เมืองไทย 360 องศา
หากกล่าวกันแบบเอาขำๆ แบบฮาไม่ออก ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญอย่างร้ายกาจ สำหรับ นายทักษิณ ชินวัตร หรือ “โทนี่ วู้ดซัม” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลบหนีคดีในต่างประเทศ ทำนองว่าอยู่ที่ไหนก็มีแต่เรื่อง
ก่อนหน้านี้ บรรดา “ลูกน้องเก่า” ในกลุ่ม “แคร์ฯ” พยายามจะสร้างภาพความ “ฉลาดเฉลียว” เกินคน ประมาณว่า ทางประเทศตองกา จะอวยยศให้เป็น “ท่านเซ่อร์” เพื่อแลกกับคำขอร้องให้ไปช่วยบริหารเกาะที่นั่นให้หน่อย และยังอ้างคำพูดพาดพิงไปถึง คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยา ที่ไปปรึกษาหารือ แต่กลายเป็นว่า “ฉลาดเกินไปจนอยู่เมืองไทยไม่ได้” อะไรประมาณนั้น แต่หากพิจารณาอีกความหมาย ก็คือ “อวดฉลาดจนไม่มีแผ่นดินอยู่” หรือเปล่า
แต่ที่น่าเศร้าก็คือ เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตองกาก็ประสบภัยพิบัติจากภูเขาไฟใต้ทะเลระเบิด จนสร้างความเสียหายอย่างหนัก
ถัดมาที่ “ดูไบ” ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศอาหรับริมอ่าวเปอร์เซียที่ร่ำรวยทันสมัย ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยเกิดเหตุร้ายแรง แต่ล่าสุดไม่กี่วันก่อนกลับต้องเจอกับเรื่องน่าวิตก เมื่อโดนกลุ่ม “กบฏฮูตี” ในประเทศเยเมน ใช้ “โดรน” และ “ขีปนาวุธ” ถล่มเข้าไปกลางเมือง สร้างความเสียหายให้กับสนามบินดูไบ และเมืองอาบูดาบี เมืองสำคัญ มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง จนเกิดความวิตกไปทั่วว่า สงครามตัวแทนในเยเมนกำลังขยายวงกว้างออกไปยังประเทศกลุ่มพันธมิตรที่หนุนหลังทั้งสองฝ่าย นั่นคือ ซาอุดิอาระเบีย และพันธมิตรหลัก คือ ยูเออี กับอีกฝ่าย คือ อิหร่านนั่นเอง
อย่างไรก็ดี หากจำกัดกันเฉพาะบางเหตุการณ์ที่ “ประจวบเหมาะ” กันอย่างบังเอิญ เหมือนกับว่า นายทักษิณ ชินวัตร หรือ “โทนี่” อยู่ที่ไหนก็ “มักมีแต่เรื่อง” เพราะใครจะนึกว่า “นครดูไบ” ที่มีภาพลักษณ์เป็นนครทันสมัยระดับโลกแทบทุกอย่าง เป็นเมืองการค้า ศูนย์กลางทางธุรกิจสมัยใหม่ กลับต้องมาเจอกับเรื่องอกสั่นขวัญแขวนแบบนี้ เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงมาก่อน
แต่ที่ต้องการโฟกัสในเวลานี้ ก็คือ เรื่อง “การฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย” กลับคืนมาในระดับปกติ ซึ่ง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพิ่งเดินทางไปเยือนตามคำเชิญของ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งซาอุดีอาระเบีย ซึ่งจะว่าไปแล้ว เจ้าชายพระองค์นี้ ก็คือ ผู้ที่ทรงอิทธิพลและทรงอำนาจอย่างแท้จริงในซาอุฯนั่นเอง
แน่นอนว่า การเดินทางไปเยือนซาอุดีอาระเบียของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในครั้งนี้ ย่อมถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เป็นการเปิดประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์หน้าใหม่ระหว่างสองประเทศในรอบกว่าสามสิบปี ซึ่งสาเหตุที่ต้องหมางเมินกันมา เชื่อว่า ทุกคนน่าจะรับรู้กันไปแล้ว และก็ต้องยอมรับกันว่า นี่คือ “ผลงานชิ้นสำคัญ” ของรัฐบาล โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่” ที่สามารถ “สร้างเครดิต” กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ต้องเจอกับมรสุมทางการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
การได้เห็นภาพการต้อนรับอย่างให้เกียรติและยิ่งใหญ่ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี โดยเฉพาะ “ผลที่จะตามมา” หลังจากนี้ ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว สุขภาพทางการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องแรงงาน ซึ่งจะเป็นผลดีทั้งสองฝ่าย และที่เห็นชัดเจนทันที ก็คือ มีการประกาศจากสายการบินของซาอุเดียแอร์ไลน์ว่าจะเริ่มบินตรงมาไทยตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป
ขณะเดียวกัน ทางฝ่ายไทย โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น เร่งดำเนินการเตรียมจัดหาแรงงานคุณภาพ เพื่อไปทำงานในประเทศซาอุฯ โดยให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายในสองเดือน ถือว่า การฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศครั้งนี้ มีแต่เรื่องในทางบวก โดยเฉพาะทางบวกกับประเทศไทย ในเรื่องเศรษฐกิจปากท้องในแทบทุกด้าน
แน่นอนว่า นั่นคือ ภาพในเชิงบวก การสร้างผลงานของรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตกำลังโดนมรสุมทางการเมืองรุมเร้าเข้ามาพร้อมๆ กันหลายเรื่อง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีความพยายามในการ “ตีปี๊บ” ขยายวงกว้างออกไป
แต่ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ทางฝ่ายพรรคเพื่อไทย ที่นั่งมองเรื่องนี้ด้วยอาการ “กัดฟันกรอด” พยายาม “ด้อยค่า” บิดเบือนทุกวิถีทาง แต่ทุกอย่างมันก็ถูก “ปิดทับด้วยความจริง” เสียกลบมิดในทุกเรื่อง
ที่สำคัญ งานนี้กลายเป็นว่า คนที่ถูกมองว่าเป็น “เจ้าของพรรค” อย่าง นายทักษิณ ชินวัตร “แทบจะไม่มีตัวตน” อยู่เลย เหมือนกับว่าถูกกันออกไปนอกวงแบบไกลลิบ ผิดฟอร์มไปจากทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศคราวใดก็ตาม ก็ต้องมีเรื่องของ “ผู้เชี่ยวชาญระดับขาใหญ่” เข้ามาเกี่ยวข้องทุกที ในฐานะคนที่มีคอนเนกชันไปทั่วโลก เหมือนกับก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ที่อ้างว่า ประเทศตองกาจะจ้างไปบริหารเกาะให้เจริญโดยแลกกับตำแหน่ง “ท่านเซ่อร์” แต่บอกว่าได้ปฏิเสธไป ประมาณนั้น
แต่คราวนี้หากสังเกตให้ดีว่า เขา “เงียบกริบ” และยังเชื่อว่า นายทักษิณ ชินวัตร คงไม่กล้าคอมเมนต์แบบสุ่มสี่สุ่มห้าแน่นอน เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า เขามีที่พำนักอยู่ที่ “ดูไบ” สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พันธมิตรสำคัญของประเทศซาอุฯ ในการทำสงครามตัวแทนในเยเมน และเพิ่งถูกกบฏฮูตี โจมตีจนเกิดความหวั่นวิตกไปทั่ว ว่า สงครามจะขยายลุกลามออกไป และที่สำคัญที่นั่นไม่ใช่ประเทศตะวันตก
ดังนั้น หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวในวันนี้ หากมองในภาพทางการเมือง ก็ต้องถือว่ามาได้จังหวะสำหรับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ต้องยกเป็นผลงานในช่วงที่กำลังอยู่ในภาวะถูกกระหน่ำรอบทิศทาง แต่สำหรับอีกฟากหนึ่ง คือ พรรคเพื่อไทย และ นายทักษิณ ชินวัตร นาทีนี้ได้แต่ยืนกัดฟันขบกรามกรอดๆ แม้จะพยายามด้อยค่ากันทุกทาง แต่เมื่อความจริงเป็นเรื่องประจักษ์ชัด ยิ่งพูดก็ยิ่งเข้าตัว มีแต่ภาพลบ โดยเฉพาะ “โทนี่” ยิ่งต้องเงียบเป็นดีที่สุด เพราะหากขืน “โชว์ออฟ” แบบมั่วๆ ก็อาจไม่มีแผ่นดินอยู่ของจริงก็เป็นได้ !!