xs
xsm
sm
md
lg

ไหวมั้ย? “บิ๊กอุ้ย” พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ในวัยใกล้เกษียณ กับคดี “แตงโม” ** “ปองพล” คัมแบ็ก! บิ๊กเนมทายาทราชครู เข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมเป็นนั่งร้านให้ “ลุงตู่”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** ไหวมั้ย? “บิ๊กอุ้ย” พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ในวัยใกล้เกษียณ กับคดี “แตงโม”

คดีการตกเรือจมน้ำเสียชีวิตของดาราสาว “แตงโม” นิดา พัชรวีระพงษ์ ถือเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจ เฝ้าติดตามอย่างมาก
ปมข้อสงสัยต่างๆ ของคดีก่อให้เกิดการค้นหาคำตอบ ชี้เบาะแส จับพิรุธ ไปจนถึงการวิเคราะห์คดีของเหล่าทนายชื่อดัง และถูกนำเสนอผ่านสื่อโซเชียลฯ กลายเป็นกระแสที่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับการทำงานของตำรวจ ถึงกับพูดกันว่า ชาวทวีตยังทำงานมีความคืบหน้าไปมากกว่าตำรวจเสียอีก

ยิ่งการแถลงข่าวความคืบหน้าคดีล่าสุด เมื่อวานนี้ (3 มี.ค.) ที่ สภ.เมืองนนทบุรี ตั้งโต๊ะแถลงข่าวนำโดย “พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร” ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปะชัย รอง ผบช. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผบก.สส.ภ.1 พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จ.นนทบุรี นั้น มีการถ่ายทอดสดของสื่อหลักและโซเชียลฯ มีชาวเน็ตเข้าไปแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์การคลี่คลายคดียิ่งหนักข้อขึ้น ในทำนองแถลงความคืบหน้า แต่ทำไมฟังแล้วเหมือนไม่คืบหน้าอะไรเลย

พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร
ทั้งนี้ “พล.ต.ท.จิรพัฒน์” ผบช.ภ.1 ได้สรุปความคืบหน้าคดี สอบสวนผู้ถูกกล่าวหา-พยานในที่เกิดเหตุและพยานแวดล้อมไปแล้ว 29 ปาก กำลังเรียกตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบเพิ่มเติมอีก 8 ปาก หนึ่งในนั้นคือ โบ TK

ส่วนคำให้การกลุ่มคนบนเรือทั้ง 5 คน ได้บรรจุไว้ในสำนวนคดีเรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้มีผู้ต้องหาอยู่ 2 คน แจ้งข้อหาการกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่หากเจอหลักฐานเพิ่มเติม ก็จะแจ้งดำเนินคดีต่อไป โดยตำรวจยังไม่ตัดประเด็นแรงจูงใจอื่นๆ

ส่วนเรื่องเรือ พฐ.ได้ตรวจสอบเรือสปีดโบ๊ต ไม่พบว่ามีการทำลายหลักฐาน หรือเปลี่ยนแปลงใดๆ ขณะนี้ยึดไว้แล้ว พร้อมกับยืนยันว่า “โรเบิร์ต” ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ คือ ผู้ที่ขับเรือ ในระหว่างที่เกิดเหตุ

สุดท้าย ผบช.ภ.1 ระบุว่า บทสรุปคดีขึ้นอยู่กับหลักฐานและข้อมูลนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเมื่อวาน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้กำชับให้ตำรวจทำงานตอบสังคมได้ในทุกปมประเด็นสงสัย

ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ - วิศาพัช มโนมัยรัตน์

อิศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ - นิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร
เช่นกัน ก่อนนี้ “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” ผบ.ตร. กระโดดลงมาคุมการทำงานของชุดคลี่คลายคดีด้วยตัวเอง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคม แต่ปฏิกิริยาของชาวโซเชียลฯ ดูเหมือนว่า มองการทำงานของตำรวจภาค 1 เจ้าของพื้นที่ผู้รับผิดชอบไปในทางไม่เชื่อมั่นมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านมาถึงตอนนี้

หลายความเห็น มองว่า ตำรวจชุดนี้เหมือนวัยใกล้เกษียณ ทำงานนี้ไม่ไหวก็ขอให้ทีมอื่นที่มีความสามารถเข้ามาทำเถอะ อย่างน้อยก็ช่วยไขข้อข้องใจให้กับประชาชนทั้งประเทศ

สปอตไลต์ เวลานี้จึงจับไปที่ “บิ๊กอุ้ย” พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 อย่างเลี่ยงไม่ได้

สำหรับ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 38 เพื่อนร่วมรุ่น “บิ๊กอู๊ด” พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา อดีต ผบช.น. ที่เพิ่งเกษียณ และยังเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 22 เช่นเดียวกับ “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.

ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์
“บิ๊กอุ้ย” ถือเป็นลูกหม้อนครบาล เคยดำรงตำแหน่ง ผบก.น.9 ก่อนขยับเป็นรอง ผบช.น. มีความรู้ความเชี่ยวชาญแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานคร ก่อนที่เพื่อนอดีต ผบช.น.จะมอบให้รับผิดชอบงานสืบสวนในเวลาต่อมา ซึ่งก็ทำผลงานเข้าตาจนได้รับแรงหนุนจากหลายฝ่ายคาดว่าจะได้นั่ง ผบช.น. แต่ก็ไม่ได้นั่ง ถูกขยับเป็นจเรตำรวจ (สบ8) เทียบเท่าผู้บัญชาการ และ ในวาระโยกย้าย ก.ย. 64 เข้ารับตำแหน่ง ผบช.ภ.1 โดยจะเกษียณในปี 2566
งานนี้ต้องบอกว่า “บิ๊กอุ้ย” เจอคดีที่ต้องแบกรับความกดดันสูงจากกระแสสังคม ถามว่า ไหวหรือไม่ไหว บทสรุปสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ก็ต้องติดตามกันต่อไป



**“ปองพล” คัมแบ็ก! บิ๊กเนมทายาทราชครู เข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมเป็นนั่งร้านให้ “ลุงตู่”

หลังจาก “แรมโบ้” เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ไปสร้างบ้านหลังใหม่ ก่อตั้ง “พรรครวมไทยสร้างชาติไทย” ไว้รอ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากมีเหตุพลิกผันทางการเมือง

ปองพล อดิเรกสาร
จากนั้น “แรมโบ้” ก็ได้ชักชวนสมาชิกจากพรรคพลังประชารัฐ ที่อยู่ในสายเดียวกัน อย่าง “สิทธิศักดิ์ พัฒนชัย” อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 กาฬสินธุ์ รวมทั้ง “ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร” อดีต ส.ส. สระบุรี มาสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ

ล่าสุด “ร.ต.ปรพล” ก็ได้ไปชักชวนให้ “ปองพล อดิเรกสาร” ผู้เป็นบิดา มาร่วมขบวนการสร้างชาติด้วย ... “ปองพล” จึงนับได้ว่าเป็นระดับ “บิ๊กเนม” คนแรกที่มาช่วยเสริมทัพแรมโบ้

หากย้อนประวัติศาสตร์การเมืองไทย ตระกูลการเมืองในอดีต ที่มีอิทธิพลในการกำหนดบทบาท เป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาล ก็คือ “กลุ่มซอยราชครู” ซึ่งนำโดย “ตระกูลชุณหะวัณ” และ “ตระกูลอดิเรกสาร” ซึ่งในระยะหลังคนในแต่ละตระกูลต่างมีเส้นทางการเมืองเป็นของตัวเอง

เสกสกล อัตถาวงศ์
“ปองพล อดิเรกสาร” ชื่อเล่น “ป๊อก” เกิดวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2485 นับถึงวันนี้ก็อายุได้ 80 ปี เป็นบุตรของ “พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร” อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นศิษย์เก่า เซนต์คาเบรียล เป็นอดีต ส.ส.สระบุรี 4 สมัย ตั้งแต่ปี 2526, 2535/1, 2538 และ 2539 สังกัดพรรคชาติไทย

ต่อมาย้ายมาสังกัดพรรคไทยรักไทย ของ “ทักษิณ ชินวัตร” ก็ได้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในการเลือกตั้งปี 2544

เคยได้รับแต่งตั้งเป็น รมว.การต่างประเทศ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นรมว.ศึกษาธิการ และเป็น รองนายกรัฐมนตรี

ต่อมาในปี 2550 พรรคไทยรักไทย ถูกยุบ “ปองพล” ในฐานะกรรมการบริหารพรรค หรือที่เรียกกันว่า “กลุ่มบ้านเลขที่ 111” ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี จึงได้หายหน้าไปจากแวดวงการเมือง ไปโผล่ในแวดวงนักอ่าน นักเขียนแทน

เพราะนอกจากเป็นนักการเมืองแล้ว “ปองพล” ยังเป็นนักเขียน เจ้าของนามปากกา “Paul Adirex” มีผลงานหลากหลายแนว ทั้งนวนิยาย ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ผลงานด้านวิชาการ ด้านสารคดี และยังเป็นพิธีกรผลิตรายการสารคดีท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และถ่ายรูปสัตว์ป่าด้วย

ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร
ในด้านธุรกิจ “ปองพล” เป็นผู้กุมบังเหียนบริษัทเครือ “ทีทีแอล” หรือชื่อเดิมบริษัท ไทยเทยิ่น จำกัด หนึ่งในธุรกิจของ “กลุ่มซอยราชครู” ตั้งแต่ดั้งเดิมเป็นธุรกิจทอผ้า ซึ่งต่อมาเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ด้วยทุนจดทะเบียนปัจจุบัน 150 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจ การให้สินเชื่อเพื่อการค้าและการลงทุน กิจกรรมเกี่ยวกับบัญชีการทำบัญชี และการตรวจสอบบัญชี การให้คำปรึกษาด้านภาษี ... มีคนในตระกูล “บุญ-หลง” “พานิชชีวะ” และ “ศรีเฟื่องฟุ้ง” รวมเป็นผู้ถือหุ้นหลัก

หลังห่างหายไปจากวงการเมืองถึง 15 ปี วันนี้ “ปองพล” ทายาทราชครู ในวัย 80 ปี ได้หวนกลับลงสู่สนามการเมืองอีกครั้ง เพื่อเสริมแกร่งให้พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นนั่งร้านให้ “ลุงตู่” ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ...ส่วนผลงานจะเป็นอย่างไร มีความสำเร็จแค่ไหน ต้องติดตาม




กำลังโหลดความคิดเห็น