ข่าวปนคน คนปนข่าว
**คดีแตงโม มีผู้ชาย 1 คน จะไขปริศนา? คนจะไปศาลเหลือแค่หนึ่ง ตำตอบสุดท้ายนี้อยู่ที่ “บิ๊กปั๊ด”!
ขณะที่ ความคืบหน้าคดี แตงโม “นิดา พัชรวีระพงษ์” ดาราสาวตกเรือเสียชีวิต พนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายพยายามเร่งรัดคดีเพื่อตอบข้อสงสัยของสังคม ในทางหนึ่งเวลาที่ทอดออกมาก็ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตำรวจ ว่า ทำงานช้า ชาวเน็ตบางคนถึงกับตั้งข้อสงสัยว่า ตอนนี้ระหว่างตำรวจกับกลุ่มคนบนเรือ ใครน่ามีพิรุธมากกว่ากัน ?
ตามด้วยข้อสงสัยว่า มีความพยายามวิ่งเต้นช่วยเหลือผู้ที่อาจถูกดำเนินคดีหรือไม่ เพราะแว่วว่า คนบนเรือบางคนมี “แบ็ก” ดี ซึ่งตำรวจก็ยอมรับว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในคดี อาจจะรู้จักคนมาก แต่คดีนี้ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ลงมากำกับดูแลด้วยตัวเอง และตำรวจจะพิจารณาจากพยานหลักฐานที่อธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น
พูดง่ายๆ ว่า ตำรวจให้คำมั่นต่อสังคม งานนี้จะไม่มีรายการ “หมกเม็ด” ให้คาใจกัน ซึ่งตำรวจเองก็ต้องยอมรับว่าไม่มีทางเลือกอื่น เพราะข่าวการเสียชีวิตของ “แตงโม” สังคมติดตามเกาะติดให้ความสำคัญกันต่อเนื่อง ทั้งแง่มุมเงื่อนงำ และพิรุธต่างๆ ที่บรรดานักสืบโซเชียล ช่วยกันขุดคุ้ยมานำเสนอบนสื่อโซเชียล ตลอดหลายวันที่ผ่านมา
ยกตัวอย่างเมื่อวาน (2 มี.ค.) เป็นอีกวันที่พีก หลังจาก “แอนนา” เพื่อนสนิทของแตงโม ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “แอนนา” ว่า “วันนี้รอฟังข่าว” และยังบอกต่อในช่องแสดงความเห็นว่า “รอตำรวจแถลงนะคะ” และ “มีคนดี 1 คนเกิดขึ้นแล้ว” ทำให้สังคมเฝ้าติดตามกันว่า ความจริงที่รอกันอยู่กำลังจะถูกเปิดเผยหรือไม่
สอดคล้องกับ เพจ “แหม่มโพธิ์ดำ” ที่สร้างเครดิตในโซเชียล กับเรื่องราวที่มีเงื่อนงำทั้งหลายก่อนนี้ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “ผู้ชาย 1 คน จะเป็นคนไขปริศนาทุกอย่างของเรื่องนี้”
โดย “แหม่มโพธิ์ดำ” ยังโพสต์ด้วยว่า หนึ่งในคนที่อยู่บนเรือให้การกับตำรวจ ว่า มีคนอยากลองขับเรือ แต่ขับไม่เป็น ทำให้ตอนออกเรือกระชากจนแตงโมหงายหลัง ตอนนั้นแตงโมพยายามจับมือคนๆ หนึ่งไว้ แต่ถูกเจ้าตัวสะบัดออก เพราะกลัวตกลงไปด้วย จนแตงโมพลัดตกแม่น้ำเจ้าพระยาในที่สุด
นี่ยิ่งทำให้หลายคนต่างสงสัยว่าจะมีข้อมูลอะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับคดีการเสียชีวิต ของ “แตงโม นิดา” ออกมาหรือไม่ และใครคือชายปริศนาคนนั้น ?
ขณะเดียวกัน รายการ “โหนกระแส” โดย “หนุ่ม” กรรชัย กำเนิดพลอย ได้เชิญ 4 ทนายความชื่อดังมาร่วมไขคดี โดยในช่วงหนึ่งของรายการ “ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์” ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ได้พูดในทำนอง เห็นภาพเมื่อคืน (1 มี.ค) มีผู้ชาย 2 คน มีพวงมาลัยไปกราบเท้าแม่แตงโม ซึ่งคุณแม่ได้ยกโทษแล้ว มีการตกลงรับเป็นแม่ลูก ซึ่งคาดว่า หลังจากเคลียร์ค่าเสียหายเรียบร้อยแล้ว ต้องจับตาดูว่าหลังจากนี้ใครจะเป็นผู้ต้องหาที่ไปถึงศาล
ประเด็นสำคัญคือ ความตายเป็นผลมาจากความประมาทของใคร ลองคิดดูว่าตอนนั้นใครขับเรือ แล้วเกิดจากอะไร ถ้าตกลงกันได้แล้วจะเหลือผู้ต้องหากี่คน?
ขณะที่ “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ มองว่า ถ้าผู้ต้องหาบางคนไม่ได้ไปถึงศาล อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ดังๆ เพราะเรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่
ในรายการยังขอให้ “ทนายเดชา” กับ “ทนายษิทรา” เขียนชื่อคนที่จะต้องโดนคดีใส่กระดาษแล้วเปิดให้ “หนุ่ม กรรชัย” ดูพร้อมกัน ซึ่งพบว่าชื่อในกระดาษทั้ง 2 แผ่น เป็นชื่อเดียวกัน โดยทนายเดชา อ้างว่า คนนี้ให้การรับสารภาพแล้ว ตัวเองได้ยินเรื่องนี้มาจากห้องน้ำ
ทว่า สุดท้ายตำรวจได้ออกมาปฏิเสธ ยังไม่มีใครสารภาพ หรือไขปริศนาคดีแต่อย่างใด!!
เรื่องนี้ข้อเท็จจริงที่รับรู้กัน ในวันที่แตงโมตกเรือ กลุ่มคนบนเรือ ประกอบไปด้วย “กระติก อิศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์” ผู้จัดการส่วนตัวแตงโม “ไฮโซปอ” ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์, “จ๊อบ” นิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร, “แซน” วิศาพัช มโนมัยรัตน์ และ “โรเบิร์ต” ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ เบื้องต้น มีผู้ชายสองคน คือ ไฮโซปอ-ตนุภัทร เจ้าของเรือ และ “โรเบิร์ต” ไพบูลย์ คนขับเรือถูกออกหมายจับในฐานกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ตราบเท่าคดีนี้ยังไม่ปิด ปมเงื่อนต่างๆ ยังคงจะเกิดเป็นคำถามบนโลกโซเชียลกันต่อไป และที่แน่ๆ มีผู้ชาย 1 คน ที่จะไขปริศนาคดีไม่ต้องเดากันย่อมต้องเป็น “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” ผบ.ตร. ซึ่งรอดูกันต่อไปว่า ตำรวจจะให้คำตอบสุดท้ายกับสังคมได้เมื่อไหร่
** พปชร.แพ้อีกหนึ่งแนวรบ หลัง ปชป.จับมือฝ่ายค้าน ดัน “สาธิต” นั่งประธานกมธ.พิจารณากฎหมายลูก
กรณี “สาธิต ปิตุเตชะ” จากประชาธิปัตย์ เฉือนชนะ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” จากพลังประชารัฐ ขึ้นนั่งประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งส.ส. ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา ในทำนองว่า เป็นความพ่ายแพ้ในอีกหนึ่งแนวรบของพลังประชารัฐ และกฎหมายลูกที่ออกมา ก็จะไม่เป็นไปตามที่ลุงๆ ต้องการ
เพราะตำแหน่ง “ประธาน กมธ.” ย่อมมีบทบาทสำคัญต่อการพิจารณากฎหมายลูก ที่จะออกมาใช้เป็นกติกาเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งแต่ละพรรคการเมืองมีความเห็น ความชอบที่ต่างกัน โดยเฉพาะ เรื่องบัตรใบเดียว หรือสองใบ และข้อปลีกย่อยอื่นๆ
ก่อนการประชุมเพื่อเลือกประธาน “หมอชลน่าน” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้าน และ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาดักคอไว้แล้ว ว่า ไม่เห็นด้วยที่ฝ่ายรัฐบาลจะส่ง “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรค และมือกฎหมายของพรรคพลังประชารัฐ มานั่งหัวโต๊ะ หากส่งมาจริง ทางพรรคเพื่อไทย ก็จะส่ง “ชูศักดิ์ ศิรินิล” มือกฎหมายของพรรคขึ้นประกบ
แต่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยืนกราน “ไพบูลย์” เป็นประธานเหมาะสุด
เมื่อถึงเวลาเลือก “ส.ว.สมชาย แสวงการ” เสนอชื่อ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ขณะที่ “เกษมสันต์ มีทิพย์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ปัจจุบันร่วมทำงานกับพรรคภูมิใจไทย เสนอชื่อ “สาธิต ปิตุเตชะ” ซึ่งขณะนั้นไม่ได้อยู่ในที่ประชุม เพราะติดประชุม ครม.อยู่ ซึ่งท้ายที่สุดผลโหวตออกมา 22 ต่อ 21 เสียง เลือก “สาธิต” เป็นประธาน กมธ.
ภาพจึงออกมาว่า ประชาธิปัตย์ จับมือกับฝ่ายค้านโค่นคนของฝ่ายรัฐบาล ทำเอาลุงๆ ถึงกับเครียด ... มีการพูดถึงเรื่องนี้ในที่ประชุม ครม.วงเล็ก หลังการประชุม ครม.วงใหญ่ เพื่อสอบถามว่าเกิดข้อผิดพลาดอะไร ทำไมชื่อ “สาธิต” ถึงเพิ่งโผล่มา และผู้เสนอก็คือคนที่ได้รับการเสนอชื่อเป็น กมธ.ในโควตา ของพรรคภูมิใจไทย ทำเอา “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ต้องชี้แจงว่า “ผมไม่รู้เรื่อง ไม่มีใครประสานใดๆ มาเลย”
ถามว่า “สาธิต” รู้ตัวมาก่อนหรือไม่ว่าจะได้รับการเสนอชื่อ คำตอบคือ รู้ เพราะคนของพรรคก้าวไกล ได้โทรศัพท์มาทาบทาม ซึ่ง “วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ ยังแนะนำว่า ไม่ควรไปร่วมประชุม เพราะหากรัฐมนตรีไป กมธ.จะให้เกียรติรัฐมนตรีเป็นประธาน ก็เลยไม่ไป จึงไม่ทราบว่ามีการเสนอชื่อ แต่เมื่อเสนอแล้วและโหวตชนะจึงได้โทร.มาแจ้งเพื่อให้ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ประธานหรือไม่ ถึงขั้นนี้แล้วก็เลย เลยตามเลย
งานนี้คนประชาธิปัตย์ ก็ออกมาชื่นชม และเชื่อว่า “สาธิต” จะทำหน้าที่ดูกฎหมายลูกเพื่อให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ...ขณะที่คนของพรรคพลังประชารัฐ อย่าง “วิเชียร ชวลิต” เห็นว่าแม้ “ไพบูลย์” จะไม่ได้เป็นประธาน แต่ก็เชื่อว่า “สาธิต” จะสามารถคุมเกมได้ และไม่ได้มองว่าเป็นเกมการเมืองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล แต่เป็นเพราะสมาชิกใน กมธ. ไม่ยอมรับในตัว “ไพบูลย์” มากกว่า
เพราะบทบาทการนั่งหัวโต๊ะของ “ไพบูลย์” ที่ผ่านๆ มา มักดึงดัน ตัดบท ไม่ค่อยฟังคนอื่น สมาชิกจึงมีความไม่พอใจในวิธีการทำงานแบบนี้ ทั้งที่ควรให้โอกาสคนที่เป็น กมธ.ได้อธิบาย และพูดให้หมดประเด็น จะได้บันทึก ส่วนมติเสียงข้างมากจะออกมาอย่างไร จะได้ไม่คาใจ พอเห็นว่าจะมาเป็นประธาน กมธ.ชุดนี้ จึงเกิดแรงต้าน
แต่ในมุมมองของ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี เห็นว่า ในพรรคร่วมแม้จะไม่ถึงขั้นขัดแย้ง แต่ก็ไม่ปฏิเสธทั้ง 100% เอาเป็นว่าเรื่องนี้มีความผิดปกติ จะมีปัญหาโยงไปถึงความเป็น “เอกภาพ” ของรัฐบาลหรือไม่ ก็แล้วแต่จะคิด...
แต่ที่แน่ๆ “รองวิษณุ” ให้การบ้านกับรัฐบาลไว้ว่าก่อนรับศึกซักฟอก...งานสภาต้องปรับปรุง!!
