ที่ปรึกษา กมธ.สาธารณสุข ยินดี ปลดล็อก “กัญชา” ทุกบ้านปลูกได้ เพื่อการแพทย์ คืบหน้าไปอีกขั้น และเป็นประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจ
วันนี้ (27 ม.ค.) นายอริย์ธัช ชาติอาริยะพงศ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าที่บอร์ด ป.ป.ส. มีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข ให้กัญชาและกัญชง พ้นจากยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เสนอเข้าสภาในวันนี้ โดยกล่าวว่า หลายปีมานี้ มุมมองต่อกัญชาในสังคมไทยและสังคมโลกเปลี่ยนไปมาก โดยเป็นการมองเห็นคุณค่า หรือสรรพคุณทางยาผ่านงานวิจัยมากมาย ถูกยอมรับในฐานะภูมิปัญญาด้านสมุนไพรพื้นบ้านที่เคยใช้กันมานานโดยสามารถรักษาความเจ็บป่วยในหลายอาการ และกำลังอยู่ในช่วงของการศึกษาคุณสมบัติในการต่อสู้กับมะเร็ง อีกทั้งยังมองเห็นเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ที่จะสามารถเพิ่มรายได้ให้ครัวเรือนได้ จึงทำให้ “กัญชา” เป็นหนึ่งในวาระทางการเมืองที่ต้องการให้มีการปลดล็อกออกจากบัญชียาเสพติด เพื่อเปิดประตูสู่การศึกษาวิจัยและใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง แม้ว่าจะยาก ทั้งในเชิงความคิดที่ยังต้องทำความเข้าใจกับสังคมที่ถูกทำให้มองเห็นเฉพาะด้านเดียวที่เป็นโทษมานาน หรือการต่อสู้กับข้อจำกัดทางกฎหมายต่างๆ ที่ถือแยกกันหลายหน่วยงาน แต่ถึงวันนี้ต้องบอกว่ามีพัฒนาการที่คืบหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ
“เรื่องนี้คงต้องยกบทบาทความเป็นนักสู้ตัวจริงให้กับกระทรวงสาธารณสุข ที่พยายามผลักดันอย่างเต็มที่ ด้านหนึ่งคือการเปลี่ยนมุมมองความคิด ด้วยการเผยแพร่องค์ความรู้ให้สังคมเห็นประโยชน์ สร้างโมเดลต้นแบบการใช้เพื่อการแพทย์อย่างถูกวิธี ขณะเดียวกัน ก็หาช่องทางคลายล็อกทางกฎหมายเพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงกัญชาได้เสมือนพืชสมุนไพรที่เคยเป็นมาในอดีต โดยมีการแก้กฎหมายหรือประกาศต่างๆ ที่อยู่ในอำนาจของกระทรวงสาธารณสุข ให้คลายล็อกได้ทั้งหมด ขณะที่อำนาจตามกฎหมายอื่นที่อยู่นอกเหนือกระทรวงก็มีการผลักดันอย่างเต็มที่ จนในที่สุด คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ บอร์ด ป.ป.ส. ก็เห็นชอบให้ปลดพืชกัญชาจากบัญชียาเสพติดได้สำเร็จ โดยยกเว้นสารสกัดที่มี THC เกิน 0.2% ซึ่งจะมีผลบังคับหลังจากประกาศในราชกิจจาฯ 120 วัน” นายอริย์ธัช กล่าว
นายอริย์ธัช กล่าวต่อว่า อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า การปลดล็อกจะส่งผลให้ครัวเรือนต่างๆ สามารถปลูกกัญชาได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลเพิ่มว่า หลังจากประกาศในราชกิจจาฯ 120 วัน จะมีการกำหนดทิศทางการใช้กัญชาตามบ้านให้ชัดขึ้น เช่น ให้มีการการจดแจ้งเพื่อทราบ แต่ไม่ใช่เพื่อขออนุญาต เพราะจะไม่มีการขัดขวาง ขอเพียงอย่านำไปใช้ในทางที่ผิด เนื่องจากยังคงเน้นเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การวิจัย การศึกษา เป็นหลัก และยังคงต้องสื่อสารทำความเข้าใจกับนานาชาติ ว่า การคลายล็อกกัญชาครั้งนี้ ยังไม่ได้ข้ามไปสู่การอนุญาตให้ใช้เพื่อความบันเทิง ซึ่งการจะไปถึงจุดนั้นจะต้องมีการศึกษาทดลองประเมินผลดีผลเสียให้มากขึ้นต่อไป รวมถึงยังเป็นการดำเนินการที่อยู่ในกรอบพันธสัญญาระหว่างประเทศด้านยาเสพติดต่างๆ ที่ไทยได้ลงนามไว้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าที่มาถึงตรงนี้ ตนเชื่อว่า จะเป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์ แพทย์พื้นบ้าน รวมถึงเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจในอนาคตได้อย่างมาก โดยที่ประชาชนไม่ต้องเสี่ยงว่าจะทำผิดกฎหมายอีกต่อไป