โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯพอใจสหรัฐฯ ไฟเขียวเปิดตลาดนำเข้าส้มโอไทยไม่จำกัดพันธุ์ คาดส่งออกลอตแรกได้สิงหาคมนี้ เร่งผลักดันส่งออกผลไม้ไทยเชิงรุก สร้างรายได้แก่เกษตรกร และเพิ่มมูลค่าการส่งออกไทย
วันนี้ (6 ก.พ.) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกาอนุญาตให้นำเข้าส้มโอผลสดจากประเทศไทย ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดแล้ว หลังจากที่ฝ่ายไทยเสนอขอเปิดตลาดส้มโอมาตั้งแต่ปี 2549 โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับทราบข่าวดีดังกล่าวแล้ว และชื่นชมความมุ่งมั่นอุตสาหะของหน่วยงานไทยที่เจรจาจนสามารถเปิดตลาดส้มโอได้เป็นผลสำเร็จ เป็นการสร้างโอกาสให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกส้มโอของไทย พร้อมกำชับให้ดูแลเรื่องมาตรฐานการส่งออกอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผลไม้ไทยมีคุณภาพและตรงตามความต้องการของตลาด ตลอดจนสั่งการเร่งวางแนวทางการบริหารจัดการผลไม้ไทยเชิงรุก ในปี 2565 หาตลาดรองรับ โดยเฉพาะในช่วงฤดูผลไม้ที่จะมาถึงนี้
โดยกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงานว่า สหรัฐอเมริกาอนุญาตให้นำเข้าส้มโอผลสดไม่จำกัดพันธุ์จากประเทศไทย ภายใต้เงื่อนไขการนำเข้าที่กำหนดแล้ว หลังจากที่รัฐบาลไทยได้เสนอขอเปิดตลาดส้มโอพร้อมกับผลไม้อีกหลายชนิด มาเป็นระยะเวลากว่า 15 ปี ตั้งแต่ปี 2549 โดยมีเงื่อนไขสำหรับการส่งออกผลผลิต ซึ่งจะต้องมาจากแหล่งผลิตที่ได้รับการรับรอง GAP (Good Agricultural Practice) โรงคัดบรรจุได้รับการรับรองตามมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) และก่อนส่งออกต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร นอกจากนี้ ผู้ส่งออกต้องลงทะเบียนเข้าร่วม โครงการตรวจสอบผลไม้ฉายรังสีก่อนการส่งออก อีกทั้งการอนุญาตให้นำเข้าส้มโอจากไทยต้องเป็นการส่งออกเพื่อการค้าเท่านั้น โดยกรมวิชาการเกษตร คาดการณ์ว่าในฤดูการผลิตส้มโอเดือนสิงหาคมนี้ ไทยจะสามารถส่งออกส้มโอลอตแรกไปจำหน่ายยังสหรัฐฯ ได้ ทั้งนี้ ตลาดการส่งออกส้มโอผลสดของไทยในต่างประเทศมีจำนวน 29 ประเทศ มีตลาดหลักที่สำคัญ ได้แก่ จีน และมาเลเซีย โดยในปี 2564 ประเทศไทยส่งออกส้มโอจำนวน 29,782 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 903 ล้านบาท
นายธนกร กล่าวว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยโดยกระทรวงพาณิชย์ผลักดันการส่งออกผลไม้ไทยเชิงรุก ผ่านโครงการจับคู่เจรจาการค้าสำหรับสินค้าผลไม้ที่มีผลผลิตทั้งปี อาทิ มะม่วง มะพร้าว มะขาม และส้มโอ และผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปในรูปแบบออนไลน์ (Online Business Matching: OBM) ได้เจรจาการค้าและวางแผนการส่งออกของปี 2565 ล่วงหน้า มียอดเจรจาการค้ากว่า 1,454 ล้านบาท โดยคาดการณ์ว่า ในปี 2565 การส่งออกสินค้าผลไม้จะมีแนวโน้มขยายตัวได้ดียิ่งขึ้นอีก
ทั้งนี้ ภายใต้การทำงานของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ ประเทศไทยเป็นผู้นำการผลิตและส่งออกผลไม้เมืองร้อนที่สำคัญ และมีชื่อเสียง ในปี 2564 ไทยสามารถครองส่วนแบ่งตลาดผลไม้ในจีนได้เป็นอันดับ 1 คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 45% อีกทั้งการส่งออกผลไม้ของไทยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สร้างรายได้กว่า 1.6 แสนล้านบาท (ม.ค.- พ.ย. 2564) แม้จะต้องเผชิญกับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และความท้าทายต่างๆ จึงสะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลในการผลักดันการส่งออกผลไม้ไทย ผ่านมาตรการเชิงรุก อย่างเป็นระบบและรอบคอบ ตลอดจนมีการปรับรูปแบบให้สอดรับกับสถานการณ์ ทำให้การส่งออกผลไม้ของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ แสวงหาโอกาสเพิ่มการส่งออกผลไม้ของไทยผ่านการใช้ประโยชน์จากเส้นทางการขนส่งผ่านทางรถไฟจีน-ลาว ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่า แนวทางที่รัฐบาลได้ดำเนินการมานี้ จะสนับสนุนการส่งออกของไทยในปี 2565 ให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ผู้ประกอบการ และสร้างเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างมหาศาล