xs
xsm
sm
md
lg

“สภาล่ม” ภาพลบ ส.ส.ทำงานไม่คุ้มราคา !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา



มีหลายคนจดสถิติเอาไว้ว่า ภายในสัปดาห์เดียว คือ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุ “สภาล่ม” หรือมี ส.ส.ไม่ครบองค์ประชุม คือ มี ส.ส.ไม่ถึง 237 คน โดยสาเหตุหลักไม่ใช่เพราะมี ส.ส.ในห้องประชุมไม่ถึงจำนวนดังกล่าว แต่เป็นเพราะว่า แม้ ส.ส.จะอยู่ในห้องประชุมเพียงแต่ว่าพวกเขาไม่ยอมแสดงตน ซึ่งในความหมายที่เข้าใจกัน ก็คือ “เป็นเกม” การเมืองในสภา รวมไปถึงมีรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ ตามมาอีก

อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีการระบุว่า สมาชิกองค์ประชุมของสภาเป็นภารกิจหลักของ “ฝ่ายเสียงข้างมาก” หรือฝ่ายรัฐบาล ที่ต้องควบคุมเสียงให้ได้ ซึ่งก็ไม่ผิด เพราะตราบใดที่ฝ่ายรัฐบาลไม่สามารถควบคุมเสียงได้แล้ว มันก็จะเกิดปัญหาตามมาทั้งในเรื่องของการผ่านร่างกฎหมายต่างๆ แต่ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งในด้านหลักการสภา หรือฝ่ายนิติบัญญัติย่อมต้องประกบด้วยสมาชิกที่เป็น ส.ส.จากทุกพรรคที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาตามแต่ละประเภท และถือว่าเป็น “ตัวแทนของประชาชน” ซึ่งทุกคนต้องทำหน้าที่ตามที่บัญญัติเอาไว้ตามกฎหมาย

และแน่นอนว่า เมื่อเป็นแบบนี้ องค์ประชุมและผู้ที่เข้าร่วมประชุมที่เป็น ส.ส.นั้น ย่อมต้องประกอบด้วย ส.ส.จากทุกพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เพราะพวกเขาถือว่าเป็นตัวแทนของประชาชน ต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่ นั่นคือฝ่ายเสียงข้างมาก และฝ่ายเสียงข้างน้อย หรือ “ฝ่ายค้าน” ในสภา ต้องทำหน้าที่ในด้านนิติบัญญัติตามหลักการที่แบ่งแยกอำนาจสามฝ่าย คือ บริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ

แต่กลายเป็นว่า เมื่อโฟกัสไปที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ที่เป็น ส.ส.เวลานี้ สิ่งที่พบเห็นก็คือ เป็น “เกมการเมือง” เพื่อหวังเพียงแค่เจตนา “ล้มรัฐบาล” หรือขัดขวางการทำงานในสภาของฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น ไม่ได้มีความสำนึกในการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่กลายเป็นข่าวเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ในทำนอง “ชาวบ้านเหลืออด” กับ “เกมการเมืองโบราณ” ล้าสมัยแบบนี้ จนมีการ “ประจาน” ชื่อ ส.ส.ที่อยู่ในห้องประชุมสภา แต่ไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุมจำนวนมาก จนทำให้มี ส.ส.เหลืออยู่ในห้องประชุมไม่ครบองค์ประชุม จนทำให้ “สภาล่ม” หรือต้องปิดประชุม

โดยพิจารณาจากสถิติที่มีการบันทึกเอาไว้ ก็คือ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแค่สัปดาห์เดียว ก็มีเหตุสภาล่มสองครั้ง และหากนับตามระยะเวลาของรัฐบาลนี้มีเหตุให้สภาล่มถึง 16 ครั้งแล้ว ถือว่าเป็นจำนวนไม่ใช่น้อย ที่ถือว่าเป็น “เกมการเมือง” ที่ใช้เป็นเครื่องมือเล่นงานรัฐบาลเท่านั้น

แต่เชื่อหรือไม่ว่า ทุกอย่างไม่ว่าอะไรก็ตามหากทำแต่ “พอดี” ก็คงไม่มีปัญหา เป็นการกระตุก หรือสั่งสอนรัฐบาล หรือฝ่ายไหนก็ตาม แต่เมื่อใดก็ตามที่มัน “เกินพอดี” เหมือนกับที่กำลังเกิดขึ้นในสภา กลายเป็นว่า “ส.ส.ไม่รู้จักหน้าที่” จ้องแต่จะเล่นเกมทำลายฝ่ายตรงข้ามเพียงอย่างเดียว มันก็จะเกิด “แรงสะท้อนกลับ” เหมือนกับในเวลานี้ ที่สังคมกำลังเริ่มด่าพวก ส.ส.ทั้งหมด ทั้งสภา กลายเป็นภาพลบ ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว

สำหรับการตรวจสอบการแสดงตนเป็นองค์ประชุมสภา เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา มี ส.ส.แสดงตนจำนวน 195 คน ทำให้ไม่ครบองค์ประชุม จำนวน 237 คน พบว่า พรรคเพื่อไทย แสดงตน 2 คน คือ นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. ไม่แสดงตน 129 คน ส่วนพรรคก้าวไกล แสดงตน 43 คน ไม่แสดงตน 8 คน

พรรคเสรีรวมไทย แสดงตน 1 คน ได้แก่ น.ส.ธนภร โสมทองแดง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่แสดงตน 9 คน พรรคประชาชาติ แสดงตน 1 คน คือ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่แสดงตน 6 คน พรรคเพื่อชาติ ไม่แสดงตนทั้ง 6 คน

ขณะที่ พรรคพลังประชารัฐ แสดงตน 54 คน ไม่แสดงตน 43 คน ส่วน ส.ส.ที่ย้ายออกจากพรรคพลังประชารัฐ จำนวน 19 คน แสดงตนเพียง 1 คน คือ นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่น ที่เหลืออีก 18 คน ไม่แสดงตน ด้านพรรคภูมิใจไทย แสดงตน 33 คน ไม่แสดงตน 25 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้กักตัวโควิด 7 คน สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ แสดงตน 35 คน ไม่แสดงตน 15 คน
พรรคชาติไทยพัฒนา แสดงตน 6 คน ไม่แสดงตน 6 คน พรรคชาติพัฒนา แสดงตนครบทั้ง 4 คน ด้านพรรคเศรษฐกิจใหม่ แสดงตน 4 คน ไม่แสดงตน 2 คน พรรคพลังท้องถิ่นไท แสดงตน 4 คน มีเพียง น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี เท่านั้นที่ไม่แสดงตน ส่วนพรรครวมพลังประชาชาติไทย แสดงตน 3 คน ไม่แสดงตน 2 คน คือ นายสุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร และ น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ไม่แสดงตนทั้ง 2 คน ส่วน สำหรับพรรคเล็กที่มี ส.ส.เพียงคนเดียว ที่ไม่แสดงตน ได้แก่ พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคประชาภิวัฒน์ พรรคพลังชาติไทย พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคพลังปวงชนไทย พรรคเพื่อชาติไทย อย่างไรก็ตาม พรรคเล็กที่มี ส.ส.หนึ่งคน และแสดงตน คือ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคไทรักธรรม และพรรคพลเมืองไทย

เป็นที่น่าสังเกตว่า ส.ส.ฝ่ายค้านส่วนใหญ่อยู่ในห้องประชุม แต่ไม่ยอมแสดงตนเป็นองค์ประชุม รวมถึง นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ก็ไม่แสดงตน ทั้งที่นั่งอยู่ข้าง นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทรักธรรม ที่แสดงเป็นองค์ประชุม

นั่นคือ รายชื่อที่สื่อมวลชนนำออกมารายงานให้ชาวบ้านได้ทราบว่า มี ส.ส.คนไหนบ้าง จากพรรคใดบ้างที่ไม่ทำหน้าที่ของตัวเองตามที่ได้อ้างว่าเป็นตัวแทนของประชาชน เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ในสภานิติบัญญัติ ตามที่เคยมีการแข่งขันกันแบบเอาเป็นเอาตายเพื่อให้ได้เข้ามาเป็น ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ เพราะการอ้างว่าองค์ประชุมเป็นหน้าที่ของฝ่ายเสียงข้างมาก แม้จะไม่ผิดนัก แต่รับรองว่ามันไม่ใช่ตรรกะที่ถูกต้องแน่นอน

เพราะหากจะขัดขวางหรือทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายรัฐบาลก็สามารถทำได้ อย่างน้อยก็คือ ญัตติซักฟอก หรือแม้แต่กฎหมายสำคัญที่เกี่ยวกับการเงินที่สามารถใช้ถ่วงดุลได้อยู่แล้ว หากถูกคว่ำ หรือพ่ายแพ้รัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีก็ต้องลาออก หรือยุบสภาได้อยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ใช้วิธีเล่นเกมแบบ “ทุเรศ” ในสายตาประชาชนแบบนี้

ที่ผ่านมา มักจะมีการชอบพูดกันนักว่า “ภาษีกู ภาษีกู” แบบนี้แหละคือ ภาษีของกู (ประชาชน) ของแท้เลยแหละ เพราะ ส.ส.กินเงินเดือนของประชาชน มีเงินค่าตอบแทน มีสิทธิพิเศษหลายอย่างตามตำแหน่งที่เรียกว่า “ผู้ทรงเกียรติ” และที่ผ่านมา ก็อาสาเข้ามารับใช้ไม่ใช่หรือ แต่การเล่นเกมแบบนี้ถือว่า มีแต่ “สร้างภาพลบ” ให้กับสภา และ ส.ส.โดยรวม !!


กำลังโหลดความคิดเห็น