็จในการบริหารจัดการในเวทีนานาชาติหลายเวที ชี้แจงให้เห็นว่าเรามีกลไกสำคัญที่สุด คือ อสม. ซึ่งแรกๆเขาไม่เข้าใจว่าคืออะไร ถามว่าใช่แพทย์หรือพยาบาลหรือไม่ ซึ่งตนได้ชี้แจงว่าไม่ใช่แต่เป็นประชาชนของเราที่ได้รับการฝึกอบรม อาสาสมัครที่ทำงานด้วยใจ ด้วยความรักพี่น้อง รักคนไทยด้วยกัน เสียสละกันช่วยทำงานนี้ ซึ่งเขาก็ทึ่ง อยากจะมีเหมือนกัน ตนก็ยินดีให้คำแนะนำหากจะส่งคนมาฝึกหัด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ท่านเป็นนักรบด่านหน้าของเรา ต้องขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง อะไรที่ดูแลได้ขอให้แจ้งรัฐบาลจะดูแลอย่างเต็มที่ ขอให้เข้าใจว่าเมื่ออะไรดีขึ้นก็จะสามารถดูแลได้ในวันข้างหน้า วันนี้ก็ขอให้ทำงานด้วยใจ ตนยืนยันจะดูแลให้ดีที่สุด ทั้งนี้ การที่เรามี อสม.ที่เข้มแข็งและทุ่มเท คงไม่ใช่เราชมตัวเราเองหรือเพื่อนเราชมเรา แต่เป็นเรื่องที่องค์การอนามัยโลกเห็นพ้องด้วยในเรื่องเหล่านี้ และกล่าวชื่นชม อสม.ของเราที่เป็นพลังสำคัญในการจัดการปัญหาทางด้านสุขภาพ ปัจจุบันถึงแม้จะมีสถานการณ์โควิดเป็นเวลานานเป็นปีๆที่ผ่านมา ตนก็ยังคงเชื่อมั่นในระบบบริการสาธารณสุขของไทย บุคลากรทางสาธารณสุข รวมถึงพี่น้อง อสม.ทุกท่านที่มีความพร้อมในการรับมือวิกฤตที่เกิดขึ้นอย่างเช่นที่ผ่านมา สิ่งสำคัญ เราต้องยึดถือความปลอดภัยของคนในชาติเป็นสำคัญ ส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพดี วิธีใหม่ และพร้อมรับในการเปิดประเทศหรือการพัฒนาประเทศในอนาคต วันข้างหน้ารัฐบาล และตนเองก็ได้วางนโยบายหลายอย่างด้วยกันในการปฏิรูปประเทศให้เติบโตทัดเทียมกับนานาประเทศในด้านต่างๆ และเราเป็นประเทศที่ได้รับความสนใจจากต่างประเทศ ถือเป็นประเทศเป้าหมายหลักในการลงทุน เพราะประเทศไทยสงบสุขร่มเย็น มีการดูแลอย่างดียิ่งจากบุคคลากรทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน สิ่งเหล่านี้คือศักยภาพความพร้อมของเรา ไม่ว่าด้วยจิตใจที่เราเปิดกว้างเป็นเจ้าภาพที่ดี กิริยามารยาทเรียบร้อย อาหารอร่อย ที่ท่องเที่ยวเยอะๆ เป็นทรัพยากรที่เรามีอยู่แล้ว จะเห็นได้ว่าเราทุมเทแรงกายแรงใจในการดูแลสุขภาพคนไทยมาโดยตลอด ทั้งนี้ หากเทียบสัดส่วนของหมอ แพทย์ พยาบาล เมื่อเทียบสัดส่วนประชาชนก็ยังไม่มากนัก แต่เรามี อสม.มาช่วย
“การจัดงานในวันนี้ถือเป็นการขอบคุณและฝากคำขอบคุณไปถึง อสม.คนอื่นๆ ด้วย ว่าเราตระหนักถึงคุณค่าและความดีของท่านที่เข้ามาทำงานด้วยจิตอาสาในการดูแลสุขภาพ เชื่อมประสานระหว่างประชาชน ชุมชน และเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี และเป็นโอกาสในการยกย่องชื่นชม อสม.ในระดับชาติ คนเหล่านี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆต่อไปด้วย และอยากจะฝากหน้าที่ ไหนๆก็ไปดูแลโรคและคนเจ็บ ฝากสร้างความเข้าใจการเข้าถึงบริการของภาครัฐไปด้วย ถือว่านอกจากทำงานด้านนี้ก็ทำงานเพื่อสังคมไปด้วย ขอขอบคุณทุกท่านและเป็นกำลังใจให้ทุกคน ไม่มีงานใดสำเร็จได้ด้วยคนๆ เดียว นายกฯไม่สามารถทำงานสำเร็จได้คนเดียว ต้องเป็นทีมงานอย่างที่เราทำกันอยู่ทุกวันนี้ ด้วยความรักความสามัคคี ความเห็นชอบร่วมกันในการทำงาน ประเทศไทยจะอยู่รอด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการกล่าวเปิดงานและมอบนโยบายครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ มีน้ำเสียง สีหน้าอิดโรยและไอเป็นบางช่วง