ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ดาราพาเหรดติดโควิด ดรามาชนชั้น-พฤติกรรมซ้ำซาก วนกลับมาลูปเดิมอีกแล้วครับท่าน
ช่วงนี้เป็นช่วงขาขึ้นโควิดที่ทำให้สังคมกลับมาปริวิตกในการใช้ชีวิตกันอีกครั้ง ตามยอดรายงานตัวเลขของที่พุ่งปรี๊ด ทำ “นิวไฮ” แทบทุกวัน เมื่อวานผู้ป่วยรายใหม่ขึ้นมาที่ 21,232 คน รวมทั้งหมดที่กำลังรักษา 170,000 กว่าราย บางแห่งมีจำนวนคน 106 คน ผลตรวจด้วย ATK พบเป็นบวกถึง 100 คน ทำเอาอึ้งกิมกี่กันเลยทีเดียว
แน่นอนว่า บรรยากาศความอ่อนไหวแบบนี้ดรามาก็ตามมาถี่ๆ ในโลกโซเชียลฯ โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเชื้อที่เป็นดารา หรือคนในวงการบันเทิง ซึ่งใช้ช่องทางโซเชียลฯ ของตัวเองบอกกล่าวข่าวการติดโควิดติดๆ กันหลายราย เรียกว่า แห่พาเหรดกันเป็นริ้วขบวนยาวเฟื้อย ถึงกับมีคนบอกว่าติดกันแทบจะหมดวงการ ท่ามกลางแฟนคลับส่งกำลังใจกันแทบไม่ทัน
ว่ากันว่า วันก่อน 22022022 วันเลขสวยมีคนบันเทิงน้อยใหญ่ ติดกันตรึมถึง 17 ราย อาทิ “แอน ทองประสม” นางเอกชื่อดังเจ้าของฉายาเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง พระเอกดัง “เจมส์จิ” เจมส์ จิรายุ นักร้องแรปเปอร์ชื่อดังยุค 90 “เจ-เจตริน วรรธนะสิน”
ขณะเมื่อวาน (23 ก.พ.) พระเอกหนุ่ม “เกรท-วรินทร ปัญหกาญจน์” ก็ประกาศได้รับเชื้อ เพราะได้พบเจอและใกล้ชิดกับ แอน ทองประสม, เจมส์ จิรายุ และ หน่อย บุษกร พร้อมๆ กับ “อาเล็ก ธีรเดช” พระเอกหนุ่มอีกคนได้โพสต์อินสตาแกรมส่วนตัวแจ้งเมื่อตรวจพบเชื้อเช่นกัน
เรียกได้ว่า โควิดเป็นภัยคุกคามคนบันเทิงช่วงนี้หนักหนา โดยน่าเห็นใจเพราะไม่มีใครอยากจะเจ็บไข้ได้ป่วยแน่ๆ เมื่อเกิดขึ้นแล้วนอกจากจะโพสต์ขอโทษคนใกล้ชิด หรือสัมผัสตนเองแล้ว ส่วนใหญ่ก็แจ้งว่าได้เข้ารับการรักษาเรียบร้อย
ทว่า ในโลกโซเชียลฯ ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นดรามาเหมือนช่วงระบาดรอบแรกๆ นั่นคือ เมื่อเจาะลงไปในไทม์ไลน์ของคนบันเทิงบางกลุ่ม ยังพบว่า เหตุที่ติดเชื้อเพราะมีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงซ้ำซาก ไม่เคยจำบทเรียน พูดง่ายๆ ว่า พาตัวเองไปอยู่ในที่สุ่มเสี่ยง คิดปาร์ตี้ ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่แล้วว่า การแพร่ระบาดของสายพันธุ์อย่างเดลตา หรือ โอมิครอน นั่นติดกันง่ายมาก และภาพรวมของการแพร่ระบาดนั้น ยังพุ่งสูงไม่ปลอดภัย
ตามมาด้วยคอมเมนต์ ที่เป็นลักษณะมองว่า ดารา หรือ คนบันเทิง เป็นชนชั้น VVIP ดารา ผลเป็นบวก มีโรงพยาบาลให้เข้ารักษาเลย แต่พอประชาชนผลเป็นบวก กว่าจะหาเตียงได้..ต้องให้สื่อช่วยเหลือ..หรือโทร.พึ่งพาบริการของรัฐ เห็นได้จากสายด่วนหาเตียง เจ้าหน้าที่ทำงานกันหนัก เหนื่อย ผู้ป่วยรอเตียงกันยาวเหยียด แต่ทำไมดาราถึงเข้าถึงโรงพยาบาลไวกว่าประชาชนล่ะ ทั้งที่สิทธิก็เท่ากัน...หรือว่าประชาชนมันไม่มีค่าเหมือนดารา
นี่ก็เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน ขาขึ้นโควิดระลอกล่าสุดนี้ ว่าไปแล้วดรามาก็กลับมาวนลูปเดิม ทั้งเรื่องของชนชั้น และพฤติกรรมซ้ำซาก
ภาพสะท้อนนี้ก็หวังว่าน่าจะสะกิดให้รัฐบาลลุงมาดูแลแก้ไขบรรเทาให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาได้มากขึ้นกว่าเดิมที
ขณะที่ประชาชนก็ต้องหมั่นเตือนสติตัวเองไปด้วยคาถา ไม่ประมาท การ์ดอย่าตก ดูแลรักษาสุขภาพให้ห่างไกลโรค เพราะเป็นหนทางที่ดีสุดแล้วทั้งตัวเอง และสังคม
**“บิ๊กน้อย” มาแล้ว เข้าสังกัด “เศรษฐกิจไทย” จ่อนั่งหัวหน้า จองคิวเก้าอี้รัฐมนตรี!
หลังจากอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่พักใหญ่ แต่ในที่สุด พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือ “บิ๊กน้อย” อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ยอมรับต่อสื่อมวลชนแล้วว่าได้สมัครเป็นสมาชิกพรรค “เศรษฐกิจไทย” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังลาออกจาก พปชร. ตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา และในเดือนมีนาคมนี้ จะมีการประชุมใหญ่พรรค เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหาร รวมทั้งหัวหน้าพรรค-เลขาธิการพรรค
ซึ่งก็เป็นที่คาดหมายกันว่า “บิ๊กน้อย” จะนั่งเป็นหัวหน้าพรรค ส่วนเลขาธิการพรรคก็ไม่ใช่ใคร เป็น “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา อดีตเลขาธิการพรรค พปชร.นั่นเอง
“พรรคเศรษฐกิจไทย” เดิมเป็นชื่อที่แทบจะไม่มีใครรู้จัก ตามสารบบพรรคการเมือง ในเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พรรคเศรษฐกิจไทย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2563 ที่ทำการใหญ่อยู่ที่ อาคารเอส จี ทาวเวอร์ ซอยมหาดเล็กหลวง 3 ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน มี “นางรัชนี ศิวเวชช” ทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรค ส่วนเลขาธิการพรรคชื่อ “เมธาวี เนตรไสว”
ชื่อของ พรรคเศรษฐกิจไทย เคยปรากฏในกระแสข่าวว่าเป็นพรรคสำรองของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” โดยฝืมือการจัดการของ “ปลัดฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ ขณะยังอยู่ในตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย แต่เมื่อ “ปลัดฉิ่ง” เกษียณอายุราชการ ชื่อของพรรคนี้ก็เงียบหายไป
รวมทั้งเคยมีกระแสข่าวว่า “พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล” อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ พรรคพลังประชารัฐ เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่น 12 ของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จะเข้ามาอยู่ในพรรคเศรษฐกิจไทย หลังลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ ด้วยเหตุไม่พอใจเรื่องที่ ส.ส.ภาคใต้ ไม่ได้ตำแหน่งใน ครม. แต่ในที่สุด พ.อ.สุชาติ ก็ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคกล้าแทน
จนกระทั่ง เมื่อเกิดกรณีขับไล่ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ ส.ส.รวม 21 คนออกจากพรรค พปชร.เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ชื่อของพรรคเศรษฐกิจไทย จึงกลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง ในฐานะบ้านหลังใหม่ของส.ส.กลุ่ม “ผู้กองนัส” ที่ย้ายออกมาจากบ้านหลังเดิมที่เกิดปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันไม่จบไม่สิ้น แต่ถึงอย่างไรก็คงยังอยู่ในครอบครัวเดียวกันกับ พปชร. เพราะ “บิ๊กป้อม” เคยหลุดปากให้สาธารณชนได้ยินชัดๆ เต็มสองหูว่า “พรรคผมทั้งนั้น”
ส่วนตัว “บิ๊กน้อย” ว่าที่หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทยคนใหม่ ก็ไม่ใช่ใคร “น้องรักผมทั้งนั้น” ในฐานะนักเรียนเตรียมทหารรุ่นน้อง (ตท.11) และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ารุ่นที่ 22 (จปร.22) เคยเป็น ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ที่เปรียบเสมือนขุนพลคู่กายของ “บิ๊กป้อม” ตอนที่นั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหม ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในปี 2553 รวมทั้งเคยเป็นคู่ชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่พลาดหวัง ได้เป็นเพียงประธานที่ปรึกษาที่กองทัพบก
หลังการรัฐประหารโดย คสช.ในปี 2557 “บิ๊กน้อย” ได้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อพ้นตำแหน่งแล้ว ก็ยังทำงานใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร ในมูลนิธิป่ารอยต่อฯ
จนกระทั่งเมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว หลังเกิดกรณีกลุ่มของ “ร.อ.ธรรมนัส” เคลื่อนไหวกดดัน พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จนถูก พล.อ.ประยุทธ์ เอาคืนด้วยการปลดออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีแบบสายฟ้าแลบ “บิ๊กป้อม” ในฐานะหัวหน้าพรรคก็ส่ง “บิ๊กน้อย” ขึ้นเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ เพื่อสยบความขัดแยังภายใน ชนิดที่เรียกว่าปาดหน้า “สมศักดิ์ เทพสุทิน” แกนนำกลุ่มสามมิตร ที่เคยมีข่าวก่อนหน้านั้นว่าจะได้ตำแหน่งปลอบใจ ที่ “อนุชา นาคาศัย” สมาชิกกลุ่มสามมิตร ถูกเขี่ยพ้นเก้าอี้เลขาฯ พรรค ตั้งแต่เดือน มิ.ย.
แต่คงเป็นเพราะความขัดแย้งในพลังประชารัฐฝังรากลึกจนเกินกว่าฝีมือของ “บิ๊กน้อย” จะแก้ไขได้ ในที่สุดตัวเขาเองก็ต้องขนข้าวขนของตาม “ผู้กองนัส” ออกมาจากพรรค ด้วยสายใยสัมพันธ์ที่เคยเป็นเพื่อนสนิทของ “เสธ.ไอซ์” พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต นายเก่าของ “ผู้กองนัส” นั่นเอง
คาดหมายกันว่า “บิ๊กน้อย” จะเป็นหนึ่งในแคนดิเดตรัฐมนตรี ของพรรคเศรษฐกิจไทย หากมีการปรับ ครม.ครั้งหน้า เพราะตัว “ผู้กองนัส” คงจะหมดสิทธิ์แล้วสำหรับรัฐบาลที่มี “บิ๊กตู่” เป็นนายกรัฐมนตรี