xs
xsm
sm
md
lg

“ยิ่งลักษณ์” ไม่พ้นบ่วงกรรม ถูกฟ้องอาญาเพิ่ม!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร - ทักษิณ ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า เพราะขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต้องหลบหนีไปต่างประเทศจากความผิดที่ปล่อยให้เกิดการทุจริตจากโครงการรับจำนำข้าวเป็นจำนวนเงินมหาศาล โดยเธอได้ไลฟ์สดในแฟนเพจเฟซบุ๊ก เมื่อตอนสายวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ตอบคำถามบรรดาแฟนคลับในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเน้นย้ำในเรื่องปัญหาปากท้องของคนไทย รวมถึงภารกิจที่ยังทำไม่สำเร็จ เช่น โครงการเงินกู้ 2.2 ล้านบาท สำหรับโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการ โครงการแจกแท็บเล็ตให้กับนักเรียน อย่างไรก็ดี เธอระบุว่า หมดยุคของเธอแล้วสำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะอายุมากแล้ว ต้องปล่อยให้คนรุ่นใหม่

เมื่อถูกถามว่า หากเจอหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะยังพูดคุยกันได้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องถาม พล.อ.ประยุทธ์ ว่า “ถ้าเจอหน้ายิ่งลักษณ์ ยังคุยกันได้หรือเปล่า”

อย่างไรก็ดี ที่บอกว่า เป็นเรื่องบังเอิญ ก็คือ ก็เพราะว่าเป็นวันเดียวกับที่ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แถลงชี้มูลความผิดในหลายคดี โดยหนึ่งในนั้นเป็นคดีที่มีการเปิดเผยว่า อัยการสูงสุดได้สรุปสั่งฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กรณีใชอำนาจมิชอบโอนย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (เลขาฯ สมช.) หลังจากที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด แต่ทางอัยการสูงสุด เห็นว่า หลักฐานยังไม่เพียงพอ จึงให้ตั้งคณะกรรมการร่วมฯพิจารณา และล่าสุด ก็มีคำสั่งฟ้องในที่สุด

ทั้งนี้ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีที่ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลไปแล้ว และส่งเรื่องให้อัยการดำเนินการฟ้องคดีแต่อัยการเห็นแย้งว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการร่วมสองฝ่ายสั่งวันนี้ได้รับรายงานว่า มี 2 คดี ที่คณะกรรมการร่วมสองฝ่าย มีมติแล้ว และอัยการสูงสุดจะดำเนินการฟ้องคดีให้คือ กรณีกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับพวก ใช้อำนาจโอน นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในขณะนั้น เหตุเกิดปี 2554 ให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำโดยมิชอบ

โดยคดีนี้ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลเมื่อปี 63 เห็นว่า การกระทำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ

แม้ว่าคดีดังกล่าวนี้จะใช้เวลานานนับสิบปี นั่นคือ เหตุเกิดตั้งแต่ปี 2554 และ ทางคณะกรรมการป.ป.ช. เพิ่งมาสรุปชี้มูลความผิดเมื่อปี 2563 จนกระทั่งทางอัยการสูงสุด เห็นแย้งว่า หลักฐานยังไม่เพียงพอ และนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการร่วมพิจารณาจากสองหน่วยงานจนมีข้อสรุปและอัยการสูงสุดสั่งฟ้องดังกล่าว ต้องใช้เวลานานถึงกว่าสิบปีเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี แม้ว่าระยะเวลาอาจจะนานมากกว่าสิบปี กว่าจะมีการพิจารณาสั่งฟ้อง แต่ขณะเดียวกันสำหรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือว่าเป็น “บ่วงกรรม” ของเธอ หลังจากต้องหลบหนีคดีความผิดจากคดีที่เกี่ยวข้องกับโครงการทุจริตจำนำข้าว ที่กลายเป็น “ชนักปักหลัง” จนมีการกล่าวขานกันไม่จบ

และเมื่อมีคดีล่าสุดจากความผิดตาม มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากการโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาธิการ สมช. มาเป็นที่ปรึกษานายกฯ ซึ่งในความหมาย ก็คือ สาเหตุการโยกย้ายดังกล่าวก็เพื่อต้องการผลักดัน “เครือญาติ” ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังจากที่มีการขยับ นายถวิล ออกไปแล้ว ก็จะโยกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในเวลานั้น มาเป็นเลขาฯ สมช. แล้วดันบุคคลในเครือข่ายครอบครัวขึ้นมาเป็นผู้นำของตำรวจ เพื่อค้ำยันอำนาจนั่นเอง ซึ่งสังคมก็รับรู้กันทั่ว

ซึ่งจะว่าไปแล้วกรณีดังกล่าวถือว่า เป็น “จุดเริ่มต้นวิบากกรรม” ของครอบครัวนี้ก็ว่าได้ เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี โดยศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากรักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 และนำไปสู่การถูกฟ้องคดีอาญาเพิ่มอีกคดีนั่นเอง

แน่นอนว่า สำหรับศักยภาพของเธอที่หลายคนปรามาสว่า ทุกอย่างที่ดำเนินการในฐานะนายกรัฐมนตรี มาจากการ “บงการ” ของพี่ชาย คือ นายทักษิณ ชินวัตร เหมือนกับที่เธอได้เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่าจะไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมืองมาก่อน โดยใช้เวลาเพียงแค่ 49 วัน ที่ทำให้พรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย อีกด้านหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าในเวลานั้นคนในครอบครัวนี้ โดยเฉพาะนายทักษิณ ถือว่ามีบารมีสูงมาก

แต่ขณะเดียวกัน การชักนำให้เธอเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีในลักษณะ “หุ่นเชิด” แบบนี้ มันก็เหมือนกับการ “สร้างกรรม” ให้กับเธอที่โหดเหี้ยมอำมหิตไม่แพ้กัน เพราะด้วยชะตากรรมที่เป็นอยู่เวลานี้ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ต้องหลบหนีคดีไปกับพี่ชายในแบบ “สัมภเวสี” หากให้ความเป็นธรรมก็เหมือนกับว่าเป็นกรรมที่อาจไม่ได้ก่อ แต่ต้องมารับ

สำหรับคดีอาญาที่ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงออกมาล่าสุดที่ว่า ทางอัยการสูงสุดได้สรุปสั่งฟ้องเธอตามความผิด มาตรา 157 จากการย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี โดยมิชอบ ก็ต้องถือว่าเป็นอีก “บ่วงกรรม” ใหม่ที่เธอต้องเจอ และต้องลุ้นคุกตะรางกันอีกรอบ และแม้ว่าเวลานี้จะหลบหนีอยู่ต่างประเทศก็ตาม แต่ตามกฎหมายใหม่ สามารถฟ้องจำเลยลับหลังได้เลย เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รื้อคดีของนายทักษิณ มาเดินหน้าพิจารณาและพิพากษาความผิดมาแล้ว

แต่กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้ว่าตามขั้นตอนตามกฎหมายยังต้องใช้เวลาอีกนานนับปี แต่เมื่อเข้าสู่การพิจารณาในศาลแล้ว ตามกฎหมายใหม่ใช้เวลาไม่นานนัก ก็สรุปออกมาแล้ว ซึ่งก็เป็นบ่วงกรรมที่ต้องลุ้นระทึกกันอีกพักใหญ่!!



กำลังโหลดความคิดเห็น