สธ. แถลงโต้ “หมอวาโย” ยืนยันฉีดวัคซีนเด็กพิจารณารอบด้านมีความปลอดภัย ไม่ใช้คนไทยเป็นหนูทดลอง จีนฉีดแล้ว 235 ล้านโดส อาการรุนแรงแค่ 0.071 ต่อแสนราย ขออย่าติดด้อยค่าวัคซีน หวั่นทำประชาชนตื่นตระหนกวิตกกังวลได้
วันนี้ (18 ก.พ.) เวลา 13.50 น. ที่รัฐสภา นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แถลงชี้แจงถึงกรณี นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาโจมตีเรื่องการฉีดวัคซีนซิโนแวคให้กับเด็กว่าเสี่ยงที่จะได้รับผลข้างเคียง
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า การอภิปรายเกี่ยวกับวัคซีนในเด็กที่อาจทำประชาชนเข้าใจผิด ตื่นตระหนกและวิตกกังวลได้ว่า วัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขนำมาใช้ไม่ปลอดภัยและไม่มีประสิทธิภาพนั้น ยืนยันวัคซีนที่นำมาใช้กับเด็กมีการระมัดระวังอย่างมากในการพิจารณา รวมทั้งมีการวิจัยถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพอย่างรอบด้าน ซึ่งฉีดบนพื้นฐานวิชาการไม่ใช่เป็นหนูทดลอง และไม่ได้เป็นการบังคับฉีดแต่อย่างใด
ด้าน นพ.ไพศาล กล่าวว่า ยืนยันว่า วัคซีนซิโนแวคที่ฉีดในเด็กมีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ อย่างที่ทราบกันวัคซีนซิโนแวคเป็นวัคซีนเชื้อตายที่วงการแพทย์ใช้มานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนพิษสุนัขบ้า วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งในการพิจารณาการขึ้นทะเบียนขยายอายุมาถึง 6 ปีที่ อย.อนุญาต เราใช้ข้อมูลโดยพิจารณาอยู่ 3 เรื่องคือคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยเราต้องดูเป็นพิเศษ เรียนว่า ตอนพิจารณาข้อมูลการใช้ซิโนแวคในเด็กที่เราให้อายุ 6 ปีขึ้นไป เราดูข้อมูลจากอาการไม่พึงประสงค์การฉีดวัคซีนในเด็กในประเทศจีน 235 ล้านโดส ระหว่าง พ.ค.- ธ.ค. 2564 พบว่า มีอาการไม่พึงประสงค์ที่ไม่รุนแรง เช่น ปวดบวมในบริเวณที่ฉีด เป็นไข้เล็กน้อย พบประมาณสิบต่อแสนราย ส่วนอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรงมีแค่ 0.071 ต่อแสนราย ในส่วนของประสิทธิภาพผลออกมาว่าสามารถลดการติดโรค ลดการเข้าโรงพยาบาลและลดการเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ กำลังติดตามเพื่อยืนยันวัคซีนโมเดอร์นาอีกด้วย
ขณะที่ นพ.โอภาส กล่าวว่า เรื่องข้อมูลโควิดมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ทำให้หลายคนยังติดกับข้อมูลเก่าจึงอาจคลาดเคลื่อนได้ ดังนั้น ไม่ต้องกังวล ซึ่งจากผลการฉีดวัคซีนไป 100 ล้านโดสตั้งแต่ มิ.ย.เป็นต้นไป ผลปรากฏว่า สามารถป้องกันการเสียชีวิตไปอย่างน้อย 25,000 คน แสดงให้เห็นว่า นโยบายรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขในการฉีดวัคซีนสามารถปกป้องประหยัดชีวิตคนไทยได้ ขณะเดียวกัน ก็ลดผู้ป่วยหนักเข้าไอซียูได้เป็นแสนคน แสดงให้เห็นว่า การฉีดวัคซีนของรัฐบาลได้ผลที่ดี ส่วนวัคซีนซิโนแวค หลายคนยังติดคำเดิมในการด้อยค่าวัคซีน ยืนยันว่าวัคซีนซิโนแวคช่วยชีวิตคนไทย โดยเฉพาะในช่วงแรกได้เป็นอย่างดี และหลังจากนี้เราคาดไม่ได้ว่าจะมีเชื้อกลายพันธุ์อีกหรือไม่ แต่แม้มีสายพันธุ์ใดเปลี่ยนไปก็จะฉีดวัคซีนกระตุ้นตามนโยบายต่อไป
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ หลายคนยังติดสูตรไขว้ไม่ดี ยืนยันสูตรไขว้เป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัยสองชนิดมาฉีดกระตุ้น เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันสูงขึ้น จึงขอให้มั่นใจ โดนเฉพาะล่าสุดการฉีดวัคซีนในเด็กที่ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดเห็นชอบสูตรไขว้ซิโนแวคและไฟเซอร์ เทียบเท่าไฟเซอร์ 2 เข็ม หรือมีภูมิสูงกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งจะทำให้ฉีดได้เร็วขึ้น เพื่อให้เปิดโรงเรียนได้อย่างปลอดภัย
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวถึงการเตรียมถอดโรคโควิด-19 ออกจากระบบบริการเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือ ยูเซ็ป ว่า ย้ำว่า กระทรวงสาธารณสุขไม่มีทางทำให้ประชาชนเดือดร้อน แต่ขณะนี้สถานการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเรารู้จักโรคนี้ดีขึ้น และกำลังบริหารจัดการให้เป็นโรคประจำถิ่น ประกอบกับโรคไม่รุนแรงเหมือนเดิม คนไทยมีภูมิและการบริหารจัดการด้านอื่นๆ เช่น เตียงและยาก็พร้อม จึงอาจไม่มีความจำเป็นโรคฉุกเฉินต่อไป แต่ผู้ที่มีอาการหนักยังเข้ารับรักษาฉุกเฉินได้
ด้าน นพ.ธเรศ กล่าวว่า ในวันที่ 1 มี.ค.นี้ จะปรับการใช้บริการรักษาผู้ป่วยโควิดตามสิทธิ 3 สิทธิ ได้แก่ สิทธิบัตรทอง สิทธิประกันสังคม และสิทธิราชการ แต่ยืนยันยังรักษาฟรีสำหรีบโรคโควิด-19 และเพื่อลดความกังวลได้เตรียมการรองรับผู้ป่วยอาการหนักสีเหลืองและสีแดง โดนได้กำหนดให้เป็นผู้ป่วยฉุกเฉินสามารถเข้ารับการรักษาที่ไหนก็ได้ ทั้ง รพ.รัฐและเอกชนใกล้บ้าน หรือเรียกว่า ยูเซ็ปพลัส ซึ่งระหว่างนี้อยู่ระหว่างเตรียมการ ยืนยันไม่กระทบการรักษาผู้ป่วยโควิด