“พรรคเศรษฐกิจไทย” ส่งเสริมสนับสนุนการปรับปรุงที่อยู่อาศัย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนผู้ยากไร้และด้อยโอกาส
ส.ส.ไผ่ ลิกค์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกำแพงเพชร เขต 1 พร้อมด้วยทีมงาน ภายใต้การประสานงานของนายโชคชัย ถมอินทร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลอ่างทอง และ นายประวิทย์ ปะนะตัง ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ได้ดำเนินการลงพื้นที่เข้าพบและเยี่ยมเยือน พร้อมทั้งสำรวจชีวิตความเป็นอยู่และความต้องการของพี่น้องประชาชน พบสองยายหลาน มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ไม่สู้ดีนัก อาศัยอยู่ในบ้านมุงสังกะสีสภาพเก่าทรุดโทรม ห้องน้ำผุผัง ไร้รั้วรอบขอบชิด
หลังจากที่ได้พูดคุยเบื้องต้น น้องโฟกัส หลานสาววัย 12 ปี ซึ่งเป็นนักเรียนเรียนดี อยากได้จักรยานคันใหม่ใช้ปั่นไปโรงเรียนแทนคันเดิมที่เก่าใกล้พัง ส.ส.ไผ่ ลิกค์ และทีมงานจึงพาเข้าเมืองเลือกจักรยานคันใหม่ให้ทันที
นางคำตา เหล่าเขตกิจ อายุ 65 ปี ยายของเด็กหญิงธัญญากันต์ เหล่าเขตกิจ (น้องโฟกัส) อายุ 12 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 247/2 หมู่ที่ 4 ตำบลอ่างทอง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ได้บอกว่า บ้านหลังนี้อาศัยอยู่กับหลานมาหลายปีแล้ว พ่อแม่ของเด็กแยกทางกัน ทุกวันนี้ลำบากมาก มีแต่รายได้จากเบี้ยผู้พิการเพียงทางเดียวที่นำมาใช้จุนเจือในครอบครัว โดยสิ่งที่ต้องการสูงสุดคือการสร้างบ้านหลังใหม่ขึ้นมาทดแทนหลังเดิมที่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังพบว่า น้องโฟกัส นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนบ้านทุ่งตาพุก แม้จะอยู่ในครอบครัวที่ด้อยโอกาส แต่กลับมีผลการเรียนที่ดีมาก สอบได้ที่ 1 ของชั้นเรียนมาตลอด น้องโฟกัสมีความต้องการที่อยากจะให้สร้างบ้านใหม่ และอยากได้จักรยานคันใหม่เพื่อใช้ปั่นไปโรงเรียนแทนคันเดิมที่เก่าชำรุด
ส.ส.ไผ่ ลิกค์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกำแพงเพชรเขต 1 รับปากทันที และพาสองยายหลานเข้ามาในตัวเมืองเพื่อเลือกซื้อจักรยานตามใจชอบ เพื่อให้นำไปใช้ประโยชน์ตามความต้องการ สร้างความดีใจให้กับทั้งสองเป็นอย่างมาก โดยน้องโฟกัสใช้เวลาไม่นาน ก็ได้จักรยานคันใหม่ที่ชอบและเหมาะกับการใช้งาน น้องโฟกัสยกมือไหว้กล่าวขอบคุณที่หยิบยื่นสิ่งดีๆให้กับตนเองและครอบครัว พร้อมสัญญาว่าจะตั้งใจเรียนและเติบโตเป็นคนดีของสังคม
ส.ส.ไผ่ ลิกค์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกำแพงเพชร เขต 1 ยังได้กล่าวว่า ทางพรรคเศรษฐกิจไทย มีความตั้งใจที่จะดูแลและสนับสนุนการสร้างบ้านและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้กับพี่น้องประชาชนที่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างลำบากในสังคม โดยเฉพาะครอบครัวนี้ที่มีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยม,พูดคุย และรับทราบปัญหา จึงเป็นโอกาสดีที่จะเป็นการนำร่องในการพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านที่อยู่อาศัยให้เป็นลำดับแรก และจะมีการดำเนินการเช่นนี้ต่อไปอย่างแน่นอน