xs
xsm
sm
md
lg

ภาคต่อรามเกียรติ์มาแน่ พระรามลุงตู่-ลุงป๊อก ถูกจ้องสายสีเขียว “ลุงป้อม” จะอ่วมต่อ กระสุนตก คดีค่าโง่-ค้ามนุษย์ ** ดรามา อย่ามาล้อเล่นกับผม ไปล้อเล่นกับคนอื่น อย่าทะลึ่ง..ทัวร์ลงยับ “พี่แจง” ผบช.ไซเบอร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** ภาคต่อรามเกียรติ์มาแน่ พระรามลุงตู่-ลุงป๊อก ถูกจ้องสายสีเขียว “ลุงป้อม” จะอ่วมต่อ กระสุนตก คดีค่าโง่-ค้ามนุษย์

ศึกน้ำลายการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ของฝ่ายค้าน จบไปหลังใช้เวลาทั้งสิ้น 31 ชั่วโมง มีเรื่องที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน ข้อสงสัยในพฤติกรรมของคนในรัฐบาล ไปจนศึกรามเกียรติ์ พระราม ทศกัณฐ์ นางสีดา โดยไม่มีโหวตลงคะแนน

ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ต่างเคลมผลงาน เช็กเรตติ้งว่า ใครเหนือใคร ฝ่ายตัวเองกุมชัยชนะอย่างไร

ฝ่ายค้านบอกว่า “พระรามลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แผลงศรไม่ออก นายกฯตอบแบบ ถามม้าตอบควาย ตอบในเรื่องที่ไม่ได้ถาม บางเรื่องก็ไม่ตอบ เช่น ปัญหาเหมืองทองอัครา การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ที่รัฐบาลปกปิดข้อมูล จึงจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ทันทีที่เปิดสมัยประชุม

“ศิริกัญญา ตันสกุล” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล บอกว่า มาตรการต่อเนื่องหลังอภิปรายนี้ พรรคก้าวไกล จะรวบรวมข้อมูลยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 3 เรื่อง เกี่ยวข้องกับรัฐมนตรี 7 คน อาทิ กรณีรัฐบาลปกปิดการระบาดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ยื่นเอาผิด “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รมว.เกษตรฯ “ประภัตร โพธสุธน” รมช.เกษตรฯ และ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กรณี เรื่องน้ำมันรั่วที่ จ.ระยอง กำลังหารือว่าจะยื่นไป ป.ป.ช. หรือฟ้องศาลปกครองด้วย แต่ที่แน่ๆ ต้องฟ้องแบบหมู่ หรือการดำเนินคดีแบบกลุ่มให้กับประชาชนในพื้นที่

ขณะที่ “นิโรธ สุนทรเลขา” ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะวิปรัฐบาล ว่า ไม่มีอะไรให้ประเมิน เพราะเป็นการอภิปรายเรื่องเก่า ซ้ำวนเวียน ส่วนการชี้แจงของ ครม.มีความชัดเจน ตรงประเด็น

ว่าไปแล้วโดยภาพรวมการศึกครั้งนี้ ในบรรดาพี่น้อง 3 ป. “พระรามลุงตู่” ดูจะชิลๆ สบายกว่าใคร แม้ว่าคำถามของฝ่ายค้านจะพุ่งตรงมาในหลายเรื่อง แต่ด้วยความมีประสบการณ์ เป็นนักการเมืองเต็มตัว ออกลีลาเปรียบตัวเองเป็นพระราม เกทับ บลัฟกลับฝ่ายค้าน ฉวยโอกาสโปรโมตผลงานรัฐบาลไปในทีด้วย นั่นอาจจะเพราะ รู้อยู่แล้วว่าการอภิปรายฯ จะไม่มีผลต่อสถานะของตัวเอง หรือ กังวลต่อ “เสียง” ในสภา แต่ปวดตับอาจจะมี แต่ที่จะเป็นเรื่อง “เลี้ยงกระแส” ที่ฝ่ายค้านหวังผลไปรอเชือดในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ของจริงช่วงเปิดสภาสมัยสามัญกลางเดือนพฤษภาคม ที่ว่ากันว่า เป็นบททดสอบของพระรามลุงตู่ และ กองทัพของลุง อย่างแท้จริง

ว่าด้วยเรื่องเลี้ยงกระแส หรือการอภิปรายในสภาหนนี้ ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ “ลุงป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ควรโดนเต็ม ๆ ก็คือ กรณีสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว แต่ “ลุงป๊อก” รู้หลบ กลับโดนเฉียดๆ แถมได้พระรามน้องตู่ช่วยแอ่นอก ยืนซดกับ “ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร” ส.ส.มหาสารคาม ที่กัดติดเรื่องนี้มาต่อเนื่อง อย่างมีอารมณ์แทน

งานนี้ สายสีเขียว จะกลายเป็นประเด็นที่ “ยุทธพงศ์” จะตามบี้ ตามล้าง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ลดละอย่างแน่นอน ดังที่ประกาศออกมาขอท้า “พระรามประยุทธ์” ว่าถ้าแน่จริงให้มาออกทีวีแข่งกัน เรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่องไหนก็ได้ ถ้าพระรามประยุทธ์กลัว จะเอาคนมาช่วยด้วยก็ได้ แต่เขาจะไปคนเดียว ที่บอกว่าทำถูกกฎหมาย อยากถามว่ากฎหมายอะไร ถ้าแน่จริง ครม.ต่อสัญญาสัมปทานไปเลย โดยเดือนพฤษภาคมที่เปิดสภามา พรรคเพื่อไทยจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151

“การอภิปรายครั้งที่แล้วเจอกบฏธรรมนัส ยังเกือบตาย ต้องไปยกมือไหว้ ส.ส. รอบนี้พระรามประยุทธ์ ก็จะได้รู้ว่า นรกมีจริง แล้วอย่าเพิ่งชิงยุบสภาหนีก็แล้วกัน” ยุทธพงศ์ เปิดวอร์อาฆาตไว้ล่วงหน้า

เมื่อ “ลุงตู่และลุงป๊อก” เอาตัวรอดมาได้ ถามถึงพี่ใหญ่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นอย่างไร ในศึกรามเกียรติ์ ต้องบอกว่า อ่วม อรทัยที่สุดใน 3 ป.

เรียกว่า เรื่องอภิปรายฯเรื่องใหญ่ที่เป็นมหากาพย์ กระสุนมาตกที่ “ลุงป้อม” เต็มๆ ยกตัวอย่าง การอภิปรายของ “ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ” หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ พาดพิงกล่าวหา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าขบวนในการคุมอำนาจองค์กรอิสระ เพื่อเอื้อผลประโยชน์แก่พวกพ้อง รวมถึง ค่าโง่ ของ กสทช. กรณี บ.เอกชน ขอรับเงินเยียวยาคืนคลื่น 2600 จาก อสมท สูงกว่า 1.7 หมื่นล้าน จนเกิดประท้วงกันวุ่นระหว่างอภิปราย

ตามด้วย คดีค้ามนุษย์ที่ “รังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อภิปราย “กว่าจะเป็นตั๋วช้าง ภาค 2” ซึ่งเป็นปมที่ระบุว่า “ตำรวจเลวได้ดี ตำรวจดีต้องลี้ภัย” จากเรื่องราวของ “พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์” อดีตหัวหน้าทีมสืบสวนคดีค้ามนุษย์ที่ต้องลี้ภัยไปออสเตรเลีย เมื่อปี 2558 หลังทำคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา ที่มีผู้ต้องหาคนสำคัญ “พล.ท.มนัส คงแป้น” อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบกที่ถูกจำคุก และ เสียชีวิตเมื่อปีที่ผ่านมา จากเรื่องราวที่เปิดเผยในสภา ดูเหมือน พล.อ.ประวิตร จะถูกพาดพิงว่า เป็นผู้ที่พยายามช่วยเหลือ “พล.ท มนัส” และทำให้ “พล.ต.ต.ประวีณ” ต้องถูกโยกย้าย และในที่สุดขอลาออกจากตำรวจไปลี้ภัยในต่างแดนมาจนถึงทุกวันนี้

มหากาพย์เรื่องนี้ก็ไม่น่าจะหยุดลงเพียงเท่านี้ “พล.อ.ประวิตร” ก็น่าจะตกเป็นตัวละครคนสำคัญของฝ่ายค้าน ที่จองกฐินในศึกอภิปรายครั้งหน้าแน่ ในภาคต่อที่มีเดิมพันด้วยเสียงโหวตในสภา

ซีรีส์รามเกียรติ์ยังไม่จบ คอการเมืองทั้งหลายอย่าเพิ่งลุกจากเก้าอี้ งานนี้ภาคต่อมาแน่ “พระรามตู่” ยังจะแผลงศรไหวมั้ย “ลุงป๊อก” จะรู้หลบได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ “ลุงป้อม” จะพลิกสถานการณ์อย่างไร ล้วนต้องติดตามกันต่อไป










** ดรามา อย่ามาล้อเล่นกับผม ไปล้อเล่นกับคนอื่น อย่าทะลึ่ง..ทัวร์ลงยับ “พี่แจง” ผบช.ไซเบอร์ โชว์สยบคอลเซ็นเตอร์ ที่หลังอย่าหาทำ

จากโพสต์ที่หวังโชว์สยบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ด้วยคลิปวิธีพูดสวนกลับ กลับกลายมาเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียลฯ ทัวร์ลงกระหน่ำ จนต้องออกมาขอโทษขอโพยชาวเน็ต ที่ทำให้เข้าใจผิด ของ “พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง” ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เกิดขึ้นเมื่อ บิ๊กตำรวจไซเบอร์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Kornchai Klayklueng ซึ่งมีทั้งคลิปวิดีโอและข้อความ ในเหตุการณ์ที่ถูกมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่อ้างว่า โทร.จาก บริษัท ดีเอชแอล (DHL) ขณะที่กำลังออกกำลังกาย จึงให้เทรนเนอร์บันทึกวิดีโอไว้ให้ โดย “พล.ต.ท.กรไชย” ได้ถามด้วยน้ำเสียงดุดันว่า เป็นดีเอชแอล จริงหรือไม่ และ รู้มั้ยเขาใคร? ก่อนจะบอกว่า ตัวเองเป็นผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์

“คุณเป็นดีเอชแอล จริงหรือเปล่า เพราะผมเป็นผู้บัญชาการไซเบอร์ ผมจะได้รู้ว่าคุณเป็นดีเอชแอล แล้วคุณรู้ไหมผมเป็นใคร ผมเป็นผู้บัญชาการที่ปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ คุณอย่ามาล้อเล่นกับผม ไปล้อเล่นกับคนอื่น อย่าทะลึ่ง...”

พลันที่โพสต์ออกสู่โลกโซเชียลฯ ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก ไม่ใช่กดไลค์ถูกใจ หากเป็นการโกรธเป็นฟืนไฟ ถามถึงการทำหน้าที่ของตำรวจไซเบอร์ว่า มันใช่มั้ย? ยิ่งคำพูดของ ผบช.ที่อ่านแล้วทำให้รู้สึกไม่ดี คือ อย่ามาล้อเล่นกับผม ไปล้อเล่นกับคนอื่น อย่าทะลึ่ง ฟังดูเหมือนปัดภาระ ให้มิจฉาชีพไปหลอกประชาชนคนอื่นแทน ชาวเน็ตบางรายถึงกับบอกว่า ให้บิ๊กตำรวจไซเบอร์หยุดออกกำลังกายไปวิ่งไล่จับคนร้ายดีกว่ามาโชว์ออฟแบบนี้

ถามว่า ทำไมชาวเน็ตถึงมีอารมณ์โกรธตำรวจนายนี้มากมายขนาดนี้ ก็ต้องบอกว่า เพราะรู้กันว่า ที่ผ่านมา แก๊งคอลเซ็นเตอร์เหิมเกริมหนัก เที่ยวหลอกลวงประชาชนจนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว วันนี้ก็ยังมีประชาชนถูกมิจฉาชีพพวกนี้ก่อกวน สร้างความหวาดกลัวอยู่เรื่อยๆ ชาวเน็ตที่โดนกับตัวเอง หรือมีญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงที่เจอแก๊งคอลเซนเตอร์ หลอกลวงจึงมีอารมณ์ร่วมเต็มที่ รับไม่ได้กับโพสต์ของ “พล.ต.ท.กรไชย” ดังกล่าว

หลังถูกทัวร์ลงยับ ต่อมา “พล.ต.ท.กรไชย” ได้โพสต์ว่า ในคลิปดังกล่าวทำให้ดูว่าคนรับโทรศัพท์ไม่กลัว มีเตือนกลับไป แต่มีคำไม่สุภาพจึงไม่ได้นำมาเผยแพร่ และไม่ได้โยนภาระให้กับประชาชน หรือแม้กระทั่งอวดเบ่งในตำแหน่งผู้บัญชาการ ซึ่งในคลิปมีการเตือนกลับไปเช่นกัน แต่มีคำไม่สุภาพ จึงนำมาลงไม่ได้

“ที่พี่แจง ได้โพสต์ลงใน Facebook นี้ เพียงมุ่งหวังให้เพื่อนๆ ไม่หลงกล ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยใช้อุบายในการหลอกลวงมิจฉาชีพคืน” เป็นคำพูดที่ตามมาของ บิ๊กตำรวจไซเบอร์ ที่พยายามอธิบายต่อคณะทัวร์ การโพสต์คลิปดังกล่าวในเฟซบุ๊ก มุ่งหวังให้ทุกคนไม่หลงกลและตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ให้รู้เท่าทันกับรูปแบบการหลอกลวงในลักษณะแบบนี้จริงๆ

งานนี้ คงเป็นบทเรียนให้กับ “พี่แจง” ได้เป็นอย่างดีว่า เพราะประโยค อย่ามาล้อเล่นกับผม ไปล้อเล่นกับคนอื่น อย่าทะลึ่ง... แท้ๆ เชียวที่ชาวโซเชียลฯ ก็สอนว่าทีหลังอย่าหาทำ คำพูดของตัวเองกลายมาเป็น “นาย” ทิ่มทำร้ายตัวเอง และเรื่องนี้ก็พลอยทำให้ตำรวจไซเบอร์ใต้บังคับบัญชา หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่กระทรวงไอซีที จำนวนมากที่ร่วมมือร่วมสู้อุตส่าห์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ห่อเหี่ยวหมดกำลังใจ

ผลงานดีๆ ช่วยลดความเดือดร้อนให้ประชาชนดังที่เพิ่งไปทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ถึงกัมพูชา ประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงความพยายามจะบูรณาการของหลายหน่วยงานป้องกันแก้ปัญหาวางมาตรการระยะยาว ทั้งเรื่อง “บัญชีม้า” ที่เป็นต้นตอของการก่ออาชญากรรมทางการเงิน หรือจัดการด้วยกฎหมายฟอกเงิน ที่กำลังขะมักเขม้นทำงานกันอยู่ เรื่องเหล่านี้อาจจะถูกกลบลบเลือนด้วยโพสต์ของ ผบช.ก็ได้ ใครจะรู้

นี่เรียกว่า “พี่แจง” ล้อเล่นกับใครก็ว่าไป แต่ล้อเล่นกับชาวโซเชียลฯ อย่าหาทำจริงๆ!!






กำลังโหลดความคิดเห็น